เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 370 เดินทางด้วยกัน
เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงว่าวิธีที่จางอีเต๋อพูดว่าเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยตงฟางเมิ่งได้นั้นก็คือ ต้องพาเธอกลับไปยังพรรคสุสานโบราณ ตามหาวิธีฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกออกมาแล้วร่วมฝึกฝนกับเธอถึงจะรักษาอาการบาดเจ็บของตงฟางเมิ่งได้ มิฉะนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้
เกี่ยวกับวิธีที่จางอีเต๋อพูดนี้ เย่เทียนเฉินพอจะเดาได้บ้างว่าตอนนี้จางอีเต๋อคงจะใช้ทุกทางที่คิดออกแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจช่วยรักษาตงฟางเมิ่งได้ อาการบาดเจ็บถึงชีวิตของตงฟางเมิ่งยังคงอยู่ เพื่อที่จะใช้เคล็ดวิชา”ดรุณีหยกเซียนโบยบิน” เธอจึงใช้พลังต้นกำเนิดในร่างกายของตนออกไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงเล็กน้อยและถูกจางอีเต๋อใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันแข็งแกร่งเหนือระดับรักษาเอาไว้ได้
แต่ก็ยังคงสภาพเอาไว้ได้ไม่นาน อุปสรรคที่ขัดขวางการรักษาอาการบาดเจ็บของตงฟางเมิ่งก็คือพลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยกในร่างกายเธอ พลังภายในเหล่านั้นเป็นพลังส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฟ้าดิน เมื่อผ่านการบ่มเพาะเป็นเวลานานจึงกลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ มิฉะนั้นตงฟางเมิ่งคงไม่สามารถต่อสู้กับชิงเฉิงเยว่จนเกือบจะลากชิงเฉิงเยว่ไปตายด้วยกันได้ในสภาพที่ตนยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สำเร็จแน่นอน
เมื่อต้องเจอกับเคล็ดวิชาพลังภายในอย่างคัมภีร์ดรุณีหยกที่ไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น พลังภายในที่บ่มเพาะออกมาทำให้จางอีเต๋อรับมือได้ยากจริงๆ เย่เทียนเฉินคิดจะลองใส่พลังพิเศษเข้าไปในร่างกายของตงฟางเมิ่ง แต่เสียดายที่ต้องล้มเหลว วิธีเดียวที่เหลือมีเพียงฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกให้สำเร็จอย่างแท้จริง เช่นนั้นจะทำให้พลังส่วนใหญ่ของคัมภีร์ดรุณีหยกของตงฟางเมิ่งซึ่งแตกกระจายอยู่ในเลือดเนื้อกลับมารวมกันเป็นปกติได้ และทำให้พลังต้นกำเนิดเพิ่มขึ้น อาการบาดเจ็บก็จะค่อยๆ หายดี
“ไปพรรคสุสานโบราณ? แล้วยังต้องหาผู้ชายมาฝึกร่วมกับเธอด้วย? จะหาใครได้ล่ะครับ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักไป เอ่ยถามเสียงดัง
“นอกจากนายแล้ว นายคิดว่าฉันเหมาะสมรึไง?” จางอีเต๋อพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่จริงน่า เรื่องนี้ผมทำไม่ได้หรอก ไม่ทำเด็ดขาด ผมเป็นคนที่จริงจังมากนะครับ!” เย่เทียนเฉินรีบส่ายหน้า ทำท่าทางจริงจังออกมา พูดด้วยท่าทางลำบากใจ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับตงฟางเมิ่ง ผู้หญิงที่สวยเหมือนนางเซียน เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าชายใดล้วนต้องการ เขาก็ยังมีท่าทางเคร่งขรึม
แต่ในความคิดของจางอีเต๋อ เย่เทียนเฉินกำลังเสแสร้งแน่นอน ถึงแม้เจ้าหนูนี่จะไม่ใช่คนเลวอะไร บางครั้งก็มีจิตใจดี แต่คงไม่ใช่คนที่เมื่อมีผู้หญิงมาวางอยู่ตรงหน้าแล้วไม่กินเด็ดขาด ตอนนี้ยังทำท่าทีแบบนี้ออกมาอีก เกรงว่าคงกลัวว่าถ้าเขารับปากตนจะคิดถึงหลานสาวของตนซึ่งก็คือจางรั่วถงจนทำให้เกิดความรู้สึกอยากตอนเย่เทียนเฉินมากกว่า?
“เจ้าหนู นายคิดว่าฉันอยากให้นายไปรึไง? พรรคสุสานโบราณไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าไปง่ายๆ มีกลไกอยู่มาก ตอนนี้ตงฟางเมิ่งสลบไปแล้ว ไม่สามารถนำทางนายได้ ถ้านายไป ก็ต้องฝ่าอันตรายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ฉันอยากจะบอกนายก็คือ คัมภีร์ดรุณีหยกไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาสามารถฝึกฝนได้ นอกจากจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์และความเข้าใจจนทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึง ทั้งยังต้องมีความสามารถส่วนตัวแข็งแกร่งด้วย จากการคาดเดาของฉัน ส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกเผด็จการและร้ายกาจมาก คนธรรมดาไม่อาจฝึกฝนได้ เกรงว่าแค่เริ่มฝึกก็คงตัวระเบิดตายแล้ว แต่ความสามารถของนายเดิมทีก็ลึดล้ำไม่อาจคาดเดา ที่สำคัญก็คือนายให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะกายเนื้อของตน ทำให้กายเนื้อแข็งแกร่ง จึงเหมาะสมกับเงื่อนไขในการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยก!” จางอีเต๋อมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ว่า…ผมคนนี้ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น ส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกต้องฝึกฝนร่วมกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่า คงกระอักกระอ่วนมาก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างลำบากใจ
“จะไปหรือไม่ไปก็แล้วแต่นายเถอะ จะช่วยเธอได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนาย ไม่อยากช่วยก็ช่าง!” จางอีเต๋อหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้องยา หลานสาวของตนเสียสละร่างกายบริสุทธิ์ให้เย่เทียนเฉิน จางอีเต๋อย่อมหวังให้จางรั่วถงได้อยู่กับเย่เทียนเฉินแน่นอน และอยากให้ทั้งสองแต่งงานกัน ย่อมไม่อยากให้เย่เทียนเฉินมีผู้หญิงคนอื่นอีก แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีแล้ว ช่วยชีวิตคนได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เมื่อเทียบกับชีวิตคนแล้วไม่ว่าอะไรก็เป็นเรื่องเล็กทั้งสิ้น ดังนั้นจางอีเต๋อจึงไม่ได้ยึดติด มิฉะนั้นคงไม่บอกวิธีนี้กับเย่เทียนเฉิน
“ผู้เฒ่าครับ ที่สำคัญก็คือคัมภีร์ดรุณีหยกเป็นเคล็ดวิชาพลังภายในที่ให้ผู้หญิงฝึกฝน ผมอยากฝึกคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลินมากกว่า ส่วนคัมภีร์ดรุณีหยกนี้…ผมเป็นผู้ชายแข็งกร้าว ไม่เหมาะกับดรุณีหยก!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่ว่างมาล้อเล่นกับนาย นี่คือแผนที่ที่จะนำไปยังพรรคสุสานโบราณ จะเข้าไปได้หรือไม่ก็ต้องอยู่ที่นายแล้ว อย่าได้หวังพึ่งตงฟางเมิ่ง ฉันสกัดจุดชีพจรให้เธอ รับประกันว่าเธอจะไม่ตายภายใน 10 วัน ใน 10 วันนี้เธอจะฟื้นขึ้นมา แต่ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้ฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกในทันทีเธอก็จะตายทันที คิดเอาเองว่าจะทำยังไง!”
จางอีเต๋อส่งแผนที่หนังแกะฉบับหนึ่งให้เย่เทียนเฉินแล้วเดินออกไปจากห้องยา หากจะบอกให้เย่เทียนเฉินพาตงฟางเมิ่งกลับไปยังพรรคสุสานโบราณแล้วร่วมฝึกส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกกับตงฟางเมิ่งจริงๆ จางอีเต๋อย่อมไม่เต็มใจแน่อยู่แล้ว เพียงแต่จางอีเต๋อเองก็เข้าใจว่าเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนธรรมดา ความสำเร็จในภายภาคหน้าจะต้องเหนือกว่าตนแน่นอน ถ้าหากข้างกายเขามีจางรั่วถงเพียงคนเดียวดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองได้รับบุญคุณอันยิ่งใหญ่มาจากพรรคสุสานโบราณ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ของตงฟางเมิ่งเขาคงตายไปแล้ว และคงไม่สามารถเลี้ยงจางรั่วถงจนเติบใหญ่เช่นนี้ได้ ตงฟางเมิ่งเป็นผู้สืบทอดและศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของพรรคสุสานโบราณ หากตงฟางเมิ่งตาย พรรคสุสานโบราณก็จะไร้ผู้สืบทอด หากเป็นเช่นนั้นเขาจางอีเต๋อคงผิดต่อบุญคุณช่วยชีวิตของอาจารย์ตงฟางเมิ่งจริงๆ
ดังนั้นหลังจากผ่านการใคร่ครวญมาแล้ว จางอีเต๋อยังตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเย่เทียนเฉิน เขาไม่อยากให้พรรคสุสานโบราณไร้ผู้สืบทอด นี่เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนจะทำอย่างไรนั้น จะร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกกับตงฟางเมิ่งหรือไม่ก็ต้องดูที่ตัวเย่เทียนเฉินเองแล้ว
เย่เทียนเฉินมองจางอีเต๋อเดินออกไปจากห้องยา แล้วจึงมองหนังแกะในมือขวาของตน พบว่าด้านบนเป็นแผนที่ฉบับหนึ่ง แผนที่นั้นชี้ไปยังแนวเทือกเขาฉินหลินของประเทศจีนอย่างชัดเจน จากบันทึกในประวัติศาสตร์ของประเทศจีน บริเวณเขาฉินหลินมีพรรคต่างๆ อยู่มากที่สุด ตัวอย่างเช่นสำนักฉวนเจินที่มีตัวตนอยู่จริงๆ ส่วนตำนานเล่าขานของพรรคสุสานโบราณนั้นดูเหมือนจะยังมีข้อสงสัยอยู่มาก ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยังต้องให้เย่เทียนเฉินไปค้นหาด้วยตัวเองถึงจะรู้
สำนักฉวนเจินตั้งอยู่ที่ภูเขาจงหนาน ส่วนเขาจงนานก็เป็นหนึ่งในแนวเทือกเขาฉินหลิน ส่วนรายละเอียดที่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหนนั้น มีน้อยคนที่จะรู้ เนื่องจากแนวเทือกเขาฉินหลินเป็นสถานที่ลึกลับมาจนถึงทุกวันนี้ ประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลาย 1000 ปี เทือกเขาคุนหลุน แนวเขาฉินหลิน เขาเทียนซาน เขตเสินหลง สถานที่ต่างๆ เหล่านี้ลึกลับหาใดเปรียบ กระทั่งอำนาจของทางการก็ยังไม่กล้าเข้ามาสำรวจง่ายๆ จากการคาดเดาของจางอีเต๋อ จะต้องมีความลับอะไรอยู่แน่นอน กระทั่งอาจจะมีของจากยุคโบราณของจีนอยู่จำนวนหนึ่งก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีความลับของผู้ฝึกตนในยุคโบราณอยู่ด้วย เพียงแต่สถานที่เหล่านี้มีความแปลกประหลาดอยู่มากเกินไป และมีค่ายกลโบราณอยู่ อันตรายเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือก็ไม่กล้าไปสำรวจจริงๆ
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินเก็บแผนที่หนังแกะไว้ มองไปยังตงฟางเมิ่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ใบหน้าของตงฟางเมิ่งแดงระเรื่อ ในตอนนี้เย่เทียนเฉินพลันรู้สึกว่า ผู้หญิงเย็นชาราวภูเขาน้ำแข็งนี้สวยมาก และใจดีมากด้วย ต่อให้จะมีความรู้สึกเย็นชาอยู่บ้างก็ยังมีใจอ่อนโยน เธอต้องการทำให้การฆ่าฟันในยุทธภพลดน้อยลง ทำให้การนองเลือดลดน้อยลง ดังนั้น เย่เทียนเฉินจึงมีความประทับใจต่อตงฟางเมิ่งไม่เลวเลย เพียงแต่เมื่อคิดว่าจะต้องร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกกับผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างจริงๆ จะอย่างไรก็เป็นคนไม่รู้จักกัน ตงฟางเมิ่งกระทั่งรู้จักก็ยังไม่รู้จัก เมื่อถึงตอนนั้นอย่าได้ถูกตงฟางเมิ่งไล่ฆ่าก็แล้วกัน คงน่าหัวเราะมาก
ในตอนที่พาตงฟางเมิ่งหนีมา เย่เทียนเฉินยังขโมยเอี๊ยมสีชมพูของชิงเฉิงเยว่มาอย่างอันธพาลด้วย ทำให้ชิงเฉิงเยว่หน้าแดงไปหมด สาบานว่าจะแยกเย่เทียนเฉินให้เป็นแปดส่วน ถ้าหากร่วมฝึกฝนกับตงฟางเมิ่งจริงๆ เกรงว่าจะต้องมีหญิงงามตามไล่ฆ่าตนเองเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง เย่เทียนเฉินรู้สึกรับไม่ไหว
“เอาเถอะ ได้รับการไหว้วานจากผู้อื่นก็ต้องทำอย่างจริงใจ ฉันจะพาเธอไปส่งที่พรรคสุสานโบราณ ส่วนเรื่องคัมภีร์ดรุณีหยกเธอก็ดูเอาเอง ฉันจะไม่ฝึกเป็นเพื่อนแล้ว นับว่าพยายามเต็มที่แล้ว จะเป็นหรือตายไม่เกี่ยวกับฉัน!” เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่งแล้วพูดอย่างเรียบเฉย
เย่เทียนเฉินเดินออกมาจากห้องยา เดินมาถึงลานบ้านแต่ไม่พบจางอีเต๋อแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วกดเบอร์ต่อสายไป ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า หลังจากที่โทรศัพท์ดังเจ็ดแปดครั้งอีกฝั่งก็มีเสียงคนดังขึ้น เวลานี้แล้วแต่ยังคงมีชีวิตชีวา เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทอดถอนใจ ไม่เสียทีที่เป็นทหาร แรงควายจริงๆ ไม่ว่าเวลาใดก็คึกคัก
“ฮัลโหล พี่ชายคือเย่เทียนเฉิน เตรียมเฮลิคอปเตอร์ให้ฉันหน่อย รอฉันที่ลานว่างฝั่งเมืองตะวันออก อีกสักครู่ก็จะถึงแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดผ่านโทรศัพท์
“เย่เทียนเฉิน นายเอาแต่หาเรื่องทั้งวันใช่หรือเปล่า ถึงนายจะทำภารกิจช่วยชาติ แต่ไม่ใช่ว่านายจะให้ทำยังไงก็ต้องทำอย่างนั้นหรอกนะ?” คนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์รู้สึกรับไม่ได้จริงๆ พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่ชางหลาง พี่ใหญ่ชางหลาง ผมมีธุระจริงๆ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภารกิจที่ท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยางให้ผมทำ!” เย่เทียนเฉินรีบพูด
ที่แท้เย่เทียนเฉินโทรหาชางหลาง ต้องการให้ชางหลางเตรียมเฮลิคอปเตอร์ให้เขา ทำให้ชางหลางอยากอัดเจ้าหมอนี่แรงๆ สักยกจริงๆ เจ้าหมอนี่จะพึ่งพาไม่ได้เกินไปแล้ว ปากก็บอกว่าให้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปให้ คิดว่าเขตทหารเป็นบ้านของเขาหรือไง?
“ไอ้หนูเอาเรื่องท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยางมารบกวนฉันให้มันน้อยๆ หน่อย ให้นายไปจับตาดูการประลองสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ เรื่องนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว?” ชางหลางเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์
“กำลังรอให้พวกคุณมาถามอยู่พอดี การประลองสี่สุดยอดสาวงามผ่านไปนานแล้ว ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ระหว่างความเป็นความตาย ตอนนี้ผมต้องช่วยเธอ!” เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง
“ได้รับบาดเจ็บสาหัส? งั้นก็รีบมาที่โรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง!” ชางหลางพูดอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินอับจนคำพูดกับชางหลางอยู่บ้างจริงๆ ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดังว่า
“ผมมาหาเซียนแพทย์เทวะ เขายังรับมือไม่ได้ คุณคิดว่าการรักษาธรรมดาจะรักษาหายได้รึไง? ตอนนี้คนกำลังจะตายแล้ว จะเตรียมเฮลิคอปเตอร์หรือเปล่าคุณก็ดูเอาเองเถอะ ผมขี้เกียจพูดจาไร้สาระแล้ว ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องนี้ ผมก็ไม่สนใจ!”
………………