เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 353 เซี่ยอวี่เหอ ตงฟางเมิ่ง เทียนซวงเอ๋อร์
การแข่งขันสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณเรียกได้ว่าได้รับความสนใจจากพรรควรยุทธโบราณทั้งหมดในประเทศจีนและคนระดับสูงของทางการ แน่นอนว่าคนระดับล่างสุดของสังคมทำได้เพียงถูกบดบังดวงตาเท่านั้น เรียกได้ว่าคนที่วิ่งวุ่นเพื่อดำรงชีวิตไปทั้งชาติไม่อาจรู้ไปตลอดกาล บนโลกใบนี้มีเรื่องลึกลับอยู่มากมาย คุณไม่รู้หลายเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่
ตอนแรกเย่เทียนเฉินไม่ได้สนใจการแข่งขันของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณอะไรเลย เขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงเพราะไม่อยากให้พ่อแม่กังวลเท่านั้น คิดว่าเขาไม่มีอะไรทำ แต่ความจริงเขายุ่งมาก พูดถึงตอนนี้ คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงสามารถมาลอบสังหารเขาได้ทุกเมื่อ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนเขาไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ ส่วนสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่ไม่อ่อนแอไปกว่าพรรคเส้าหลินซึ่งเป็นพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีน ความสามารถลึกล้ำเป็นอย่างมาก จักรพรรดิดาบที่เป็นหัวเรือใหญ่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดใน 10 อันดับแรกของโลก ซึ่งอยู่ในลำดับที่สาม นี่จะร้ายกาจระดับใดกัน?
การหายตัวไปของฉินเหยาเยว่ทำให้เย่เทียนเฉินรับรู้ถึงความผิดปกติ ฉินเหยาเยว่ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เธอซ่อนตัวได้ลึกล้ำมาก ความสามารถแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะว่าพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเย่เทียนเฉินร้ายกาจก็คงไม่พบฉินเหยาเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่ทั้งสองพบกันก็ถูกเคล็ดวิชาสะกดใจของฉินเหยาเยว่เล่นงานด้วย เกรงว่าความลับมากมายเกี่ยวกับดาวสิ้นโลกของตนจะซ่อนเอาไว้ไม่อยู่แล้วแล้ว
พริบตาเดียวเย่เทียนเฉินก็หายไปจากตึกการเรียนการสอนของคณะโบราณคดี ไปยังภูเขาด้านหลังของมหาวิทยาลัยหลงเถิง ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่แล้ว เขาไม่มีอะไรต้องซ่อนและไม่กลัวว่าจะถูกใคร เห็นยามค่ำคืนเป็นช่วงเวลาที่ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหว จะอย่างไรก็เรียกได้ว่าพวกเขาอยู่คนละโลกกับคนธรรมดาทั่วไป และไม่อยากถูกคนรู้มากนัก ไม่อยากรบกวนชีวิตของคนธรรมดา ดังนั้นในยามค่ำคืนจะมีคนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่มากที่สุด ในยามปกติพวกเขาจะเป็นเหมือนกับคนธรรมดา ดูเหมือนจะไม่มีใครมองออก
ในตอนที่เย่เทียนเฉินไปถึงภูเขาด้านหลังของมหาวิทยาลัยหลงเถิง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งทั้งสามสาย หนึ่งในนั้นเป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยมาก เหมือนกับเคยพบมาก่อน กลิ่นอายอีกสองสายก็แข็งแกร่งจนถึงขั้นไม่อาจคาดเดา นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินตกตะลึง ผู้แข็งแกร่งสามคนอยู่ที่ภูเขาด้านหลังมหาวิทยาลัยหลงเถิง นี่ต้องการทำอะไรกัน? จำเป็นจะต้องตรวจสอบให้กระจ่าง
เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจกับพรรควรยุทธโบราณเป็นอย่างมาก เนื่องจากพรรควรยุทธโบราณในประเทศจีนสืบทอดกันมาหลายพันปี พรรควรยุทธโบราณที่สืบต่อมาได้ทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะมีผลกระทบมากเกินไปจนไม่สามารถหายไปได้อย่างสิ้นเชิงเหมือนกับพรรคเส้าหลินและพรรคบู๊ตึ๊ง นอกเหนือจากนั้นมีพรรควรยุทธโบราณที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งเดิม ทีก่อนหน้านั้นก็ซ่อนตัวแล้ว แต่ก็ไม่อาจดูถูกพรรควรยุทธโบราณที่แข็งแกร่งได้ ส่วนผรรคที่เหมือนกับผรรคเส้าหลินที่เปิดเผยในเบื้องหน้า แต่ความจริงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาก็ปิดซ่อนเอาไว้ไม่ให้คนธรรมดาได้รู้และไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมราชวงศ์ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจระดับสูงของราชวงศ์ไหนก็ทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันและจับตามองพรรควรยุทธโบราณ เนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขาเกินกว่าที่ทางการจะควบคุมได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากพวกเขามีการเคลื่อนไหวอะไร จะส่งผลกระทบกับประเทศเป็นอย่างมาก เพราะคนพวกนี้แข็งแกร่งเกินไป กระทั่งแข็งแกร่งจนถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ
เดินเข้าไปด้านหน้าอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง เย่เทียนเฉินกดกลิ่นอายพลังพิเศษของตนเอาไว้ กดเอาไว้จนเหมือนจะสัมผัสไม่ได้ หัวใจของเขาเต้นช้ามาก นี่คือการใช้พลังของตนอย่างหนึ่ง เป็นวิธีสยบร่างกายของตัวเอง ยอดฝีมือหลายคนล้วนใช้วิธีการเช่นนี้ทำให้ตัวเองดูไม่แตกต่างอะไรจากคนธรรมดา มิฉะนั้นกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ คนธรรมดาสัมผัสเข้าไป ไม่ถูกกดดันจนตายก็นับว่าโชคดีแล้ว
เย่เทียนเฉินเดินอย่างระมัดระวังและกลั้นหายใจตลอดเวลา ทุกก้าวต้องใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ไปสำรวจนานมาก ไม่ใช่ว่าเขากลัวอะไร แต่ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาอยากดูสักหน่อยว่าตกลงแล้วเป็นคนแข็งแกร่งสามคนอย่างไรกันแน่ที่จะรวมตัวกันบริเวณภูเขาด้านหลังของมหาวิทยาลัยหลงเถิงในเวลาแบบนี้ จะต้องมีความลับอะไรแน่นอน
ความจริงแล้วเย่เทียนเฉินเป็นคนที่มีความอยากรู้อยากเห็นเยอะมาก เป็นเพราะจุดนี้ของเขาทำให้ความสามารถของเขาพัฒนาไปได้รวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่มีพลังสังหารรุนแรงของตนออกมาได้อีกด้วย ความรู้ไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเวลาใดประโยคนี้ก็เหมาะสม
“เทียนซวงเอ๋อร์ ตงฟางเมิ่ง ไม่พบกันนานเลย ได้ยินว่าพวกเธอทั้งสองเข้าสู่โลกปกติแล้ว ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?” ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินได้ยินเสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คิดในใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?
มองไปรอบๆ เสียงที่เย่เทียนเฉินได้ยินมาจากต้นไม้ด้านหน้า ทันใดนั้นจิตวิญญาณสั่นไหว เขารีบกระโดดขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง หลบอยู่บนกิ่งไม้แล้วมองลงไป พยายามมองทุกอย่างที่อยู่บนพื้นว่างบริเวณต้นไม้ให้ชัดเจน ในตอนที่เขามองเห็นชัดเจนแล้ว ในใจก็ต้องตื่นตะลึง บริเวณพื้นที่ว่างใต้ต้นไม้มีผู้หญิงอยู่สามคน กลิ่นอายบนร่างของผู้หญิงสามคนนี้แข็งแกร่งมาก พลังภายในที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากบนร่างของผู้หญิงทั้งสาม ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกเสียวสันหลัง ผู้หญิงที่แข็งแกร่งขนาดนี้หาได้ยากจริงๆ หรือพวกเธอคือ…
“เซี่ยอวี่เหอ ได้ยินว่าอาจารย์ของเธอคัดค้านไม่ให้เธอมาตลอดไม่ใช่เหรอ? กลัวตายรึไง?” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เซี่ยอวี่เหอมองไปยังผู้หญิงคนนั้นอย่างดุดัน ตั้งท่าทางราวกับจะลงมือ ผู้หญิงที่พูดด้วยเสียงเย็นชาคนนั้นไม่ใช่คนใจดีอะไร ตั้งท่าทันทีเช่นกัน หากเซี่ยอวี่เหอลงมือผู้หญิงคนนั้นจะต้องไม่ไว้ไมตรีแน่นอน ทั้งสองจะต้องต่อสู้กันครั้งใหญ่แน่ อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะลงมือนั้น พวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังผู้หญิงด้านข้างที่สวมใส่ผ้าแพรปิดบังใบหน้ามาตลอด ยืนอยู่ที่เดิมอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ก่อนจะพากันผ่อนคลายท่าทางพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเธอสองคนรู้ดีว่า หากพวกตนทั้งสองสู้กันถึงขั้นเป็นตาย สุดท้ายก็จะเป็นการทำให้ผู้หญิงเย็นชาที่ยืนอยู่ด้านข้างนี้ได้เปรียบ เป็นไปได้มากว่าท้ายที่สุดพวกเธอสองคนจะถูกผู้หญิงคนนี้ฆ่าตาย ไม่นับเป็นแผนที่ดี
“อาจารย์ของฉันกลัวว่าฉันจะฆ่าพวกเธอสามคนตายไปทั้งหมดน่ะสิ เมื่อถึงตอนนั้นสำนักที่พวกเธอทั้งสามคนอยู่จะมาแก้แค้นโดยไม่สนใจหน้าตาหรือเปล่า? อีกอย่าง เทียนซวงเอ๋อร์ เธอเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง สบายใจมากหรือเปล่า? ต้องการซ่อนตัวรึไง?” เซี่ยอวี่เหอก็ไม่ยอมใคร มองไปยังผู้หญิงฝั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้มเย็นชาแล้วพูดขึ้น
เย่เทียนเฉินได้ยินบทสนทนาของเซี่ยอวี่เหอและผู้หญิงตรงข้าม ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง สี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ เรียกได้ว่าเย่เทียนเฉินรู้จักแค่เซี่ยอวี่เหอเท่านั้น ทั้งสองเคยสู้กันมาก่อน เซี่ยอวี่เหอแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังพิเศษของเธอ รวมกับพลังภายในที่ฝึกฝนมาจากพรรควรยุทธโบราณ เมื่อพลังทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน เคล็ดวิชาสังหารจึงแข็งแกร่งขึ้นมาก จำเป็นต้องระมัดระวัง
“เทียนซวงเอ๋อร์? อาจารย์ของมหาวิทยาลัยหลงเถิง? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามในใจด้วยความสงสัย
ตอนนี้ตำแหน่งที่เย่เทียนเฉินอยู่มองเห็นเซี่ยอวี่เหอและผู้หญิงสวมผ้าปิดหน้าที่ดูเย็นชาเป็นน้ำแข็งอีกคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเซี่ยอวี่เหอ เนื่องจากตำแหน่งที่เย่เทียนเฉินอยู่และแสงจันทร์ ทำให้เขามองได้ไม่ชัด หากใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ก็จะสามารถมองได้ชัดเจน แต่จะต้องถูกพบแน่นอน หากมีการต่อสู้ เกรงว่าข้อมูลสำคัญที่อยากได้ยินก็จะไม่ได้รู้แล้ว
“ไม่ได้มีแค่ฉันที่อยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง ยังมีตงฟางเมิ่งด้วย เธอเป็นดาวมหาลัยมาสามปี ถ้าหากว่าฉันไม่มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงก็ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่สาวตงฟางของพวกเรามีฉายาที่เป็นเกียรติแบบนี้…” เทียนซวงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซี่ยอวี่เหอมองไปยังตงฟางเมิ่งที่อยู่ด้านข้างอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่พูดไม่จามาโดยตลอด คนเย็นชาประดุจน้ำแข็งคนนั้นจะเป็นตงฟางเมิ่ง ในที่สุดก็รู้ตัวตนแล้วในฐานะที่ได้รับเลือกให้เป็นดาวมหาลัยมาสามปีซ้อน นี่ไม่ใช่การคุยโวโอ้อวด หากพูดว่าเธอมีใบหน้าที่สวยงามที่สุดในโลกก็ไม่มากเกินไป เพียงแต่เธอจะสวยขนาดไหน เย่เทียนเฉินก็ยังไม่เคยเห็น
ในตอนนี้เอง ในที่สุดตงฟางเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดไม่จามาตลอด เห็นว่าเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ล้วนมองมาที่ตน ก็ใช้น้ำเสียงเย็นชาแต่ยังคงไพเราะเพราะพริ้งพูดขึ้นว่า “การประลองสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณของพวกเราในครั้งนี้ ผู้ที่ชนะก็จะออกคำสั่งอีกสามพรรคที่เหลือได้ ไม่รู้ว่าพวกเธอมีข้อเสนอแนะอะไรไหม?”
“เรื่องนี้ฉันบอกอาจารย์ของฉันแล้ว พวกผู้อาวุโสก็เห็นด้วย!” เซี่ยอวี่เหอยักไหล่แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อาจารย์ของเธอจะเห็นด้วยเหรอ? เขากลัวว่าเธอจะถูกพวกเราฆ่าขนาดนั้น เกรงว่าคงไม่เห็นด้วยล่ะมั้ง?” เทียนซวงเอ๋อร์พูดโจมตีเซี่ยอวี่เหอ
“เรื่องของฉันไม่ต้องให้เธอมายุ่ง ถ้าหากเธอคิดว่าไม่อยากทำตามพวกเราสองคน ก็ลงมือสู้กันก่อนครั้งหนึ่งเป็นไง เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเธอจะกล้าตอบรับหรือเปล่า?” เซี่ยอวี่เหอมองเทียนซวงเอ๋อร์อย่างดุดันแล้วพูดขึ้น
“เธอคิดว่าฉันจะกลัวพวกเธอเหรอ? หลังจากคืนนี้ไป พวกเธอสามคนจะต้องตายทั้งหมด!” เทียนซวงเอ๋อร์เปลี่ยนไปมีพลังอำนาจอย่างยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ มีไอสังหารอันเข้มข้นออกมา กระทั่งเย่เทียนเฉินที่หลบอยู่บนต้นไม้ก็ต้องใจสั่น ผู้หญิงสามคนนี้แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาสจริงๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง หากพวกเธอต้องการสู้กันขึ้นมาคงน่ากลัวมาก
“เธอไม่มีความสามารถแบบนั้นหรอก ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าเธอหลบไปเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” ตงฟางเมิ่งมองเทียนซวงเอ๋อร์แล้วพูดขึ้น
“หึ วันนั้นเธอไปหาฉันที่ตึกการเรียนการสอนของคณะโบราณคดี คิดว่าคงต้องการมาถามเรื่องนี้กับฉันใช่ไหม เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอกับฉันสู้กันยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ วันนี้จะต้องเอาชนะเธอให้ได้!” เทียนซวงเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เทียนซวงเอ๋อร์แฝงตัวไปเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยหลงเถิง? และยังอยู่ในคณะโบราณคดีด้วย หรือว่าเทียนซวงเอ๋อร์จะเป็น…
“เรื่องนี้ฉันก็เคยได้ยิน เทียนซวงเอ๋อร์ เดิมทีเธอก็เป็นคนที่ “เทียนซู่ฉีเหมิน” ส่งมา มาทำอะไรที่คณะโบราณคดีกันแน่? แถมยังเปลี่ยนชื่อเป็นฉินเหยาเยว่อีก ต้องการตามหาของอะไรใช่ไหม? ทำไมไม่พูดออกมาให้ทุกคนได้ยินหน่อยล่ะ?” เซี่ยอวี่เหอเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มได้ใจ
…………………