เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 419 ด่าตงฟางเมิ่ง
เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงว่าเถียนปอกวงผู้นี้จะรับมือไม่ง่ายเลย ตนวางแผนนับร้อยพัน คิดจะหลอกเถียนปอกวงให้คลายจุดชีพจรให้ตงฟางเมิ่ง ถึงกับตบหลี่ชิวสุ่ยจนใบหน้าบวมเป็นหมู ทำให้เธอพูดไม่ได้เพื่อจะได้ทำลายแผนการของตนไม่ได้ ไหนเลยจะรู้ว่าเถียนปอกวงจะคลายจุดชีพจรให้ตงฟางเมิ่งขยับได้เท่านั้น แต่ยังคงสกัดพลังภายในในร่างของตงฟางเมิ่งเอาไว้ เช่นนี้ตงฟางเมิ่งก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา ไม่สามารถร่วมมือกับเย่เทียนเฉินเพื่อรับมือเถียนปอกวงได้เลย
เคร้งๆๆ!
หลังจากรับรู้สถานการณ์แล้ว เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะไม่ยอมถอย แต่กลับกำกระบี่เซวียนหยวนโถมเข้าโจมตีอย่างแข็งกร้าวที่สุด ต่อให้ไม่สามารถขับเคลื่อนพลังดั้งเดิมของกระบี่เซวียนหยวนได้ เย่เทียนเฉินก็ยังใช้พลังพิเศษภายในร่างตนบรรจุเข้าไป ตอนนี้ตงฟางเมิ่งเคลื่อนไหวได้แล้ว เขาจึงนับได้ว่ามีภาระลดลงไปบ้าง ขอเพียงขวางเถียนปอกวงเอาไว้ได้ก็สามารถทำให้ตงฟางเมิ่งหนีไปได้ ส่วนตัวเขาเอง เมื่อถึงคราวร้ายแรงก็ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันรุนแรงออกไป เชื่อว่าจะใช้โอกาสนี้หนีไปได้เช่นกัน ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร
“ไอ้หนู แกคิดจะปกป้องผู้หญิงของแกให้หนีไปได้ ไม่ถามเพลงดาบในมือของฉันเถียนปอกวงสักหน่อยหรือไงว่าจะยอมหรือเปล่า!” เถียนปอกวงสะบัดดาบอันว่องไวในมือเพื่อสกัดกั้นและโจมตี พลางกล่าวกับเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“เพลงดาบว่องไวของแกสู้กระบี่ในมือฉันไม่ได้หรอก เมื่อกี้ฉันต่อสู้ในสภาพว้าวุ่นใจ ตอนนี้ฉันจะให้แกได้รู้ว่าการที่ฉันไม่ฆ่าแกก็เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว!” เย่เทียนเฉินเองก็ลงมือสู้กับเถียนปอกวงเต็มที่
ชั่วขณะนั้น เย่เทียนเฉินระเบิดพลังออกมาจริงๆ แล้ว ไม่ได้เก็บซ่อนอำพรางแม้แต่น้อย กระตุ้นพลังต่อสู้ทั่วทั้งร่างออกมา ทำให้เถียนปอกวงตกใจจนชะงักไป แม้เขาจะคาดเดาได้ว่าศักยภาพของเย่เทียนเฉินไร้ขีดจำกัด แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินที่ถูกตนโจมตีจนมีสภาพเช่นนี้จะยังมีพลังต่อสู้ขนาดนี้อีก เป็นเป้าหมายที่ควรค่าให้สั่งสอนจริงๆ เถียนปอกวงไม่ได้ล้อเล่น เขาคิดจะรับเย่เทียนเฉินเป็นลูกศิษย์จริงๆ ต้องการสั่งสอนเขาให้กลายเป็นโจรชั่วรุ่นต่อไป เช่นนี้นับว่าเขาเถียนปอกวงมีผู้สืบทอดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลายปีนี้เขาไปปลุกปล้ำผู้หญิงทุกหนทุกแห่งเพียงผู้เดียว รู้สึกเบื่อหน่ายจริงๆ หากสั่งสอนคนเช่นเดียวกันออกมา พาไปกระทำการกับตนทุกครั้งคงจะดีไม่น้อย!
“ระวัง!” ตงฟางเมิ่งยืนอยู่ด้านข้าง เห็นประกายกระบี่ของเถียนปอกวงฟาดฟันไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเตือน
ตู้ม!
อันตรายเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินหลบดาบของเถียนปอกวงไปได้ ส่วนเถียนปอกวงก็ฝันวืดถูกอากาศ เมื่อมองไปบนกำแพงหิน พบว่าเกิดประกายไฟแลบออกมา กำแพงหินที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบถูกฟันจนเป็นรอยดาบลึก จินตนาการได้เลยว่าหากดาบนี้ฟันลงไปที่ศีรษะของเย่เทียนเฉิน เขาจะต้องหัวขาดแน่นอน
“ไสหัวไปสิ ทำไมเธอยังไม่ไสหัวไปอีก มันทำให้ฉันกังวลจนสู้กับพี่เถียนเต็มกำลังไม่ได้ เธออยากให้ฉันแพ้รึไง?” เย่เทียนเฉินด่าตงฟางเมิ่งอย่างไม่สบอารมณ์
ตงฟางเมิ่งชะงักไป แต่กลับไม่ได้จากไป เธอรู้ว่าเพื่อช่วยเธอเย่เทียนเฉินจะขัดขวางเถียนปอกวงเต็มกำลังโดยไม่เสียดายสิ่งใด ความสามารถและการบ่มเพาะของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ยังห่างชั้นกับเถียนปอกวงอยู่ระดับหนึ่ง ต่อให้เขาใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งก็ไม่แน่ว่าจะฆ่าเถียนปอกวงได้ แค่ปกป้องตนเองได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ฉันบอกให้เธอไสหัวไปไง เธอคิดจะอยู่ที่นี่ทำให้ฉันตายรึไง? ถ้าเธอยังไม่ไสหัวไปอีก ฉันจะให้พี่เถียนกดยัยผู้หญิงหัวหมูนั่นต่อหน้าเธอ ดูซิว่าเธอจะทนดูได้หรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินเห็นตงฟางเมิ่งไม่ขยับจึงร้อนใจจนต้องตะโกนด่าต่อไป
ในขณะที่พูด มือของเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้หยุด มือขวาฟาดฟันกระบี่มุ่งสังหารไปยังเถียนปอกวง ในขณะเดียวกันมือซ้ายก็แผ่ออกเป็นฝ่ามือ มีประกายสายฟ้าลุกโชน ซัดฝ่ามือไปยังเถียนปอกวง เถียนปอกวงตื่นตะลึง คิดไม่เย่เทียนเฉินจะโจมตีเช่นนี้จึงรีบถอยออกไป เพลงดาบว่องไวในมือเพิ่มความเร็วขึ้นไม่รู้กี่เท่าในเวลาเพียงชั่วพริบตา ทำให้เย่เทียนเฉินต้องสั่นสะท้าน
ปัง!
ฝ่ามือซ้ายที่เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าของเย่เทียนเฉินซัดลงบนกำแพง ทำให้กำแพงเกิดรอยประทับฝ่ามือขนาดใหญ่ อีกทั้งยังส่งกลิ่นไหม้ออกมาระลอกหนึ่ง ทำให้ตงฟางเมิ่งตื่นตะลึงจนชะงักไป เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะมีกระบวนท่าเช่นนี้อยู่ด้วย เคล็ดวิชาพลังพิเศษนี้รุนแรงกว่าเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณจำนวนหนึ่งเสียอีก
“คิดไม่ถึงว่าไอ้หนูอย่างแกจะเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ มิน่าล่ะฉันถึงรู้สึกว่าแกมีศักยภาพไร้ขีดจำกัด!” เถียนปอกวงหัวเราะแล้วกล่าวขึ้น
“หึ แกยังไม่รู้อะไรอีกมาก ถ้าแกกลัวก็มาเป็นลูกบุญธรรมฉันซะสิ ฉันจะสอนแกสักหลายกระบวนท่าเป็นไง?” เย่เทียนเฉินมองไปยังเถียนปอกวงแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ
“อะฮ่า แกนี่โอหังจริงๆ การบ่มเพาะของฉันสูงกว่าแกอยู่หนึ่งขอบเขต เพียงแค่ขอบเขตความสามารถของฉันก็กดดันแกได้แล้ว ไม่มีปัญหาสักนิด ขอแค่แกทำลายเพลงดาบว่องไวของฉันได้ ฉันก็จะปล่อยแกกับผู้หญิงของแกไป แล้วยังจะสาบานเป็นพี่น้องกับแกด้วย เป็นไง?” เถียนปอกวงพูดอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เห็นว่าแกน่าสงสาร หลังจากฉันทำลายเพลงดาบว่องไวของแกแล้วก็จะไม่ฆ่าแก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างดูถูก
“รับมือ…”
ฟิ้ว!
สายตาของเถียนปอกวงเปลี่ยนไปจริงจังขึ้นมา ประการแรกเป็นเพราะต้องการเอาชนะเย่เทียนเฉินให้เร็ว ทำให้เขารู้ถึงความร้ายกาจของตน ทำให้ไอ้หนูนี่สิ้นหวังจนไม่มีความกล้าที่จะสู้กับตนอีก ประการที่สองเป็นเพราะจู่ๆ เย่เทียนเฉินก็ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษออกมา ทำให้เถียนปอกวงต้องเปลี่ยนมุมมองจนต้องจริงจัง
“ยังไม่ไปอีก รออะไรอยู่ ต้องให้ฉันตายจริงๆ เธอถึงจะพอใจรึไง?” เย่เทียนเฉินอดรนทนไม่ไหว ลงมือต่อสู้เต็มกำลังพลางตะโกนไปยังตงฟางเมิ่ง
ตงฟางเมิ่งได้สติกลับมา มองไปยังเย่เทียนเฉินโดยไม่พูดอะไร หมุนตัวเดินไปบริเวณกำแพงที่พังทลายลง เมื่อเห็นตงฟางเมิ่งไปแล้ว เย่เทียนเฉินก็ทอดถอนใจ เตรียมใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันรุนแรงออกมา อย่างน้อยก็ต้องทำให้เถียนปอกวงบาดเจ็บสาหัส แต่หากจะฆ่าเถียนปอกวงนั้นไม่ง่ายเลย ตอนนี้ตงฟางเมิ่งหนีไปได้แล้ว ขอเพียงตนใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่รุนแรงออกมาบีบบังคับเถียนปอกวง เชื่อว่าหากเขาจะหนีอยู่ในสุสานโบราณที่เปรียบดังเขาวงกตแห่งนี้คงไม่ใช่ปัญหาอะไร
“หมัดอัสนีสวรรค์!”
เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงต่ำ หมัดซ้ายซัดปะทะไปยังเถียนปอกวง เถียนปอกวงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ไม่กล้าเข้าปะทะตรงๆ แม้ว่าความสามารถในการบ่มเพาะของเย่เทียนเฉินจะสู้เขาไม่ได้ แต่เคล็ดวิชาที่รุนแรงเช่นนี้ เขาได้พบเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร ทำได้แค่หลบ
หมัดอัสนีสายฟ้าเป็นเพลงหมัดที่เย่เทียนเฉินเรียนรู้ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก ในค่ำคืนที่มีลมฝนรุนแรง ซึ่งเป็นวันที่เขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในระดับพระเจ้า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์ เป็นเพราะเมื่อไปถึงระดับที่สูงขนาดนั้นแล้ว การบ่มเพาะเพื่อพัฒนาไปในแต่ละก้าวเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก และการสร้างเคล็ดวิชาก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ ต้องใช้เวลาเรียนรู้ไปช้าๆ ต้องอาศัยความเข้าใจ กระทั่งอาจต้องใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อทำให้มันสมบูรณ์
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าพลังอำนาจของเพลงหมัดนี้รุนแรงมาก ในหมัดคละเคล้าไปด้วยพลังสายฟ้าที่บริสุทธิ์ที่สุด พลังทำลายล้างและพลังแห่งการฆ่าฟันไม่อาจจินตนาการได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าหากเย่เทียนเฉินทำความเข้าใจหมัดอัสนีสายฟ้าจนพัฒนาไปได้อีกขั้นจะมีปรากฏการณ์เช่นไร
ตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก เย่เทียนเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งในด้านป้องกัน เขาพัฒนาการบ่มเพาะไปถึงระดับพระเจ้าขั้นสูงแล้ว แม้จะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับเทพราชัน หรือต่อให้อยู่ต่อหน้าผู้ที่เพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพราชันก็ยังเป็นได้เพียงมดแมลง ในส่วนนี้เย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่างเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงคิดว่านอกจากเคล็ดวิชาพลังพิเศษและเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณที่เป็นพื้นฐานที่สุดแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงต้องสร้างเคล็ดวิชาบ่มเพาะของตนขึ้นมา มีเพียงมีกระบวนท่าที่เป็นเอกลักษณ์ถึงจะสามารถทำให้คุณพัฒนาไปถึงระดับที่สูงยิ่งขึ้น หมัดอัสนีสายฟ้าและเนตรประกายทองล้วนเป็นเคล็ดวิชาที่เย่เทียนเฉินคิดค้นขึ้นเอง แม้จะยังไม่ถึงขอบเขตขั้นสมบูรณ์ แต่พลังอำนาจก็รุนแรงชัดเจน
ตู้ม!
เสียงดังสนั่น ทั่วทั้งห้องหินสั่นสะเทือน หมัดของเย่เทียนเฉินต่อยถูกอากาศ กระบี่เซวียนหยวนในมือขวาถูกโยนไว้ด้านข้าง เขารู้ว่าเพลงดาบว่องไวของเถียนปอกวงร้ายกาจมาก ยิ่งไปกว่านั้นเคล็ดวิชาเทพท่องของคนคนนี้ยังไปถึงระดับเหนือจินตนาการแล้วด้วย สามารถควบคุมได้ตามใจ การโจมตีในระยะห่างใช้ไม่ได้กับเถียนปอกวงโดยสิ้นเชิง นอกจากจะเป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่กินพื้นที่กว้างมาก
ตู้มๆๆ!
เมื่อโยนกระบี่เซวียนหยวนทิ้งไป มือทั้งสองของเย่เทียนเฉินก็กำเป็นหมัดซัดไปยังเถียนปอกวงโดยตรง ห้องหินแห่งนี้ไม่ใหญ่ รวมกับที่พลังสายฟ้าในหมัดทั้งสองของเย่เทียนเฉินสร้างคลื่นกระแทกจนเต็มไปทั้งห้อง พลังสายฟ้าในทุกหมัดที่ซัดออกไปราวกับจะทำให้อากาศฉีกขาด
เคร้ง!
หมัดขวาของเย่เทียนเฉินปะทะลงบนดาบผ่าฟืนของเถียนปอกวง ในใจพลันต้องตื่นตะลึง ไม่รู้จริงๆ ว่าดาบผ่าฟืนของเถียนปอกวงทำจากวัสดุใด ถึงกับแข็งแกร่งขนาดนี้ หมัดที่เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าของตนปะทะเข้าไปอย่างรุนแรง ต่อให้เป็นหินที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ยังสามารถป่นเป็นผุยผงได้ แต่ดาบผ่าฟืนนี้กลับไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตาม เย่เทียนเฉินไม่มีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงเบื้องหน้าเถียนปอกวงได้ ทั้งยังสามารถยับยั้งการลงมือของเถียนปอกวงได้บ้าง ไม่ผิดไปจากที่เย่เทียนเฉินคาดเดา เคล็ดวิชาเทพท่องและเพลงดาบว่องไวของเถียนปอกวงมีพลังโจมตีในระยะห่างที่รุนแรง เมื่อเพลงดาบว่องไวผสานรวมกับเคล็ดวิชาเทพท่องนับเป็นวิชาชั้นยอดในใต้หล้า มิน่าล่ะหัวหน้าพรรคบางพรรคหรือยอดฝีมือในระดับปรมาจารย์จึงไม่สามารถทำอะไรเถียนปอกวงคนนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาเอาชนะไม่ได้ก็วิ่งหนี วิชาเทพท่องฉายาโดดเดี่ยวใต้หล้า จะมีกี่คนที่ตามทัน?
“คิดไม่ถึงว่ากระบวนท่าของไอ้หนูอย่างแกจะเยอะขนาดนี้ ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกยังมีความสามารถอะไรอีก!” เถียนปอกวงขวางรับการโจมตีของเย่เทียนเฉินพลางเอ่ยปากพูด
“ฉันใช้มือเปล่าก็เอาชนะแกได้แล้ว!”
เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ แต่การเคลื่อนไหวในมือไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย เขารู้ว่าความสามารถในการบ่มเพาะของตนสู้เถียนปอกวงไม่ได้ และเป็นเพราะต่อสู้ในระยะใกล้รวมกับที่เถียนปอกวงเกิดความสนใจทำให้เขายับยั้งการเคลื่อนไหวของคนคนนี้ได้ หากลงมือจริงๆ ตนคงไม่สามารถโจมตีโจรชั่วคนนี้ได้ไปกว่าครึ่ง
“ไอ้หนูแกจะขี้เกียจเกินไปแล้ว!” เถียนปอกวงพูดหยอกล้อเย่เทียนเฉิน
ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ตงฟางเมิ่งถูกคลายจุดชีพจรและหนีไปได้ รวมถึงตอนที่เย่เทียนเฉินสู้กับเถียนปอกวงนานขนาดนี้ หลี่ชิวสุ่ยที่อยู่ด้านข้างกลับไม่เอ่ยปาก ทำเพียงหลับตาแน่น ไม่สนใจใบหน้าที่ถูกตบจนเป็นหมู ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดหาวิธีทะลวงจุดชีพจรช่วยเหลือตนเองในตอนที่ไม่ได้พูดอะไร เธอคือปีศาจที่ฆ่าคนได้โดยที่ตาไม่กระพริบ เถียนปอกวงจะล้อเล่นกับเธอ ส่วนเย่เทียนเฉินก็ตบเธอจนหน้าบวมเป็นหมู เมื่อคลายจุดชีพจรได้ ฝ่ามือสลายกระดูกจะไม่ยอมปล่อยทั้งสองไปแน่
……………………..