เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 369 ต้องการช่วยตงฟางเมิ่งนั้นยากมาก!
ดาวจักรพรรดิ เป็นการดำรงอยู่ที่ลึกลับเป็นอย่างมาก เป็นดวงดาวที่จนกระทั่งทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ที่ล้ำหน้าที่สุดก็ยังไม่อาจพิสูจน์ได้และไม่สามารถจับต้องได้ อย่างน้อยในบันทึกของตำราวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่มีเบาะแสเงื่อนงำแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้เย่เทียนเฉินได้รู้จากปากของจางอีเต๋อว่า จางอีเต๋อมีชีวิตอยู่มาเกือบ 100 ปีแล้ว ไม่เพียงแต่จะมีวิชาแพทย์สูงส่ง ความสามารถก็แข็งแกร่งห้าวหาญมาก เรียกได้ว่าเขาทำลายความคิดที่ว่าผู้มีพลังพิเศษสายรักษาจะต้องมีฝีมืออ่อนแอไปแล้ว บนโลกที่หลิงชี่แห้งเหือดเช่นนี้ยังทำถึงขั้นนี้ได้ ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
ส่วนจางอีเต๋อนั้นก็ได้อ่านพบในตำราลึกลับเล่มหนึ่งที่เป็นตำรายุคโบราณอันห่างไกลจนไม่รู้ว่าเป็นช่วงเวลาไหน พบว่ามีการบันทึกเกี่ยวกับดาวจักรพรรดิเอาไว้ นี่เป็นดาวที่ลึกลับอย่างไร้ขีดจำกัด ว่ากันว่าหลายพันปีก่อนหน้านี้ บนดาวโลกมีของสิ่งหนึ่งที่คล้ายกับค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ สามารถทำให้คนเดินทางไปถึงดาวจักรพรรดิได้โดยตรง แน่นอนว่าหากต้องการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะต้องเป็นผู้มีพลังแข็งแกร่งเท่านั้น เพียงแต่น่าเสียดายที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายจมไปกับฝุ่นควันแห่งประวัติศาสตร์แล้ว หากต้องการจะหา เกรงว่าต้องเริ่มต้นจากพรรควรยุทธโบราณที่มีการสืบทอดกันมาหลาย 1000 ปีเช่นเดียวกันเท่านั้น เรื่องนี้เย่เทียนเฉินยังไม่ทันได้ทำ แต่จะต้องทำให้ได้แน่นอน ดาวจักรพรรดิจะมีลักษณะอย่างไรกันแน่? ที่นั่นมีความลับของการมีอายุยืนยาวอยู่จริงๆ หรือเปล่า? มิฉะนั้นเหตุใดบุคคลในตำนานเล่าขานของประเทศจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต่างมีเบาะแสที่สื่อให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขาเดินทางไปที่ดาวจักรพรรดิล่ะ? เย่เทียนเฉินยังต้องการกลับไปยังดาวสิ้นโลกเพื่อแก้แค้นให้เพื่อนที่ตายไปแล้วของตนอีกด้วย ความรับผิดชอบของเขาหนักแน่นมาก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ
“ไม่ต้องดูแล้ว เข้ามาในห้องยาเถอะ ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย!” จางอีเต๋อพูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องยา
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบตามไป เขารู้ว่าสามวันสามคืนนี้จางอีเต๋อไม่ได้ทอดทิ้งและเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยังคงไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะช่วยชีวิตเธอได้หรือเปล่า
เย่เทียนเฉินเดินตามหลังจางอีเต๋อมา เข้าไปยังห้องยา พบว่าตงฟางเมิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหินหลังหนึ่ง รอบเตียงหินมีสมุนไพรหลากหลายประเภทวางเอาไว้เต็มไปหมด สมุนไพรเหล่านั้นส่งกลิ่นหอมออกมา และทำให้ผู้คนมอมเมาเล็กน้อย เป็นเหตุให้ดวงหน้าอันงดงามของผู้หญิงสวยอย่างตงฟางเมิ่งเต็มไปด้วยริ้วแดง ดูแล้วงดงามมากเหมือนกับนางเซียนจริงๆ
จางอีเต๋อเดินมาเบื้องหลังตงฟางเมิ่ง รวบรวมพลังพิเศษเอาไว้บนฝ่ามือทั้งสอง กดลงไปบนแผ่นหลังตงฟางเมิ่งเบาๆ พบว่าพลังพิเศษบนฝ่ามือของจางอีเต๋อแพร่ออกไปไม่หยุด แต่กลับไม่อาจเข้าไปในร่างกายของตงฟางเมิ่งได้แม้แต่น้อย เย่เทียนเฉินขมวดคิ้วเนื่องจากเขาเห็นว่าจางอีเต๋อกำลังส่ายหน้า
“ผู้เฒ่าครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ผ่านไปสามวันสามคืนแล้ว ฉันรักษาสภาพดั้งเดิมของเธอเอาไว้ รักษาลมหายใจของเธอไว้ ทำให้พลังต้นกำเนิดที่แทบจะสลายไปมั่นคงขึ้นบ้าง แต่ไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเธอได้ พลังพิเศษแห่งการรักษาเข้าไปไม่ได้เลย!” จางอีเต๋อส่ายหน้า ดึงมือทั้งสองกลับเข้ามา สูดหายใจลึก สีหน้าซีดขาวอยู่บ้าง เห็นได้ว่าเขาพยายามเต็มที่แล้ว อีกทั้งเขายังมีอายุเกือบ 100 ปี ไม่ได้นอนมาสามวันสามคืน ลำบากมากจริงๆ
“ในเมื่อทำให้อาการบาดเจ็บของเธอมั่นคงแล้ว ทำไมถึงใส่พลังพิเศษแห่งการรักษาเข้าไปไม่ได้ล่ะครับ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เย่เทียนเฉินเข้าใจคำพูดของจางอีเต๋อดี เรียกได้ว่าจางอีเต๋อรักษาสภาพตงฟางเมิ่งทำให้ไม่ตายได้ชั่วคราว แต่กลับไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บให้เธอได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ตงฟางเมิ่งคงยืนหยัดไปได้ไม่นาน ทำได้เพียงยืดเวลาตายของตงฟางเมิ่งออกไปเท่านั้น แต่ทำไมจึงเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้ เย่เทียนเฉินรู้สึกไม่เข้าใจ ในเมื่อทำให้อาการบาดเจ็บมั่นคงได้แล้ว ทำไมถึงรับพลังพิเศษที่ผู้มีพลังพิเศษสายรักษาเท่านั้นถึงจะมีเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บให้เธอไม่ได้?
จางอีเต๋อส่ายหน้า เดินมาด้านข้าง นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ไม่ได้นอนมาสามวันสามคืนแล้ว ลองใช้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาตงฟางเมิ่งมาโดยตลอด นับว่าจางอีเต๋อพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ ในตอนแรกเย่เทียนเฉินคิดว่าฝ่ามือนั้นของจางอีเต๋อจะทำให้ตงฟางเมิ่งตายไปแล้ว หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่าจางอีเต๋อทำให้ตงฟางเมิ่งสลบไปเท่านั้น เพื่อทำให้อาการบาดเจ็บมั่นคงและคิดหาวิธีรักษาตงฟางเมิ่ง
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมตอนแรกจางอีเต๋อยืนยันแน่วแน่ว่าจะไม่รักษาและยังลงมือกับเย่เทียนเฉินด้วย แต่สุดท้ายยังพยายามสุดกำลังแบบนี้ ช่วงสามวันสามคืนนี้เย่เทียนเฉินได้สนทนากับจางอีเต๋อจึงได้รู้ถึงสาเหตุ นั่นเป็นเพราะจางอีเต๋อรู้ว่าตงฟางเมิ่งเป็นศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ ซึ่งตอนนี้พรรคสุสานโบราณเหลือผู้สืบทอดเพียงคนเดียว จึงตัดสินใจว่าจะรักษาตงฟางเมิ่งเต็มกำลัง
เนื่องจากหลายปีก่อนหน้านี้ ตอนที่จางอีเต๋อยังอายุเพียง 20 ปี ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังพิเศษสายรักษา ความสามารถเพิ่งจะตื่นขึ้น จางอีเต๋อจึงเริ่มฝึกฝนตัวเอง ทำให้พลังเคล็ดวิชาการรักษาแข็งแกร่งขึ้นทีละก้าว ตอนนั้นจางอีเต๋อเองต้องการทำให้ความสามารถของตนแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังพิเศษก็เหมือนกับศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณ เมื่อมีฐานะแบบนี้ก็จะแตกต่างกับคนธรรมดาแล้ว การต่อสู้นองเลือดเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง การฆ่าฟันก็เป็นเรื่องปกติ หากคุณไม่แข็งแกร่ง เมื่อพบคนแข็งแกร่งก็ทำได้เพียงถูกผู้อื่นสังหาร
ดังนั้น ตอนแรกจางอีเต๋อเองก็คิดจะฝึกพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณและฝึกเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณเช่นกัน ในตอนที่เริ่มเดินบนเส้นทางนี้ ยามที่ต้องพบกับการจู่โจมของพลังที่ปะทะกันอยู่ภายใน จางอีเต๋อเกือบจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่เจ้าสำนักของพรรคสุสานโบราณซึ่งก็คือท่านอาจารย์ของตงฟางเมิ่งช่วยจางอีเต๋อไว้ และยังถ่ายทอดวิธีฝึกฝนพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณจำนวนหนึ่งให้จางอีเต๋ออีกด้วย ด้วยเหตุนี้จางอีเต๋อจึงจดจำคำว่าพรรคสุสานโบราณเอาไว้ในใจ ไม่ลืมเลือนบุญคุณในครั้งนี้ ตอนนี้ตงฟางเมิ่งบาดเจ็บสาหัส อาจารย์ของเธอก็ตายไปแล้ว เธอกลายเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของพรรคสุสานโบราณ จางอีเต๋อจึงต้องการตอบแทนบุญคุณ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็พยายามรักษาตงฟางเมิ่งเต็มที่
“เฮ้อ นี่มีสาเหตุมาจากการฝึกคัมภีร์ดรุณีหยก…” จางอีเต๋อทอดถอนใจออกมา
“ผู้เฒ่าครับ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เทียนเฉินรีบถาม เขารู้สึกร้อนใจอยู่บ้างจริงๆ เมื่อเห็นตงฟางเมิ่งมีสภาพแบบนี้ อาจจะเสียชีวิตไปจริงๆ เย่เทียนเฉินก็รู้สึกร้อนใจ เขาไม่อยากให้ตงฟางเมิ่งตายไปเช่นนี้
“ฮ่าๆ ปกตินายเรื่อยเฉื่อย แต่นิสัยแท้จริงไม่เลวร้ายนัก!” จางอีเต๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผู้เฒ่าครับ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่น พูดมาให้จริงจังเถอะ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยท่าทางจริงจังทำให้จางอีเต๋อชะงักไป เจ้าเด็กนี่ต้องการพูดจริงจังเหรอ?
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาล้อเล่นจริงๆ อาการบาดเจ็บของตงฟางเมิ่งอยู่ตัวแล้ว แต่ทำได้เพียงรักษาสภาพลมหายใจรวยระรินไว้ได้เท่านั้น และอาจจะสิ้นชีพไปได้ทุกเมื่อ จางอีเต๋อไม่กล้าลำพองใจ ตนเองพยายามเต็มที่แล้ว ที่เรียกว่าเอกเข้ามาเพราะต้องการลองวิธีสุดท้าย ดูสิว่าจะรักษาตงฟางเมิ่งได้หรือไม่
“คัมภีร์ดรุณีหยกเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งที่ว่ากันว่าไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลิน บางทีหากพูดกันถึงเคล็ดวิชาพลังภายใน เมื่อเทียบกับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของวัดเส้าหลินอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย คัมภีร์ฝึกฝนสองชนิดนี้ วิชาไหนจะร้ายกาจกว่าฉันก็ยังไม่รู้ ในคัมภีร์ดรุณีหยกไม่เพียงแต่จะมีเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่สูงส่ง แต่ยังมีเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณอยู่จำนวนหนึ่งด้วย แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เคล็ดวิชาพลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยกที่เซี่ยอวี่เหอฝึกฝนร้ายกาจมาก เป็นพลังภายในที่รับเอาพลังส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฟ้าดินเข้ามา ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ บรรพบุรุษของพรรคสุสานโบราณที่คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาเป็นผู้มีพรสวรรค์มาก!” จางอีเต๋อพูดออกมาจากใจ คัมภีร์ดรุณีหยกร้ายกาจมากจริงๆ ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่ชื่นชม
“งั้นมันเกี่ยวอะไรกับการที่ไม่สามารถใส่พลังพิเศษแห่งการรักษาเข้าไปในร่างเธอได้ล่ะครับ?” เย่เทียนเฉินถามต่อไป
“เพราะในร่างกายของตงฟางเมิ่งมีพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังใช้เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกเซียนโบยบิน” ออกไปด้วย ทำให้พลังต้นกำเนิดของตนถูกใช้ออกไปจนไม่สามารถควบคุมพลังภายในดรุณีหยกที่ยอดเยี่ยมในร่างกายได้อีก พลังเหล่านี้วิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าพลังใดก็เข้าไปไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจใช้พลังพิเศษสายรักษามาทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้ตงฟางเมิ่ง!” จางอีเต๋อพูดพลางส่ายหน้า
“ถ้างั้นจะทำยังไง? หรือว่า…”
เย่เทียนเฉินเองก็ชะงักไป เขาเข้าใจความหมายที่จางอีเต๋อพูด ในร่างกายของตงฟางเมิ่งมีพลังภายในดรุณีหยกที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากดำรงอยู่ นี่คือสิ่งที่หลงเหลือจากการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกหลายปีของเธอ ก่อนหน้านี้พลังในร่างกายเหล่านี้ถูกพลังต้นกำเนิดควบคุมไว้จึงไม่วิ่งพล่านไปทั่วร่าง และไม่เกิดปัญหาใดๆ ตอนนี้กลับแตกต่างกัน พลังต้นกำเนิดของเธอแทบจะสลายไปหมดแล้ว ตัวเธอก็ใกล้จะตาย จะควบคุมพลังภายในเหล่านี้ได้อย่างไร ทำได้เพียงปล่อยให้มันแพร่ออกไปในเลือดเนื้อร่างกายจนพลังจากภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้แม้แต่น้อย ไร้ความสามารถจะช่วยเหลือ
“ความจริงยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือฝึกส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก…” จางอีเต๋อเอ่ยปาก
“ฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก?” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม
“ถูกต้อง คัมภีร์ดรุณีหยกกว้างขวางลึกซึ้ง เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในวิชาแรกในรอบหลาย 1000 ปีของพรรควรยุทธโบราณที่เรียกได้ว่าไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพรรคเส้าหลิน ตงฟางเมิ่งยังไม่ได้ฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก จึงไม่สามารถฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกได้สำเร็จ มิฉะนั้นฉันคิดว่าในพรรควรยุทธโบราณเธอคงมีคู่ต่อสู้น้อยมาก ตอนนี้พลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยกในร่างกายแพร่ไปทั่ว พลังต้นกำเนิดดั้งเดิมก็เกือบจะสลายไป วิธีเดียวก็คือต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาพลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยกให้สำเร็จ บางทีอาจจะช่วยได้ ไม่งั้นก็มีแต่ต้องตายแล้ว!” จางอีเต๋อเองก็ขมวดคิ้ว มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“นี่…ผู้เฒ่าครับ ผมคิดว่าคุณก็คงจะรู้ ส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกต้องให้ชายหญิงร่วมฝึกฝน เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดถึง แต่จะไปหาวิธีการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายมาจากที่ไหนล่ะครับ? กลับไปที่พรรคสุสานโบราณเหรอ? ตงฟางเมิ่งจะยืนหยัดจนถึงตอนนั้นได้หรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“10 วัน ยังมีเวลาอีก 10 วัน เคล็ดวิชาส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกจะต้องอยู่ในพรรคสุสานโบราณแน่ ด้วยสภาพของตงฟางเมิ่งในตอนนี้คงไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้นจำเป็นต้องให้คนพาเธอไปยังพรรคสุสานโบราณ ตามหาเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกและร่วมฝึกฝนกับเธอถึงจะช่วยชีวิตเธอได้ ไม่งั้นจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!” จางอีเต๋อพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมาก
…………….