เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 387 ศิษย์พี่ศิษย์น้องรวมตัว
หลี่ชิวสุ่ยเคยเป็นลูกศิษย์คนโตของพรรคสุสานโบราณ ได้รับความสำคัญจากท่านอาจารย์ของตงฟางเมิ่งมาก มีความสามารถในการเรียนรู้สูง พรสวรรค์ดีเยี่ยม พูดไปแล้วหากหลี่ชิวสุ่ยไม่ได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง ศิษย์สายตรงของพรรควรยุทธโบราณก็จะเป็นเธอ กระทั่งหัวหน้าพรรคคนต่อไปก็ต้องเป็นเธอ คงไม่วนมาถึงตงฟางเมิ่งแน่นอน หากพูดถึงความสามารถและฝีมือของคนคนนี้ หลี่ชิวสุ่ยย่อมเหนือกว่าตงฟางเมิ่ง มีความสามารถเพียงพอที่จะสู้กับชิงเฉิงเยว่ รวมกับที่หลี่ชิวสุ่ยเป็นคนโหดเหี้ยม ฝึกฝนวิชาฝ่ามือสลายกระดูกจนถึงขั้นเก้า ไม่รู้ว่าบนมืออาบย้อมไปด้วยชีวิตของคนมากน้อยเพียงใด
คราวนี้เห็นได้ชัดว่าหลี่ชิวสุ่ยรู้แล้วว่าท่านอาจารย์ไม่อยู่แล้ว มีแค่ศิษย์น้องตงฟางเมิ่งคนเดียวคอยปกป้องพรรคสุสานโบราณ รวมกับที่เธอฝึกวิชาฝ่ามือสลายกระดูกถึงขั้นเก้าแล้ว เรียกได้ว่าขาดอีกขั้นเดียวก็จะสำเร็จ จึงไม่เห็นตงฟางเมิ่งอยู่ในสายตา และบุกมายังถิ่นของพรรคสุสานโบราณเพียงคนเดียวเพื่อมาตามหาคัมภีร์ดรุณีหยก
ความจริงหากจะพูดถึงระดับความโหดเหี้ยมของหลี่ชิวสุ่ย ครั้งนี้เธอไม่เพียงแต่จะมาตามหาเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกเท่านั้น แต่ยังต้องการฆ่าตงฟางเมิ่งด้วย เช่นนั้นเธอก็จะเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของพรรคสุสานโบราณ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคสุสานโบราณ เช่นนั้นก็จะมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ ถึงตอนนั้นเธอหลี่ชิวสุ่ยไม่เพียงแต่จะกลับมายังพรรคสุสานโบราณได้อีกครั้ง แต่ยังจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณที่ชี้เป็นชี้ตายยุทธภพได้ด้วย บ้าคลั่งระดับไหนกัน?
“ศิษย์พี่ใหญ่ คุณควรจะรู้กฎของพรรคสุสานโบราณของพวกเรา มีเพียงศิษย์สายตรงของหัวหน้าพรรคเท่านั้นที่จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกได้ คุณไม่เพียงแต่จะไม่ได้เป็นศิษย์สายตรง แต่ยังถูกขับออกจากพรรคแล้ว ไม่อาจฝึกฝนวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกได้อีก!” ตงฟางเมิ่งมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆๆๆ น่าหัวเราะ กฎของพรรค? นับเป็นอะไรได้? ตอนที่ท่านอาจารย์ยังอยู่ บางทีพรรคสุสานโบราณของพวกเรายังคงมีกฎของพรรคอยู่ แต่ตอนนี้ท่านอาจารย์ตายแล้ว พรรคสุสานโบราณเหลือแค่เธอคนเดียว ยังจะมีกฎของพรรคอะไรอยู่อีก? ฉันว่าสู้ให้ฉันมาเป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณดีกว่า จะได้สร้างกฎขึ้นมาอีกครั้ง!” หลี่ชิวสุ่ยยืนอยู่บนกำแพงน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดขึ้น
ตงฟางเมิ่งส่ายหน้า เธอเข้าใจกระจ่างแล้วว่าหลี่ชิวสุ่ยบุกเข้ามาในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการแย่งชิงเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไป แต่ยังต้องการฆ่าเธอด้วย ตนกลายเป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณแล้ว ตอนนี้เธอกับเย่เทียนเฉินยังฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณียกไม่สำเร็จ มีเพียงมือซ้ายที่จับกันไว้แน่น หากสลัดออกจากกัน ทั้งสองก็จะถูกพลังภายในอันยิ่งใหญ่ของคัมภีร์ดรุณีหยกตีกลับ ธาตุไฟเข้าแทรกจนตาย ตอนนี้ยังต้องมาเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างหลี่ชิวสุ่ยอีก เกรงว่าทั้งสองจะต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ แล้ว บางทีนี่คงเป็นลิขิตสวรรค์ การจะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกให้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นจริงๆ
“พลังฝ่ามือไม่เลวเลย แต่ดูเหมือนยังขาดความร้อนแรงอยู่บ้าง!”
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้หลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่งชะงักไปทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่ชิวสุ่ยที่ขมวดคิ้วหนักพลางมองไปยังเย่เทียนเฉิน เนื่องจากฝ่ามือเมื่อครู่นี้ แม้จะไม่ได้ออกแรงเต็มกำลัง แต่อย่างน้อยก็ใช้แรงไปห้าส่วน มีพลังโจมตีไม่น้อย แต่ถึงกับถูกเย่เทียนเฉินรับไว้ตรงๆ ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนคนคนนี้จะไม่เป็นไรเลย
“มือขวาของนาย…” ตงฟางเมิ่งสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของฝ่ามือสลายกระดูกอย่างลึกล้ำ ตอนที่ท่านอาจารย์ยังอยู่เคยกำชับเธอหลายครั้งว่าวิชาที่โหดเหี้ยมนี้แม้จะมีพลังทำลายรุนแรงแต่ก็ไม่อาจฝึกฝนได้เด็ดขาด เนื่องจากมันโหดเหี้ยมเกินไป ตอนที่ตงฟางเมิ่งมองไปยังมือขวาของเย่เทียนเฉิน พบว่ามือขวาถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว ไม่ได้ถูกแช่แข็งเป็นน้ำแข็ง แต่เหมือนกับมีผ้าไหมห่อเอาไว้ชั้นหนึ่ง นั่นเป็นพลังภายในพิเศษที่มีอยู่ในฝ่ามือสลายกระดูก ไม่ว่าสิ่งใดหากสัมผัสมัน ต่อให้เป็นเหล็กกล้าก็จะถูกหลอมรวมในพริบตา แต่มือขวาของเย่เทียนเฉินถูกพลังภายในหอหุ้มอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพริบตาเดียวคงกลายเป็นหนองเลือด น่าอนาจจนทนมองไม่ได้
“ไม่เป็นไร ระดับแค่นี้ไม่นับว่าเป็นอะไรได้!”
คำพูดของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะพูดจบ เขาก็ออกแรงสะบัดมือขวา ถึงกับทำให้ผ้าไหมที่ครอบคลุมแขนขวาเขาเอาไว้พังทลาย ของที่เหมือนกับผ้าไหมนี้ตกลงสู่พื้น กลืนกินก้อนน้ำแข็งที่อยู่บนพื้นไปในพริบตา กระทั่งพื้นที่อยู่ด้านล่างสุดก็ยังถูกทำให้กลายเป็นรูใหญ่ เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ฝ่ามือสลายกระดูกโหดเหี้ยมจริงๆ ไม่ว่าคนหรือสิ่งของหากถูกเข้าไปก็จะเปลี่ยนสภาพ
ตงฟางเมิ่งคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะกล้าปะทะกับหลี่ชิวสุ่ยตรงๆ แต่ยังสามารถสลัดพลังภายในของฝ่ามือสลายกระดูกออกไปได้ในพริบตาด้วย คนคนนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ต้องรู้ว่าฝ่ามือสลายกระดูกนั้น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครที่โดนเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไรเลย
หลี่ชิวสุ่ยขมวดคิ้ว เดิมทีเธอคิดว่าต่อให้ตงฟางเมิ่งสามารถหาหนุ่มหน้าขาวมาร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกได้ ความสามารถของหนุ่มหน้าขาวคนนี้คงไม่เท่าไหร่ ฝ่ามือสลายกระดูกของเธอไปถึงขอบเขตขั้นเก้าแล้ว เรียกได้ว่าในโลกของวรยุทธโบราณ เธอนับเป็นยอดฝีมือระดับบนๆ ต่อให้คนที่เผชิญหน้ากับเธอจะเป็นชิงเฉิงเยว่ เธอก็ไม่ยอมหลบเลี่ยงแม้แต่ครึ่งส่วน จะต้องกล้าสู้ตรงๆ แน่นอน ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าหนุ่มหน้าขาวเบื้องหน้าไม่เพียงแต่จะหน้าตาไม่เลวแต่ฝีมือยังแข็งแกร่งขนาดนั้นด้วย ท่าทางศิษย์น้องจะหาผู้ชายที่ไม่เลวคนหนึ่งได้จริงๆ น่าเสียดายที่เธอหลี่ชิวสุ่ยก็สวยมาก แต่กลับไม่มีผู้ชายมาชอบ คิดไปก็รู้สึกเศร้าจนเกิดอิจฉาขึ้นมา
“คิดไม่ถึงว่ากายเนื้อของนายจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ปัจจุบันนี้ คนที่บ่มเพาะกายเนื้อได้เหมือนนายมีน้อยมาก!” หลี่ชิวสุ่ยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา
เย่เทียนเฉินมองหลี่ชิวสุ่ย เขายังคงจับมือซ้ายของตงฟางเมิ่งแน่น จากนั้นจึงส่งสายตาให้ตงฟางเมิ่ง ความจริงเขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าหลี่ชิวสุ่ยเลย รวมกับที่ตอนนี้ไม่อาจปล่อยมือตงฟางเมิ่งได้ การเคลื่อนไหวจึงมีขีดจำกัด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งสองคงถูกฝ่ามือสลายกระดูกของหลี่ชิวสุ่ยเข้าแน่ และกลายเป็นกองเลือด นั่นเป็นเรื่องที่จะช้าจะเร็วก็ต้องเกิดขึ้น วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือ ก่อนที่หลี่ชิวสุ่ยจะลงมืออย่างบ้าคลั่ง พวกเขาต้องฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกให้สำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้น ด้วยพลังของเขาและตงฟางเมิ่ง ต้องการโจมตีหลี่ชิวสุ่ยให้ล่าถอยไปคงจะไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่หากต้องการฆ่าผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้คงจะลำบากอยู่บ้าง
“งั้นเหรอ? พี่ชายสุดหล่อคนนี้มีกายเนื้อแข็งแกร่งมาก จะลองดูหรือเปล่าล่ะ?” เย่เทียนเฉินมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยด้วยท่าทีอันธพาลแล้วพูดออกมา
“หน้าไม่อาย…” ตงฟางเมิ่งหน้าแดง จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น
“ลองก็ลองสิ นายฆ่าศิษย์น้องของฉันตอนนี้เลย จากนั้นก็ถามวิธีฝึกฝนคัมภีร์ดรุณียกออกมา ฉันกับนายก็จะฝึกด้วยกันถึงขั้นสุดท้าย รับประกันเลยว่านายจะต้องพอใจแน่ เป็นยังไง?”
หลี่ชิวสุ่ยไม่มีความเขินอายแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องระหว่างชายหญิงมาแล้วมากเท่าไหร่ บางครั้งไม่มีผู้ชายหลี่ชิวสุ่ยก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวอยู่บ้าง ตอนนี้หากเธอต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง เรียกได้ว่าง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่สิ่งที่เย่เทียนเฉินแสดงออกมาทำให้หลี่ชิวสุ่ยรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง เจ้าหนุ่มหน้าขาวคนนี้ไม่รู้ว่ามีความสามารถแข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าได้รับบาดเจ็บเพราะความลำพองใจหรือต้องมาผิดพลาดในตอนท้ายคงจะสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ยิ่งไปกว่านั้นหากให้ผู้ชายที่ตงฟางเมิ่งหลงรักฆ่าเธอซะ ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้หลี่ชิวสุ่ยมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว นี่เป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมจนถึงขั้นวิปริตจริงๆ
“ฆ่าคนเหรอ? ผู้ชายสุดหล่อและใจดีอย่างฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนจริงๆ ฉันรู้ว่าจุดประสงค์ของเธอก็คือคัมภีร์ดรุณีหยก ฉันได้ฝึกฝนร่วมกันกับตงฟางเมิ่งพอดี ฉันคิดว่าในจุดนี้เธอก็คงเห็นแล้ว ดังนั้นเคล็ดวิชาการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ได้เพียงแค่ตงฟางเมิ่งที่รู้ ฉันเองก็รู้ด้วย แต่พรรคก็มีกฎของพรรค บ้านก็มีกฎบ้าน ศิษย์สายตรงของพรรคสุสานโบราณเท่านั้นถึงจะได้รับการสืบทอดเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยก แบบนี้จะทำยังไงดี? ไม่สู้ทำแบบนี้พวกเธอสองคนคิดว่ายังไง? ให้ฉันรับผิดชอบเป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณ แล้วรับพวกเธอสองคนเป็นศิษย์สายตรง ถึงตอนนั้นก็จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกด้วยกันกับพวกเธอสองคน ทำให้ความสามารถของพวกเธอเพิ่มพูนขึ้นมา เป็นไง?” เย่เทียนเฉินพูดขึ้นแล้วหัวเราะฮี่ๆ
เมื่อได้ยินคำพูดไร้ยังอายของเย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่งก็กรอกตาใส่เย่เทียนเฉินอย่างดุดัน ส่วนเย่เทียนเฉินก็ใช้สายตาส่งสัญญาณให้ตงฟางเมิ่ง ตงฟางเมิ่งเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงไม่พูดอะไรอีก และไม่ถูกกระตุ้นให้โกรธแล้ว หลับตาลงรวบรวมสมาธิและพลังภายในเพื่อฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณียกให้สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วก็ไม่ต้องกลัวหลี่ชิวสุ่ยอีก
“หึ ดูไม่ออกเลยว่านายจะโลภมากแบบนี้ อยากได้ฉันกับศิษย์น้องด้วยกัน วาสนาของนายไม่น้อยเลยจริงๆ!” ตงฟางเมิ่งยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางหื่นกระหาย
“ฉันเป็นผู้ชายมหัศจรรย์ที่รักหญิงงามไม่ได้รักยุทธภพ ใช้คำพูดแบบนี้ก็แก้ปัญหาไปได้แล้ว ทำไมทุกคนต้องฆ่าแกงกันด้วย? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราสามคนอยู่ในพรรคสุสานโบราณ ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขมากหรือ?” เย่เทียนเฉินมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดอย่างชั่วร้าย
“ผู้ชายมหัศจรรย์ ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่านายจะนำความมหัศจรรย์แบบไหนมาให้ฉัน…”
ฟิ้ว!
เย่เทียนเฉินเห็นว่าหลี่ชิวสุ่ยหายไปจากบนกำแพงน้ำแข็ง เขาชะงักไปทั้งร่าง ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมหาใดเปรียบ ทั้งยังหื่นกระหายอย่างไร้ขีดจำกัด ความสามารถลึกล้ำสูงส่งไม่น้อยไปกว่าชิงเฉิงเยว่เลย เย่เทียนเฉินรู้ว่าต่อให้ตนเองลงมือเต็มที่ก็ไม่แน่ว่าจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ได้ พรรควรยุทธโบราณลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึงจริงๆ ตนยังต้องเพิ่มพูนขอบเขตความสามารถให้แข็งแกร่งถึงจะสู้ได้
พลั่ก!
ฝ่ามือหนึ่งโจมตีเข้ามา เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว หลบไปด้านหลังด้วยความรวดเร็ว พลังอำนาจของฝ่ามือนี้สูงกว่าผ่ามือก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า เพิ่งจะซัดออกมาเท่านั้น ภายในอุโมงค์น้ำแข็งก็สั่นสะเทือน กำแพงน้ำแข็งที่อ่อนแอบางส่วนก็ถูกทลายไปทั้งหมด น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เย่เทียนเฉินพาตงฟางเมิ่งถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ระดับความเร็วถูกเร่งจนถึงขีดสุด แต่ฝ่ามือบอบบางยังคงตามมาติดๆ กำแพงน้ำแข็งที่หนาเกือบ 10 เมตรก็ยังไม่อาจสกัดกั้นมันไว้ได้ ท่าทางหลี่ชิวสุ่ยคงคิดจะฆ่าแล้ว
เย่เทียนเฉินไม่กล้าปะทะฝ่ามือนี้ตรงๆ พลังทำลายล้างแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้เขาบ่มเพาะกายเนื้อมาโดยตลอดก็ยังไปไม่ถึงขอบเขตนักรบเทพราชันที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า หากปะทะเข้าไปอีกคงตายแน่นอน ตงฟางเมิ่งพยายามทะลวงด่านสุดท้ายอีกครั้ง พวกเขาสองคนตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตแล้ว!