เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 384 เปลือยเปล่าไปกับตงฟางเมิ่ง
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เย่เทียนเฉินใช้วิธีการที่จางอีเต๋อบอกทำให้ตงฟางเมิ่งตื่นขึ้น จะมีพลังอันอ่อนโยนครอบคลุมพวกเขาเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นพลังนั้นยังคละเคล้าไปด้วยส่วนผสมหลายอย่าง ทำให้เย่เทียนเฉินที่เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ปลุกตงฟางเมิ่งให้ตื่นแล้วจะหมุนตัวจากไปทันทีกลับทำไม่ได้แม้แต่น้อย ต่อให้ใช้พลังต้นกำเนิดออกมาก็ไม่อาจโจมตีออกไปได้ สุดท้ายเขาและตงฟางเมิ่งก็โอบกอดและจุมพิตกัน จนกระทั่งเข้าสู่ร่างกายของตงฟางเมิ่ง หน้าอกทั้งสองกระเพื่อมอย่างบ้าคลั่ง มีความสุขอย่างไร้ขีดจำกัด…
ตงฟางเมิ่งเป็นผู้หญิงที่ใสสะอาดดุจน้ำแข็งบริสุทธิ์ดุจหยก เพียงแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ไม่อาจต่อต้าน ร่างกายของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย พลังอันอบอุ่นที่แม้แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่อาจหนีออกไปได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอเลย จากตอนแรกที่ถูกกระทำอย่างดุดัน สุดท้ายจึงเกิดความรู้สึกขึ้นบ้าง เมื่อเย่เทียนเฉินกระแทกเข้ามาอย่างดุดันก็อดไม่ได้ที่จะครวญครางออกมาอย่างมีความสุข หอบหายใจกระชั้นถี่ ขอเพียงเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งก็จะถูกความรู้สึกแปลกประหลาดที่สัมผัสไม่ได้มองไม่เห็นเหล่านี้พิชิต
ภายในอุโมงค์น้ำแข็งของพรรคสุสานโบราณ หนึ่งหญิงหนึ่งชายนั่งขัดสมาธิ ฝ่ามือทั้งสองกุมกันแน่น เหนือศีรษะของพวกเขาทั้งสองมีไอหมอกสีขาวปรากฏออกมา นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความเย็นในอุโมงค์น้ำแข็ง แต่เป็นพลังต้นกำเนิดที่ถูกกระตุ้นให้ออกมาจากร่างกายของทั้งสองจากการฝึกฝนพลังภายในอันลึกล้ำสูงส่ง
บนร่างกายของหนึ่งหญิงหนึ่งชายไม่มีอาภรณ์ใดๆ สวมใส่อยู่เลย โชคดีที่ภายในอุโมงค์น้ำแข็งมีน้ำแข็งหมื่นปีอยู่ทุกที่ หนาวเย็นเป็นอย่างมากจนเกิดไอหมอกขึ้นมา ทำให้มองไม่เห็นร่างกายของอีกฝ่าย แต่นี่ไม่จำเป็นต้องมองอะไร เพราะเมื่อครู่ทั้งสองผสานรวมกันหลายชั่วโมง เพิ่งจะคุ้นเคยกับร่างกายของอีกฝ่ายได้ไม่นาน
“ฉันจะต้องฆ่านายแน่ ต่อให้นายช่วยฉันไว้ก็เถอะ!” ตงฟางเมิ่งลืมตางดงามขึ้นมองไปยังเย่เทียนเฉินที่อยู่ตรงข้าม ถึงแม้ภายในถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้จะหนาวเย็นเป็นอย่างมาก แต่รอยแดงระเรื่อบนใบหน้างดงามของตงฟางเมิ่งยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน เหตุการณ์ที่ผสานรวมเป็นหนึ่งกับเย่เทียนเฉินเมื่อครู่นี้ เจ้าคนสาระเลวสมควรตายจู่โจมเข้ามาจนเกือบทำให้เธอขาดใจตายอยู่แล้ว ตงฟางเมิ่งอยากจะตบให้เย่เทียนเฉินตายไปจริงๆ
“สนใจตัวเองให้ดีก่อนเถอะ คัมภีร์ดรุณีหยกนี้ลึกล้ำกว้างขวางจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยฝึกฝน ตอนนี้พวกเราฝึกส่วนสุดท้ายได้หรือยัง ยังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมาก เธออาจจะตายอยู่ที่นี่ก็ได้…” เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่ตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้น
“ไม่ว่าจะฝึกส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกสำเร็จหรือไม่ ฉันก็จะฆ่านาย!” ตงฟางเมิ่งกัดฟัน มองเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน
เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่งอย่างอับจนคำพูด ตนเองผ่านภูเขาแม่น้ำ ฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพื่อพาผู้หญิงคนนี้มาส่งที่พรรคสุสานโบราณ และยังหาวิธีการฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณียกจนพบ แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขอบคุณ แต่ถึงกับไม่ยอมปล่อยเขาไปต่อให้ต้องตายก็ตาม นี่จะเว่อร์เกินไปแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่นี่ก็ไม่อาจตำหนิเขาได้ พลังอ่อนโยนกลุ่มนั้นทำให้ผู้คนไม่อาจต่อต้านได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องน่ายินดีแบบนี้เย่เทียนเฉินยังจดจำได้ชัดเจน ในตอนที่ตงฟางเมิ่งร้องครวญครางดูงดงามมากจริงๆ ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถูกกระตุ้นอารมณ์ขึ้นมา ต้องการพิชิตสตรีใต้ร่างอย่างดุดัน
“นี่ ฉันช่วยเธอแบบนี้ เธอไม่ขอบคุณฉันก็ช่างมันเถอะ ยังจะฆ่าฉันอีก ยังมีคุณธรรมอยู่หรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“นาย…คะ ใครให้นายช่วยฉันล่ะ…ฉันจะฆ่านายอยู่ดี!”
ตงฟางเมิ่งหน้าแดงด้วยความเขินอาย คิดไปถึงตอนที่ได้โอบกอดกับเย่เทียนเฉิน คนคนนี้จู่โจมตนสุดชีวิต ความรู้สึกเขินอายจากความเจ็บปวดและมีความสุขเช่นนั้นทำให้ตงฟางเมิ่งอายจนรับไม่ไหว จะอย่างไรเธอก็ยังนับว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกเย่เทียนเฉินทำแบบนั้นจึงยากจะรับได้ในเวลาสั้นๆ แต่ในคำพูดกลับแฝงไปด้วยความเขินอายไม่ใช่การตัดสินใจเหี้ยมโหด บางทีนี่คงเป็นเหมือนคำพูดโบร่ำโบราณที่เขาว่ากันผู้หญิงทุกคนล้วนมีความรู้สึกซับซ้อนกับครั้งแรก ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่มี การมอบครั้งแรกของตนให้กับผู้ชายคนใดก็ตาม ไม่ว่าจะมอบให้อย่างไร ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่อาจลืมไปได้ชั่วชีวิต กระทั่งต้องการอยู่กับผู้ชายคนนั้นไปจนแก่เฒ่า นี่คืออารมณ์ที่ฝังลึกอยู่ในกระดูก ไม่มีเหตุผลและไม่อาจอธิบายได้
“ฉันขี้เกียจพูดกับเธอแล้ว เธอมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ค่อยว่ากันเถอะ หากไม่ใช่เพราะว่า ถ้าฉันถอนมือออกตอนนี้เธอก็จะตายทันที ฉันคงไม่สนใจเธอนานแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่งแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“นาย…นายได้ประโยชน์ไปแล้วยังมาทำเป็นพูดดีอีก ฉันไม่แคร์หรอก ถ้ามีความสามารถก็ถอนมือออกไปตอนนี้เลย!” ตงฟางเมิ่งกัดฟันพูด
เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่ง ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องที่กระทำก็ต้องทำจนถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นตนถึงกับทำเรื่องนั้นกับผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว ทำให้เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ด้วยอารมณ์รับผิดชอบที่ออกมาจากนิสัยของลูกผู้ชาย เย่เทียนเฉินยังคงตัดสินใจรอให้ตงฟางเมิ่งรักษาแผลให้มั่นคงก่อนค่อยว่ากัน
เคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายต้องให้หญิงชายร่วมฝึกฝน เริ่มต้นจากต้องมีผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายหนึ่งคน จากนั้นผสานรวมกันเป็นหนึ่ง สุดท้ายจึงค่อยฝึกฝน เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งผ่านขั้นตอนสองอย่างแรกมาแล้ว ตอนนี้ต้องรวมใจของอีกฝ่ายเข้าด้วยกัน ยืมพลังภายในและพลังต้นกำเนิดของอีกฝ่ายมาทำการฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก
ไม่รู้จริงๆ ว่าสวรรค์ส่งให้มาเป็นคู่กันหรือสวรรค์กลั่นแกล้ง แม้ในความฝันเย่เทียนเฉินก็คิดไม่ถึงว่าตนจะหาเคล็ดวิชาการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายพบจากความผิดพลาดโดยบังเอิญ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ผสานรวมเป็นหนึ่งและร่วมฝึกฝนกับตงฟางเมิ่ง มาถึงขั้นนี้แล้วก็คงไม่มีทางเลือกอีก ทำได้เพียงฝึกฝนต่อไปเช่นนี้ ไม่งั้นตงฟางเมิ่งคงต้องตาย เขาเย่เทียนเฉินก็อาจจะบาดเจ็บด้วยก็เป็นได้ เนื่องจากตอนนี้จากความรู้สึกของเย่เทียนเฉิน พลังต้นกำเนิดในร่างกายของเขาถูกพลังต้นกำเนิดในร่างกายของตงฟางเมิ่งดึงดูดไปและกำลังเดินเล่นอยู่ในร่างกายของคนทั้งสอง หากหยุดลงอย่างกะทันหันอาจจะทำให้คนทั้งสองตายได้ จะอย่างไรเคล็ดวิชาฝึกฝนที่ต้องใช้หญิงชายฝึกฝนร่วมกันแบบนี้ เย่เทียนเฉินเพิ่งมีประสบการณ์เป็นครั้งแรก ไม่กล้าทำมั่วซั่ว
ตงฟางเมิ่งรู้สึกอัจนคำพูดจริงๆ ทั้งร้อนใจทั้งอับอาย ตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง เธอแอบสังเกตการณ์เย่เทียนเฉินมาแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ถูกเธอปฏิเสธไปแล้วในใจ หลายปีมานี้ตงฟางเมิ่งยังไม่มีผู้ชายที่ตนรัก ดังนั้นจึงไม่ได้ฝึกฝนส่วนสุดท้ายของเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยก แน่นอนว่าตอนนี้เธอที่มีฐานะเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของพรรคสุสานโบราณย่อมรู้ว่าจะหาส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกได้ที่ไหน เพียงแต่ยังหาผู้ชายที่เหมาะสมไม่พบ ตงฟางเมิ่งจึงไม่ได้มาที่อุโมงค์น้ำแข็งเพื่อตามหาส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณี การฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกจำเป็นต้องใช้หญิงชายร่วมฝึกฝน สำหรับพรรควรยุทธโบราณแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร ดูเหมือนทุกคนต่างก็รู้ว่าสุดท้ายแล้วคัมภีร์ดรุณีหยกต้องใช้หญิงชายร่วมฝึกฝน หลายคนต่างก็กำลังคิดและกำลังดูว่าตงฟางเมิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นดรุณีหยกจะหาผู้ชายเช่นไรมาร่วมฝึกฝน
วันนั้นตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง ตงฟางเมิ่งเคยเข้าใกล้เย่เทียนเฉินเพื่อตรวจสอบแล้ว ต้องการจะเห็นว่าผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไร หากพูดในด้านความสามารถอย่างเดียว เย่เทียนเฉินถือว่าตรงตามความต้องการ แต่ตอนนั้นตงฟางเมิ่งไม่ได้สนใจเย่เทียนเฉิน เนื่องจากคนคนนี้ดูเหลาะแหละ ไม่มีท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง ทำให้ตงฟางเมิ่งไม่พอใจและไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ ผู้ชายแบบที่เธอชอบจะต้องสุขุมมั่นคงสามารถทำเรื่องใหญ่ได้
สิ่งที่ทำให้ไม่ว่าจะอย่างไรตงฟางเมิ่งก็คิดไม่ถึงก็คือ สุดท้ายชายที่ช่วยตนและยังร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกกับตนจะกลับกลายเป็นเย่เทียนเฉินคนนี้ ทำให้ผู้คนพูดไม่ออกจนถึงที่สุดจริงๆ
“ฉันขี้เกียจสนใจเธอแล้ว ตั้งใจฝึกฝนเถอะ รอให้ฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกเสร็จก่อน ตอนนั้นถ้าเธอมีความสามารถฆ่าฉันก็มาฆ่าเลย!” เย่เทียนเฉินขี้เกียจต่อปากต่อคำกับตงฟางเมิ่งแล้ว พูดจบก็หลับตาลง เรียนรู้เคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่ว่ากันว่าไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่แปลกใหม่สำหรับเขาอย่างลึกซึ้ง
“นาย…” ตงฟางเมิ่งโกรธมาก ในใจคิดว่าตนติดหนี้ชายคนนี้ไปชั่วชีวิตแล้วหรือไม่ ถึงกับทำการฝึกฝนผสานรวมเป็นหนึ่งกับเขา มอบครั้งแรกให้ชายคนนี้ไปแล้ว ส่วนชายคนนี้ก็ไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
หลังจากที่เย่เทียนเฉินต่อปากต่อคำตงฟางเมิ่งหลายประโยคแล้วก็ไม่สนใจตงฟางเมิ่งอีก เกรงว่าบนโลกใบนี้ คนที่ได้ครอบครองครั้งแรกของผู้หญิงที่งดงามราวกับนางเซียนอย่างตงฟางเมิ่ง และยังนั่งเผชิญหน้าร่วมฝึกฝนกันแต่กลับหลับตาไม่มอง และยังมีความไม่พอใจผสมอยู่ในคำพูด คงมีเย่เทียนเฉินเพียงคนเดียวแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าคนคนนี้มีความฉลาดทางอารมณ์เป็นลบหรือยังไง
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินค่อยๆ รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของคัมภีร์ดรุณีหยกแล้ว เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าภายในร่างกายของตงฟางเมิ่งมีพลังต้นกำเนิดที่บริสุทธิ์ที่สุดและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขารู้สึกว่าคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่าล่ะถึงว่ากันว่าเทียบเคียงได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในวิชาใดที่จะพูดได้เต็มปากว่าเทียบเคียงได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นบ้าง? นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินได้สัมผัสถึงเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณที่ลึกซึ้งสูงส่งขนาดนี้ ตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะมีความคิดที่จะนำพลังพิเศษของตนไปหลอมรวมเข้ากับพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณเพื่อเพิ่มพลังความสามารถของตน หรือกระทั่งทะลวงขอบเขตไปอีกระดับหนึ่ง แต่ในดาวสิ้นโลกซึ่งเป็นโลกที่มีการฆ่าฟันอยู่ทั่วทุกที่ หากต้องการหาเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่ลึกล้ำสูงส่งแบบนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้นในโลกนี้เย่เทียนเฉินจึงอยากไปวัดเส้าหลินมาตลอด เพื่อตามหาเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่สืบทอดกันมายาวนาน หากสามารถฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นได้ และสร้างพลังภายในที่แข็งแกร่งได้ บางทีในโลกที่หลิงชี่แห้งเหือดไม่เหมาะสมแก่การบ่มเพาะเช่นนี้ เขาอาจจะอาศัยพลังของตนทะลวงไปถึงระดับจักรพรรดิก็เป็นได้ และยังมีสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เย่เทียนเฉินพบว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพลังพิเศษหรือผู้แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณ หรือบางทีอาจจะเป็นสัตว์ประะหลาดจากดาวสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนแบบไหน สุดท้ายก็มีเป้าหมายเดียวกัน บางทีนี่อาจเป็นจุดสูงสุดของบ่มเพาะ
“ถึงแม้คัมภีร์ดรุณีหยกจะแข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่เคล็ดวิชาพลังภายในที่ฉันต้องการฝึกฝน อยากได้คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของวัดเส้าหลินมากกว่า…” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเองในใจ
……………….