เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 380 พิรุณกระบี่คร่าวิญญาณ
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเบื้องหน้าทำให้เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เพียงแต่พบว่ารอบตัวเขามีผู้หญิงห้าคนฟาดฟันกระบี่โจมตีเข้ามา ในนั้นมีผู้หญิงที่อยู่บนกำแพงตรงข้ามที่มีปราณกระบี่ร้ายกาจที่สุด ผู้หญิงคนนี้ก็คือผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ เป็นผู้หญิงยอดเยี่ยมที่เย่เทียนเฉินรู้สึกนับถือคนหนึ่ง
ตกลงนี่เป็นภาพหลวงตาหรือเป็นความจริงกันแน่ เย่เทียนเฉินก็ยังคิดไม่ออก เนื่องจากเขารับรู้ได้ถึงการผันผวนอันแปลกประหลาดของพลังพิเศษภายในร่างกายตนเอง ส่วนตงฟางเมิ่งที่อยู่บนเก้าอี้หินบริเวณไม่ไกลยังคงสลบไสลอยู่เช่นนั้น แสดงให้เห็นแล้วว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจินตนาการไปเอง แต่เป็นความจริง เด็กสาวทั้งห้าที่ฟาดฟันกระบี่โจมตีมา พวกเธอพุ่งออกมาจากกำแพงจริงๆ หรือ? จะน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือเปล่า?
ฟู่!
ปราณกระบี่พุ่งเข้ามาในแนวขวาง เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงไอสังหาร รีบถอยออกไปทันที พลิกตัวกลางอากาศหลายรอบต้องการหลบปราณกระบี่ที่ผู้หญิงทั้งห้าคนนี้โจมตีมา แต่ในตอนที่เขาพลิกตัวต้องการหลบเลี่ยงนั้นเอง กระบี่ยาวทั้งห้าเล่มกลับติดตามเขามาติดๆ โดยไม่ลดทอนพลังโจมตีลงเลยแม้แต่น้อย
ตู้ม!
เลือกสดๆ พุ่งกระฉูด แก้มของเย่เทียนเฉินถูกกระบี่กรีดผ่าน บนไหล่ก็ถูกกระบี่ทิ่มแทง ถึงแม้จะเป็นบาดแผลเล็กๆ แต่ก็ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกหวาดกลัวได้ เด็กสาวทั้งห้าคนนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง ในตอนที่ฟาดฟันกระบี่ ท่วงท่างดงามจนทำให้ผู้คนหวั่นไหว แต่ความรู้สึกที่กระบี่ทิ่มแทงเข้ามาในเนื้อของตนทำให้เย่เทียนเฉินต้องตกใจจนตัวสั่น
ในหมู่เด็กสาวทั้งห้าคนนี้ คนที่ร้ายกาจที่สุดก็คือผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ กระบี่ในมือของเธอ เมื่อรวมเข้ากับท่วงท่าอันสง่างาม ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับนางฟ้า เธอฟาดฟันกระบี่โจมตีมาอย่างเรียบเฉย แต่กลับมีพลังอำนาจถล่มฟ้าทลายดิน ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจขนาดไหน
เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืนจากบนพื้น เช็ดรอยเลือดบนแก้มของตนพลางขมวดคิ้ว ไม่ว่าเด็กสาวที่ฟาดฟันกระบี่โจมตีมาทั้งห้าคนนี้จะเป็นภาพหลวงตาหรือความจริง แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือเอาชนะพวกเธอทั้งหมด มิฉะนั้นตนคงออกไปไม่ได้ ภายในพระราชวังอันกว้างใหญ่ไม่มีช่องประตูอื่นอีกโดยสิ้นเชิง หากไม่จัดการอันตรายเบื้องหน้า เกรงว่าคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้เย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่คนที่ชอบลังเลอะไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่มีเพลงกระบี่ลึกล้ำสูงส่งทั้งห้าและยังมีผู้หญิงที่สุดยอดซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ ไหนเลยเขาจะกล้าลำพองใจ มือขวาโบกสะบัดครั้งหนึ่ง กระบี่ไท่อาพลันปรากฏอยู่ในมือ โคจรพลังพิเศษเข้าไปช้าๆ กระบี่ไท่อาสั่นไม่หยุด จากการหลอมรวมในช่วงนี้ทำให้กระบี่ไท่อาเข้าขากับเย่เทียนเฉินขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ไปถึงขั้นที่หลอมรวมได้อย่างหมดจด แต่ก็ใช้ได้ดี และกระบี่ไท่อาก็ไม่ปฏิเสธเย่เทียนเฉินอีก
ฉัวะๆๆ!
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือ เช่นนั้นเย่เทียนเฉินก็จะลงมือ เขาสะบัดกระบี่ออกไปสามครั้งติด กระบี่ไท่อาเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ ชื่อนี้ไม่ได้เกินจริง ปราณกระบี่ที่สะบัดออกไปมีอำนาจสะเทือนฟ้า พริบตาเดียวทั่วทั้งพระราชวังก็เต็มไปด้วยแรงกดดันทำให้เด็กสาวที่ฟาดฟันกระบี่ทั้งห้าคนอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป ต้องทราบว่าเด็กสาวทั้งห้าคนนี้ซึ่งรวมไปถึงผู้ที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณมีฝีมือและความสามารถแข็งแกร่งจนเย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวจางๆ แต่เมื่อกระบี่ไท่อาปรากฏขึ้น ยังทำให้เด็กสาวทั้งห้าคนต้องสั่นสะท้านจนถอยไป เห็นได้ถึงพลังอำนาจของกระบี่ไท่อาเลยทีเดียว
“พรรคสุสานโบราณร้ายกาจจริงๆ หากมีความคิดจะแย่งชิงยุทธภพ ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับพรรคเส้าหลินก็เป็นได้!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
อำนาจของกระบี่ไท่อารุนแรงมาก เย่เทียนเฉินรู้ดี นี่คือกระบี่แห่งเดชานุภาพ ไม่นับว่าเสียชื่อเดชานุภาพคำนี้จริงๆ ทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเดชานุภาพต่างต้องหวาดกลัวและถูกกดดัน มันมีความหมายเช่นนี้ ตนเองฟาดฟันกระบี่ออกไปสามครั้งติด แต่ละกระบี่คละเคล้าไปด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังไม่อาจทำให้เด็กสาวทั้งห้าบาดเจ็บได้
ทันใดนั้น เด็กสาวทั้งห้าที่ถูกกระบี่ไท่อาโจมตีจนต้องถอยหลังไปต่างมองกันครู่หนึ่ง เด็กสาวสี่คนหายไป หรืออาจเรียกได้ว่าเข้าไปรวมอยู่ในร่างกายของผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ เหลือเพียงผู้หญิงยอดเยี่ยมที่สบตากับเย่เทียนเฉินเท่านั้น ทั้งสองจับกระบี่ในมือของตนแน่น
“ผมไม่ได้ตั้งใจมาบุกรุก แต่ไม่อยากให้พรรคสุสานโบราณของพวกคุณต้องไร้ผู้สืบทอดเท่านั้น!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเด็กสาวที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้วพูดขึ้น
เสียงอันรุนแรงดังขึ้น ภายในพระราชวังปรากฏกระบี่บินหลายเล่ม ทั้งหมดล้วนชี้ไปยังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินตกใจไปทั้งร่าง ในพระราชวังไม่มีพื้นที่ว่างอยู่เลย และไม่มีที่ให้เย่เทียนเฉินหลบด้วย อันตรายเป็นอย่างมาก ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคนนี้ร้ายกาจมาก เพลงกระบี่ของเธอสูงส่งลึกล้ำ ปราณกระบี่ฟาดฟันมาในแนวขวาง ในใจของเย่เทียนเฉินไม่มีความมั่นใจว่าเอาชนะผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม่
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินพุ่งทะยานมาเบื้องหน้าตงฟางเมิ่งในพริบตา หากกระบี่ที่อยู่เต็มท้องฟ้าร่วมโปรยลงมา เขาที่มีกระบี่ไท่อาอยู่อาจจะไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิตอะไร แต่ตงฟางเมิ่งที่ยังสลบอยู่เกรงว่าจะต้องตายแน่แท้ หากไม่สามารถปกป้องตงฟางเมิ่งและหาเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกพบ เช่นนั้นการที่เย่เทียนเฉินมาถึงพรรคสุสานโบราณและเสี่ยงอันตรายมากมายขนาดนี้จะมีความหมายอะไร?
“พิรุณกระบี่คร่าวิญญาณ!”
เสียงอันไพเราะดังขึ้น ไพเราะเหมือนกับเสียงจากสวรรค์ เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ เกือบจะมอมเมา เพียงแต่ในเวลาชั่วพริบตา การโจมตีมุ่งสังหารพุ่งมาจากทุกสารทิศ ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนภายในพระราชวังพากันเคลื่อนไหวพุ่งโจมตีมายังตงฟางเมิ่งและเย่เทียนเฉิน อากาศถูกฟาดฟันจนฉีกขาด เย่เทียนเฉินถอยหลังไปสองก้าว ปกป้องตงฟางเมิ่งไว้ด้านหลัง ในขณะเดียวกันกระบี่ไท่อาที่อยู่ในมือขวาก็ถูกฟาดฟันออกไปไม่หยุด โจมตีไปยังพิรุณกระบี่ที่บินพุ่งเข้ามา ภายในพระราชวังมีเพียงพิรุณกระบี่ทั่วทุกที่ เกิดเสียงระเบิดทั่วทุกที่ กระบี่บินหลายเล่มพุ่งโจมตีมาทางเย่เทียนเฉิน บางก็ปักลงบนกำแพงหิน บ้างก็แทงทะลุเข้าไปในเสาภายในพระราชวัง รุนแรงเป็นอย่างมาก
ฉึก!
ไหล่ของตงฟางเมิ่งถูกกระบี่บินเล่มหนึ่งแทงทะลุ เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงขมวดคิ้ว ถึงแม้จะมีกระบี่ไท่อาอยู่ในมือ แต่เขายังไม่สามารถป้องกันพิรุณกระบี่ทั่วทั้งฟ้าเหล่านี้ได้ ทุกกระบี่มีเจตนาสังหารอัดแน่น ร้ายกาจเป็นอย่างมาก ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณเป็นผู้หญิงยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านและตื่นตะลึงยิ่งนัก เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไร้ความสามารถ
ฉึก!
ไหล่ซ้ายของเย่เทียนเฉินก็ถูกกระบี่บินแทงทะลุเช่นกัน เลือดสดๆ ไหลออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจ ยังคงปกป้องอยู่เบื้องหน้าตงฟางเมิ่ง ขวางเอาไว้ไม่หยุด ลงมือกับกระบี่บินที่พุ่งเข้ามาเหล่านั้นไม่หยุด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากกระบี่บินนับพันนับหมื่นเล่ม ไม่รู้จริงๆ ว่าใครจะรับมือได้ เกรงว่าไม่ว่าเป็นใครก็คงไม่มีทางทำลายกระบี่นับพันนับหมื่นเล่มที่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารอันรุนแรงเหล่านี้ทั้งหมดในคราวเดียวได้แน่นอน
ฉึกๆๆ เย่เทียนเฉินถูกกระบี่บินทิ่มแทงในตำแหน่งต่างกันไป แม้จะไม่ได้บาดเจ็บถึงชีวิตเพราะตำแหน่งที่เป็นส่วนสำคัญที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตถูกเขาหลบเลี่ยงไปได้ทั้งหมดแล้ว แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาและตงฟางเมิ่งต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น เย่เทียนเฉินเตรียมจะใช้เคล็ดวิชาสังหารเพื่อทำลายพิรุณกระบี่เหล่านี้ทั้งหมด ต่อให้เขาต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกายออกมาก็จะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่
ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินเช็ดแก้มของตน แต่กลับพบว่าไม่มีรอยเลือดอยู่ และไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ส่วนกระบี่หลายเล่มที่ปักอยู่บนร่าง ถึงแม้ดูแล้วจะมีเลือดไหลอยู่แต่ก็ไม่ให้ความรู้สึกเจ็บปวด เพียงแต่ในยามที่ตนเผชิญหน้ากับกระบี่บินมากมายขนาดนี้ถูกทำให้สั่นสะท้านจนไม่ได้สังเกตุเห็น
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ร้ายกาจจริงๆ ดูถูกไม่ได้เลย!” เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อย ลดกระบี่ไท่อาในมือลง ไม่ได้ขัดขวางอีก แต่เดินไปยังกลางพระราชวังที่มีผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณอยู่
ฉึก…มีกระบี่บินจำนวนมากทิ่มแทงเข้ามาในร่างกายเย่เทียนเฉิน เลือดสดๆ ไหลออกมา แต่เย่เทียนเฉินยังคงไม่ได้ขัดขวาง พูดได้ว่าต่อให้พรุนไปทั้งร่างเขาก็ยังเดินไปเบื้องหน้าผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เด็กสาวคนนั้นชะงักไปชั่วครู่ มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาดูงดงามเป็นอย่างมากจนกระทั่งล่มบ้านล่มเมืองได้เลยทีเดียว กระบี่ในมือขวาของเธอชี้มาที่หว่างคิ้วของเย่เทียนเฉิน กระบี่ทิ่มเข้ามาบริเวณหน้าผากของเย่เทียนเฉินทีละนิด มีเลือดไหลออกมา เย่เทียนเฉินหลับตา เข้าใจตระหนักรู้เล็กน้อย
ในตอนที่เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทั่วทั้งพระราชวังก็ไม่มีอะไรอยู่เลย ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวที่ฟาดฟันกระบี่โจมตีมาทั้งห้าคน บาดแผลบนร่างของตน หรือบาดแผลบนร่างของตงฟางเมิ่ง ล้วนหายไปนานแล้ว ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา
“สามารถทำให้ผู้คนแยกแยะไม่ออกว่าเป็นความจริงหรือภาพลวงตา คนที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นผู้มีพลังพิเศษที่ใช้เคล็ดวิชาลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังยากจะทำได้….” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม
ที่แท้ในตอนที่เย่เทียนเฉินคิดว่าเขาและตงฟางเมิ่งต้องตายแน่นอน และใช้มือเช็ดแก้มของตนนั้น เขาถึงได้พบว่าไม่มีเลือดอยู่ ทั้งๆ ที่ถูกกระบี่ทิ่มแทงมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ แปลกเป็นอย่างมาก พลันต้องตื่นตะลึงไป เย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่างแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา เพียงแต่อยู่ในสภาพที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกสมจริงอย่างหาใดเปรียบ เขาคิดไม่ถึงว่าผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ นอกจากจะสร้างคัมภีร์ดรุณีหยกอันเลิศล้ำขึ้นมาแล้ว ยังมีความเข้าใจในเคล็ดวิชาลวงตาอย่างแข็งแกร่งเพียงนี้ นี่จะร้ายกาจขนาดไหนกันแน่?
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา แต่เป็นภาพลวงตาที่สมจริงขนาดนั้น ทำให้ผู้คนแยกแยะจริงเท็จไม่ออก เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือและตื่นตะลึงอยู่ในใจ บนโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโบราณที่ห่างไกลออกไป ถึงกับมีบุคคลที่แข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดเช่นนี้อยู่ และยังเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นี่เป็นถ้ำเสือรังมังกรจริงๆ พรรคสุสานโบราณมีของมากมายที่ควรค่าแก่การสำรวจ
เย่เทียนเฉินยืนอยู่ตรงกลางพระราชวัง มองไปยังกำแพงที่อยู่ตรงข้าม มองไปยังผู้หญิงที่กำลังร่ายรำกระบี่บิน ทุกการเคลื่อนไหว ทุกรอยยิ้มการแสดงออกของเธอล้วนงดงามล่มบ้านล่มเมืองเพียงนั้น ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมคนนี้ เป็นผู้หญิงที่ไม่อาจไม่นับถือเลยจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้มีความรักเฉกเช่นที่เธอต้องการและต้องอยู่ลำพังจนแก่ตาย มิฉะนั้นผู้หญิงเช่นนี้จะต้องทิ้งชื่อเสียงโด่งดังไว้ในประวัติศาสตร์แน่นอน และทำให้ผู้คนทั้งโลกต้องจดจำ
…………….