เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 373 เถียนปอกวง
บางทีหลายคนอาจคิดว่า ในเมื่อตงฟางเมิ่งฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกและเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของพรรคสุสานโบราณ ต่อให้เธอไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกให้สมบูรณ์ แต่อย่างน้อยเธอจะต้องจำเคล็ดวิชาการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกทั้งหมดได้แน่นอน หากว่ามีเพียงการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายที่ช่วยตงฟางเมิ่งได้ ก็สามารถทำให้เธอตื่นขึ้นมาแล้วรีบสอนวิธีฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายให้แก่เย่เทียนเฉินก็คงได้
ความจริงเรื่องนี้จางอีเต๋อคิดได้นานแล้ว เย่เทียนเฉินเองก็ไม่ใช่ว่าจะคิดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนที่จางอีเต๋อใช้วิชาลับพิเศษสำรวจดูความทรงจำในสมองของตงฟางเมิ่งกลับไม่พบส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก เช่นนั้นสาเหตุมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเพื่อจะเก็บรักษาคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณไม่ให้ถูกคนนอกล้วงความลับ ตงฟางเมิ่งจึงไม่จำวิธีการฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก เนื่องจากหากจางอีเต๋อสามารถดูความทรงจำได้ ยอดฝีมือคนอื่นก็ต้องทำได้เช่นกัน ดังนั้นคนของพรรคสุสานโบราณจึงคิดรอบด้าน
เย่เทียนเฉินแบกตงฟางเมิ่ง รวบรวมพลังพิเศษไว้ที่ดวงตาทั้งสอง ทำให้สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งรอบด้านในรัศมีประมาณ 1000 เมตรได้อย่างชัดเจน เขากำลังหาทางเข้าพรรคสุสานโบราณอยู่ แผนที่หนังแกะที่จางอีเต๋อมอบให้เขาทำสัญลักษณ์ไว้อย่างละเอียด มองไปยังยอดเขาที่อยู่เบื้องหน้า คิดว่าทางเข้าพรรคสุสานโบราณควรจะในตำแหน่งยอดเขานั้น เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแบกตงฟางเมิ่งเดินหน้าต่อไป ยอดเขานั้นไม่ใหญ่นัก หากตรวจดูให้ละเอียดคงหาเจอ
เมื่อเดินมาถึงส่วนล่างของยอดเขา เย่เทียนเฉินจึงหลับตาทั้งสองลง ขยายพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไปโดยพลัน มองทะลุยอดเขาทั้งหมดไปช้าๆ ทันใดนั้นมุมปากของเย่เทียนเฉินเผยรอยยิ้มออกมา ในส่วนกลางของยอดเขา มีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง มีต้นไม้ใหญ่อยู่สองต้น ก้อนหินใหญ่ก้อนนั้นขวางอยู่ด้านหน้า แต่พลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขาตรวจพบว่าด้านหลังก้อนหินใหญ่มีการผันผวนของพลังธาตุน้ำอยู่จำนวนหนึ่ง คิดดูก็รู้ว่าบริเวณส่วนกลางของยอดเขาจะมีน้ำอยู่ได้อย่างไร? นี่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงสามารถตัดสินใจได้ว่าที่นั่นจะต้องเป็นทางเข้าของพรรคสุสานโบราณแน่นอน และยอดเขานี้ทั้งหมดก็ถูกคว้านเป็นสุสานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ สร้างภายในของยอดเขาทั้งหมดให้เป็นพรรคสุสานโบราณ สถานที่แบบนี้ใครก็ไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ และไม่อาจหาเจอได้ง่ายๆ ด้วย!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอยู่ในใจ ใครจะไปคิดว่าพรรคสุสานโบราณจะเป็นภูเขาลูกหนึ่ง?
“ฉันใกล้จะทำภารกิจสำเร็จแล้ว ท่าทางคงไม่ต้องใช้เวลาถึง 10 วัน ส่วนเรื่องการร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกฉันคงทำไม่ได้ จะรอดหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเธอเองแล้ว ฉันทำสิ่งที่ฉันทำได้หมดแล้ว!” เย่เทียนเฉินหันไปมองตงฟางเมิ่งที่สลบอยู่บนหลังแล้วพูดขึ้น
ฉัวะ!
ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมก้าวไปยังยอดเขานั้น ประกายกระบี่จะฟาดฟันลงมา พลังทำลายล้างรุนแรง ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรีบหลบทันที
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นทำลายความสงบเงียบยามค่ำคืน เย่เทียนเฉินหลบประกายกระบี่นั้น ทำให้กระบี่ฟันถูกพื้นจนเกิดเป็นรอยยาวประมาณ 10 กว่าเมตรกว้างประมาณครึ่งเมตร เป็นกระบี่ที่รุนแรงมาก คนธรรมดาคงรับไม่ไหวต้องถูกฟันเป็นสองส่วนแน่นอน
ฟุ่บๆๆ!
ผู้ชายสามคนที่แบกกระบี่ยาวอยู่บนหลังปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน มองเย่เทียนเฉินด้วยความระมัดระวังและโกรธแค้น ผู้ชายที่นำอยู่ด้านหน้าก็คือเฉินฮุย พวกเขาไล่ตามเถียนปอกวงมาตลอดทาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับเย่เทียนเฉิน เห็นได้ว่าพวกเขาเห็นเย่เทียนเฉินเป็นเถียนปอกวงไปแล้ว ทั้งยังพบว่าบนหลังเย่เทียนเฉินมีผู้หญิงที่สวยเหมือนกับนางฟ้าอยู่คนหนึ่ง ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะถูกทำให้สลบไป เวลาประมาณเที่ยงคืน ท่ามกลางป่าบรรพกาล ชายคนหนึ่งแบกสาวงามที่สลบไสลไม่ได้สติมาถึงที่แห่งนี้ ไม่ถูกคนอื่นเข้าใจว่าผิดเป็นพวกวิปริตก็แปลกแล้ว
“หึ เถียนปอกวง วันนี้ต่อให้ติดปีกแกก็หนีไปไม่ได้!”
“แกฆ่าศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายสิบคนของพรรคท่องกระบี่ของพวกเรา ความแค้นนี้ ต้องใช้เลือดของแกมาชดใช้!”
เฉินฮุยยังไม่ได้เอ่ยปากพูด ศิษย์น้องสองคนที่อยู่ด้านข้างก็ชักกระบี่ชี้ไปยังเย่เทียนเฉินแล้ว ต้องการจะพุ่งทะยานเข้าไปฆ่าเย่เทียนเฉินในทันที เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีความกล้าเช่นนั้น เถียนปอกวงซึ่งเป็นพวกวิปริตที่อยู่ในคำเล่าลือมีวรยุทธสูงส่งมาก เมื่อคิดถึงสภาพการตายของศิษย์พี่ศิษย์น้อง 10 กว่าคนของพรรคท่องกระบี่ของพวกเขาก็ต้องสั่นไปทั้งตัว ไม่มีใครกล้าทะยานเข้าไปรนหาที่ตายง่ายๆ
“เถียนปอกวง? พวกนายจำผิดคนหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“แกคิดว่าวันนี้ก็จะหนีไปได้งั้นเหรอ? วางผู้หญิงที่หลังลงซะฉันจะให้แกตายสบายสักหน่อย!” เฉินฮุยพูดอย่างวางอำนาจและเผด็จการ
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าผู้ชายสามคนนี้จำคนผิด เห็นเขาเป็นเถียนปอกวงอะไรนั่น เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ถึงการผันผวนของพลังภายในอันแข็งแกร่งบนร่างของผู้ชายสามคนนี้ เหมือนกับการผันผวนของพลังภายในที่หลงเหลืออยู่บนศพหลายสิบศพที่เขาพบก่อนหน้านี้มาก แสดงให้เห็นว่าสามคนนี้เป็นศิษย์พรรควรยุทธโบราณเช่นเดียวกัน ท่าทางคนของพรรคพวกเขาจะถูกคนที่ชื่อเถียนปอกวงฆ่าตาย จากนั้นสามคนนี้จึงตามมาแก้แค้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไล่ตามผิดคน เห็นตนเป็นเถียนปอกวงอะไรนั่น
“ฉันไม่ใช่เถียนปอกวงอะไรนั่นที่พวกนายพูดถึงจริงๆ พวกนายจำผิดคนแล้ว!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
“งั้นเหรอ รอให้ฉันจับแกได้ก่อน ดูซิว่าแกยังจะปากแข็งอยู่หรือเปล่า!”
ฉัวะ! หนึ่งกระบี่โจมตีมา เฉินฮุยไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟาดฟันกระบี่มายังเย่เทียนเฉินทันที ไม่กล่าวไม่ได้ว่าพรรคท่องกระบี่แข็งแกร่งมากจริงๆ พรรคของพวกเขามีวิชาท่องกระบี่เป็นสำคัญ ดังนั้นเพลงกระบี่และปราณกระบี่จึงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินเองก็ดูออกว่าสามคนนี้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะคนที่ฟาดฟันกระบี่มายังเขาในตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีความสามารถในระดับต้นของขอบเขตนักรบราชันแล้ว ตอนนี้ตนแบกตงฟางเมิ่งอยู่ จะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ยังมีขีดจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินยังต้องการเข้าไปยังพรรคสุสานโบราณให้เร็ว หากเข้าไปในพรรคสุสานโบราณโดยไม่มีการนำทางจากตงฟางเมิ่งแบบนี้ คงพบกับเรื่องอันตรายมากมาย ต้องการหาเคล็ดวิชาส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกให้พบไม่ง่ายขนาดนั้น
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินหลบกระบี่ของเฉินฮุย เขาวิ่งไปเบื้องหน้าด้วยความรวดเร็ว ไม่คิดจะเสียเวลาไปกับคนพวกนี้ พวกเขาจำคนผิดแต่กลับไม่รู้ตัว ต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาฆ่าสามคนนี้แล้ว หากกำลังเสริมกลุ่มใหญ่ของพรรคท่องกระบี่อะไรนั่นของพวกเขาตามมาถึงคงวุ่นวายมาก ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินกลัวอะไร แต่มันเสียเวลา
ฉัวะๆๆ ปราณกระบี่ที่แฝงไปด้วยพลังภายในอันแข็งแกร่งอีกสามสายพุ่งเข้ามา เย่เทียนเฉินหลบอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าทั้งสองต้นที่อยู่ด้านข้างถูกฟันขาดจนล้มลงพื้น เฉินฮุยเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ เขายังไม่มั่นใจฐานะที่แท้จริงของอีกฝ่ายก็ลงมือสังหารแล้ว ศิษย์ของพรรคท่องกระบี่อีกสองคนที่อยู่ด้านข้างได้เห็นก็ตื่นตะลึง ในใจคิดว่า วันนี้ศิษย์พี่เฉินฮุยเป็นอะไรไป?
“เถียนปอกวง แกยังไม่ลงมือตอบโต้อีก ถ้าไม่ตอบโต้ก็ไปตายซะ!” เฉินฮุยสายตาโหดเหี้ยม พูดออกมาด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
เฉินฮุยในตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ตนมีฐานะเป็นศิษย์อันดับสองของพรรคท่องกระบี่ ฝีมือไม่อ่อนด้อยกว่าศิษย์พี่ใหญ่มากนัก กระทั่งอาจารย์ก็กล่าวชมหลายครั้ง บอกว่าการเรียนรู้ของเฉินฮุยสูงมาก ความสำเร็จในภายภาคหน้าไร้ขีดจำกัด แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ จะอย่างไรท่านอาจารย์ก็ไม่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ให้แก่เฉินฮุย นี่ทำให้เฉินฮุยไม่พอใจ
ในตอนนี้เฉินฮุยฟาดฟันกระบี่ออกไปติดต่อกันหลายครั้ง ปราณกระบี่พุ่งออกไปในแนวขวาง แต่ไม่สามารถทำร้ายเย่เทียนเฉินได้เลย ถูกการเคลื่อนไหวง่ายๆ ของเขาหลบไปได้ นี่ทำให้เฉินฮุยรู้สึกเสียหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีลูกศิษย์น้องอีกสองคนอยู่ด้วย หลังจากนี้ตนจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ได้อย่างไร จะมีใครเชื่อฟัง? กระทั่งไอ้วิปริตอย่างเถียนปอกวงที่ทำเรื่องสาระเลวจนคุ้นชินก็ยังจัดการไม่ได้ อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตอบโต้ ตนลงมือไปหลายครั้งขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่อาจฆ่ามันได้ จะขายหน้าเกินไปแล้ว
“เพลงกระบี่ไม่เลวเลย เพียงแต่น่าเสียดาย จากความคิดของฉัน แกยังฝึกไม่ถึงแก่น ฉันไม่ใช่เถียนปอกวงที่พวกแกกำลังตามหา พวกแกจำคนผิดจริงๆ ถ้ายังลงมือกับฉันอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเฉินฮุยแล้วพูดอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไรแต่ก็ไม่ใช่คนเลวอะไร เมื่อพบว่าศิษย์ทั้งสามของพรรคท่องกระบี่อย่างพวกเฉินฮุยจำคนผิด เย่เทียนเฉินก็อธิบายแล้วยังอดทนปล่อยให้โจมตีมาอีกหลายกระบวนท่า ถูกคนที่ไม่มีความแค้นต่อกันจำผิดแล้วยังลงมือสังหาร แต่ยังอดทนจนถึงตอนนี้และไม่ได้ลงมือ เย่เทียนเฉินนับถือความอดทนของตนเองจริงๆ
“หึ ไม่เกรงใจงั้นเหรอ ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกจะไม่เกรงใจยังไง ต่อให้แกไม่ใช่เถียนปอกวงก็คงไม่ใช่คนดีอะไร ฉันจะฆ่าแกซะ!” เฉินฮุยพูดอย่างวางอำนาจหาใดเปรียบ
เห็นได้ชัดว่าเฉินฮุยอับอายจนกลายเป็นโกรธแค้น ตนลงมือหลายครั้งก็ยังฆ่าผู้ชายเบื้องหน้านี้ไม่ได้ จะขายหน้าเกินไปแล้ว ส่วนผู้ชายเบื้องหน้านี้พบปราณกระบี่ที่ร้ายกาจขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่หวาดกลัว แต่กลับสงบนิ่งมาก ทำให้เฉินฮุยไม่อาจสงบใจได้
ตู้ม!
เฉินฮุยพพลันเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด พริบตาเดียวก็ทะยานไปถึงเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ฟาดฟันกระบี่ลงไป ปราณกระบี่รุนแรงเป็นอย่างมาก มีแนวโน้มว่าจะฆ่าเย่เทียนเฉินได้ในกระบี่เดียว
มีครั้งที่หนึ่ง มีครั้งที่สอง แต่จะไม่มีครั้งที่สาม ตอนนี้เย่เทียนเฉินก็รู้สึกโกรธบ้างแล้ว ผู้ชายเบื้องหน้าวางอำนาจและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก เป็นพวกชั่วช้าคนหนึ่ง คงจะวางอำนาจบาตรใหญ่ในพรรคจนคุ้นชิน คิดว่าทุกคนต้องกลัวเขาอยู่สามส่วน ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่เกรงใจอีก เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่อันรุนแรงหาใดเปรียบของเฉินฮุย มือขวาของเขากำแน่น ใส่พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเข้าไปในพริบตา ต่อยหมัดสวนเข้าไปยังปราณกระบี่
“แต่ไหนแต่ไรไม่มีใครกล้าปะทะกับปราณกระบี่ของฉันตรงๆ แกรนหาที่ตายแล้ว!” มุมปากของเฉินฮุยยิ้มโหดเหี้ยม ฟันกระบี่ลงไปยังเย่เทียนเฉินสุดแรง
“ไอ้หมอนี่ต้องตายแน่นอน ปราณกระบี่ของศิษย์พี่เฉินฮุยพอฟัดพอเหวี่ยงกับศิษย์พี่ใหญ่เสี้ยวหย่วน กระบี่เดียวก็สามารถทำลายก้อนหินจนแหลกเป็นผงได้ ไม่มีใครกล้าปะทะตรงๆ!”
“ต้องถูกฟันเป็นสองส่วนแน่!”
ศิษย์ของพรรคท่องกระบี่อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นศิษย์พี่รองเฉินฮุยลงมือเต็มกำลังก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมา เนื่องจากพลังอำนาจของกระบี่นี้รุนแรงมาก ดูเหมือนจะใช้ปราณกระบี่ออกไปเจ็ดส่วน เย่เทียนเฉินถึงกับกล้าใช้หมัดเปล่าๆ ปะทะเข้าไป ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง!
…………..