เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 421 สาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวง!
ใครก็คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ระหว่างเถียนปอกวงและเย่เทียนเฉินจะตกอยู่ในสภาพไม่ต่อยตีไม่รู้จัก แม้เถียนปอกวงจะเป็นโจรชั่วที่สร้างศัตรูไว้นับไม่ถ้วน แต่ในความคิดของเย่เทียนเฉิน เถียนปอกวงเป็นลูกผู้ชายที่เปิดเผยตรงไปตรงมาคนหนึ่ง รวมกับที่เดิมทีเขาก็มาจากดาวสิ้นโลกจึงคิดว่าการต่อสู้แย่งชิงในพรรควรยุทธโบราณของโลกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนที่กระทำเรื่องใดตามแต่นิสัยของตนมาตลอด ไม่ยอมรับการข่มขู่และการรบกวนจากคนอื่น หากจะกล่าวว่าการที่เขาเป็นเพื่อนกับเถียนปอกวงแล้วจะทำให้พรรควรยุทธโบราณทั้งหลายมองเขาเป็นศัตรูจนถึงขั้นไล่ฆ่า เช่นนั้นเย่เทียนเฉินก็ยังอยากคบเถียนปอกวงเป็นเพื่อนอยู่ดี สิ่งที่เขาไม่พอใจที่สุดก็คือถูกปัจจัยอื่นมากำหนดตัวเลือกของตน เขาเป็นคนที่มีความคิดของตัวเอง ใครก็ไม่สามารถชักจูงเขาได้
“เหล้าดี เหล้าดี เย่เทียนเฉิน ในตัวแกถึงกับมีเหล้าดีขนาดนี้ ทำไมไม่เอาออกมาให้เร็วสักหน่อย?” เถียนปอกวงดื่มเหล้าคำใหญ่พลางพูดออกมาอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
“มีให้แกดื่มก็ดีแล้ว จะมีปัญหาอะไรให้มากเรื่อง รอให้ฉันดื่มเหล้าซะก่อน เดี๋ยวจะทำให้แกรู้ซึ้งถึงอำนาจของเพลงกระบี่สิบอักษรของฉัน!” เย่เทียนเฉินก็ดื่มเหล้าอึกใหญ่พลางมองไปยังเถียนปอกวงแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“ช่างเถอะสหาย อย่าโม้อีกเลย แกไม่เป็นเพลงดาบเพลงกระบี่อะไรสักอย่าง แต่พลังพิเศษของแกแข็งแกร่งจริงๆ ถ้าพลังบ่มเพาะสูงกว่านี้อีกหน่อยคงจะสู้สูสีกับฉันได้!” เถียนปอกวงหัวเราะแล้วพูดขึ้น
เย่เทียนเฉินมองเถียนปอกวงแต่ไม่ได้พูดอะไร ต่อสู้กันมาครึ่งวันไม่ได้หยุดมือแม้ชั่วขณะ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียพลังภายในหรือการสิ้นเปลืองพลังกายก็ทำให้เหนื่อยล้าอยู่บ้าง อีกทั้งบนร่างของเย่เทียนเฉินยังมีบาดแผลจากดาบจำนวนหนึ่ง จะมากจะน้อยก็ยังส่งผลกระทบ ตอนนี้ได้นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่พื้นรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ เขาและเถียนปอกวงมีความรู้สึกเสียดายฝีมืออีกฝ่ายเช่นเดียวกัน อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก ตอนนี้ทั้งสองกำลังยิ้ม ให้ความรู้สึกประดุจสุภาพบุรุษใจกว้าง ทั้งสองหยิบไหเหล้าขึ้นมาสื่อความนัย ดื่มลงไปพร้อมกัน
เพล้ง! เถียนปอกวงดื่มเหล้าไหใหญ่จนหมดในอึกเดียวแล้วเขวี้ยงไหเปล่าลงบนพื้นอย่างแรง เดินไปเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ใช้ดาบผ่าฟืนในมือขวาชี้ไปที่อีกฝ่าย พูดอย่างจริงจังว่า “สหาย ฉันเถียนปอกวง ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยนับถือใคร ในสายตาของฉัน พวกหัวหน้าพรรคหรือปรมาจารย์แห่งพรรควรยุทธโบราณแต่ละคนล้วนเป็นพวกสุภาพบุรุษจอมปลอมหาดีไม่ได้ ไม่ควรค่าให้ฉันให้ความเคารพและนับถือ แกเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันเถียนปอกวงต้องเปลี่ยนมุมมอง ดังนั้น…”
“ดังนั้นทำไม?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักแล้วลุกขึ้นยืน เหล้าไหใหญ่ขนาดนั้นเคลื่อนลงท้องทำให้รู้สึกมึนๆ อยู่บ้าง คิดว่าเถียนปอกวงจะเมาเหล้าจนบ้าอะไรขึ้นมาอีก
“ดังนั้น…ดังนั้นฉันจะสาบานเป็นพี่น้องกับแก ไม่รู้ว่าแกจะนับถือฉันคนนี้เป็นพี่ใหญ่หรือเปล่า?” เถียนปอกวงสะอึก ดาบผ่าฟืนในมือไหวเอน
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก ทุกครั้งหลังจากที่เย่เทียนเฉินต่อสู้ครั้งใหญ่เสร็จสิ้น เขาจะถือไหเหล้าของตนเดินไปยังสถานที่ไร้ซึ่งผู้คน บางครั้งก็นั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ บางครั้งก็อยู่บนยอดเขา ค่อยๆ ลิ้มลองความสุขไปช้าๆ นับว่าเป็นรางวัลให้ตัวเองและนับว่าเป็นการผ่อนคลาย ของอย่างเหล้า บางครั้งก็ไม่เลวเลยจริงๆ เถียนปอกวงและเย่เทียนเฉินในตอนนี้เริ่มเมาบ้างแล้ว เหล่าไหใหญ่ ดื่มอึกใหญ่ แม้ทั้งสองจะมีความสามารถในการดื่มเหล้าไม่เลว แต่เหล้าที่เย่เทียนเฉินเอาออกมาจากช่องว่างอันแปลกประหลาดของกระบี่เซวียนหยวนเป็นเหล้าที่ปรมาจารย์กระบี่เก็บไว้ เป็นไปได้มากว่าจะผ่านการบ่มมานานหลายพันปี นั่นเป็นสุราที่มีดีกรีสูง คนปกติดื่มไม่ได้แน่นอน ดังนั้นฤทธิ์เหล้าจึงรุนแรงมาก
เหล้าทั้งสองไหไหลลงท้อง เย่เทียนเฉินและเถียนปอกวงดื่มไปคนละไห ดื่มจนทั้งสองรู้สึกชาที่หนังหัว เย่เทียนเฉินมองเถียนปอกวง รู้สึกตาพร่าอยู่บ้าง พยายามดื่มเหล้าคำสุดท้ายลงไปและเขวี้ยงไหลงพื้นอย่างแรง ตบไหล่เถียนปอกวงแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พี่เถียน ถึงคุณจะหน้าตาน่าเกลียด หล่อไม่เท่าหนึ่งในหมื่นของผม แต่…ผมคิดว่าคุณเป็นลูกผู้ชายที่ตรงไปตรงมา กล้าทำกล้ารับ กระทำตามใจตน นิสัยเหมือนผมเย่เทียนเฉินมาก ดังนั้น ผมจะสาบานเป็นพี่น้องกับคุณ!”
อาจเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรืออาจเป็นเพราะทั้งสองต่อยตีจนรู้จักกัน รู้สึกว่านิสัยของอีกฝ่ายน่าคบหา ถ้าสาบานเป็นพี่น้องจริงๆ ก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย และไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไร เย่เทียนเฉินปักกระบี่เซวียนหยวนลงบนพื้น เถียนปอกวงก็ปักดาบผ่าฟืนของตัวเองลงบนพื้น ทั้งสองเตรียมสาบานกันเช่นนี้เอง
เถียนปอกวงคุกเข่าลงบนพื้นก่อนจะสะอึกอีกครั้ง ยกมือขวาขึ้น หัวแม่มือม้วนเข้า นิ้วที่เหลือทั้งสี่ชี้ออกไป ยกขึ้นเสมอไหล่ของตน พูดอย่างมึนงงว่า “ฉันมหาโจรเถียนปอกวง วันนี้จะกราบไหว้ฟ้าดินกับเย่เทียนเฉินเป็นสา…สา…”
“บัดซบ อย่าสาบานมั่วซั่วได้หรือเปล่า รสนิยมทางเพศของฉันปกติ หรือคุณจะเป็นไบเซ็กส์ชวล?” เย่เทียนเฉินสมองสดชื่นขึ้นมาโดยพลัน เห็นว่าเถียนปอกวงลิ้นพันกันมั่วแล้วจึงรีบพูดออกมา คนคนนี้จะสาบานเป็นสาอะไรนั่นกับตน…แบบนี้ได้เหรอ? ฟังแล้วขนลุกไปหมด
“สาบานเป็น…พี่น้อง มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน แม้ไม่ได้เกิดเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ขอตายเดือนเดียวปีเดียวกัน!” เถียนปอกวงพูดจาสับสนมึนงง ในที่สุดก็กล่าวคำสาบานสำเร็จ
เย่เทียนเฉินเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เถียนปอกวงเกือบพูดผิดไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสาบานอะไรที่ดูน่ากลัวออกมาด้วย อีกฝ่ายเป็นมหาโจร มีคนตามฆ่าไปทั่ว เมื่อเทียบกับตนยังหาเรื่องเก่งกว่ามาก แม้จะสาบานว่าจะตายเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่แน่ เกรงว่าเถียนปอกวงคงเสียสติไปจริงๆ แล้ว
“น้องชาย ทำไม…ยัง…ยังไม่คุกเข่าลงอีก?” เถียนปอกวงสะอึกไม่หยุด มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่เถียน คุณอายุมากกว่าผม นับว่าคุณเป็นพี่ใหญ่ แต่เรื่องคุกเข่าสาบานนี้ผมไม่อยากทำจริงๆ เพราะว่าในโลกของผมเย่เทียนเฉิน ไม่มีฟ้า ไม่มีดิน มีแต่ตัวเอง ฟ้าดินไม่ควรค่าให้ผมกราบไหว้!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน เถียนปอกวงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน มองไปยังเย่เทียนเฉินเขม็ง ดาบผ่าฟืนในมือขวาสั่นสะท้าน สภาพแบบนั้นทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นดาบผ่าฟืนในมือขวาของเถียนปอกวงพลันเปล่งประกาย ตัวคนทะยานไปกลางห้องหิน ดาบผ่าฟืนในมือพลิกไปมาพริ้วไหว รวดเร็วเป็นอย่างมาก ฟาดฟันดาบลงไป ร่ายรำเป็นเงาดาบ ความเร็วเช่นนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ เย่เทียนเฉินรู้สึกราวกับว่าทุกดาบที่เถียนปอกวงฟาดฟันออกมาสามารถฉีกอากาศได้ เร็วจนถึงขั้นที่ตาเปล่ายากจะมองเพลงดาบของเขาได้ชัดเจน บางทีถ้าเป็นคนธรรมดาคงเห็นเถียนปอกวงฟาดฟันดาบไปครั้งเดียวเท่านั้น แต่ความจริงฟาดฟันไปแล้วหลายสิบครั้ง นี่คือเพลงดาบว่องไวของเขา เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เมื่อเพลงดาบว่องไวของเขาถูกฟาดฟันออกไป ทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าตัวเองตายยังไงด้วยซ้ำ
ฉัวะ! ตู้มๆๆ!
เคร้ง! ตู้ม!
ทั่วทั้งห้องหินก่อกำเนิดการไหลเวียนของพลังปราณอันมหาศาลตามการฟาดฟันเพลงดาบว่องไวของเถียนปอกวง สะบัดออกไปครั้งหนึ่ง ปราณดาบไหวกระเพื่อม แหวกทำลายอากาศ เมื่อสรรพสิ่งที่อยู่ในห้องหินถูกพลังอันแข็งแกร่งนี้กระทบถูกย่อมเกิดระเบิดไปทั้งสิ้น
“ดี! น้องชาย คำพูดนี้ดีจริงๆ พวกเราเป็นผู้บ่มเพาะ เดิมทีก็เดินอยู่บนเส้นทางต่อต้านฟ้าดินอยู่แล้ว ฉันเถียนปอกวงเป็นคนที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ แต่ไม่ได้มีความโอหังเผด็จการแบบแก คบหากับแก นับว่าคู่ควรแล้ว!” เถียนปอกวงหยุดมือลง พูดกับเย่เทียนเฉินแล้วหัวเราะเสียงดัง
“นี่คุณเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจ
คำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินแทบทำให้เถียนปอกวงทรุดลงกับพื้น รีบพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เพลงดาบของฉันเมื่อกี้นี้ แสดงให้ดูเสียเปล่ารึไง? น้องชาย เมื่อกี้ฉันสอนเพลงดาบว่องไวให้แก ถึงแกจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ ถึงพลังบ่มเพาะจะไม่ต่ำต้อย ศักยภาพไร้ขีดจำกัด แต่ความสามารถในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งมากนัก แกต้องรู้ว่าในหมู่พรรควรยุทธโบราณทุกพรรคจะมียอดฝีมืออยู่หลายคน ยอดฝีมือเหล่านั้นล้วนเป็นคนระดับผู้อาวุโสของพรรค ไอ้พวกแก่ไม่รู้จักตายพวกนี้ ถึงจะแก่แล้วแก่เลย แต่ความสามารถแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ถ้ายังไม่ถึงเวลาเป็นตายของพรรค ไอ้แก่พวกนี้จะไม่ออกมาสู่โลกภายนอก ดังนั้นผู้แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณที่แท้จริงมีน้อยจนนับได้”
“ช่างเถอะ เพลงดาบว่องไวของคุณผมไม่เรียนหรอก แล้วคุณก็อย่าไปบอกคนอื่นว่าผมกับคุณสาบานเป็นพี่น้องกันล่ะ คุณมันสร้างเรื่องไปทั่ว อย่ามาสร้างของวุ่นวายให้ผมเลย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเสียดสี
“ฮ่าๆ ไอ้หนู…”
ประโยคนี้ของเถียนปอกวงยังไม่ทันพูดจบพลันมีเงาคนปรากฏขึ้นด้านหลัง คนคนนั้นซัดฝ่ามือออกมา พลังฝ่ามือโหมกระหน่ำ ทั้งยังมีประกายเย็นยะเยือกลุกโชน เย่เทียนเฉินตื่นตะลึง รีบดึงเถียนปอกวงมาด้านหลัง มือขวากำแน่น กระตุ้นหมัดอัสนีสวรรค์แล้วต่อยปะทะเข้าไป!
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป ตอนนี้เถียนปอกวงหมุนตัวกลับมา ดาบผ่าฟืนในมือขวาโบกสะบัดออกไป รวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกที่แช่แข็งได้แม้กระทั่งกระดูก หลังจากฟาดฟันดาบลงไปครั้งหนึ่งก็หมุนตัวทะยานมาข้างกายเย่เทียนเฉิน
“แม่งเอ้ย ฝ่ามือสลายกระดูกของสาวโหดนี่มันร้ายกาจจริงๆ แกไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า?” เถียนปอกวงมองไปยังดาบผ่าฟืนในมือขวาของตน มันมีไอเย็นยะเยือกปกคลุมชั้นหนึ่งแล้ว ส่วนมือขวาของเย่เทียนเฉินก็ถูกแช่แข็งไปแล้วเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะเขาสกัดการไหลเวียนของเลือดให้ตัวเองได้ทันเวลา คงถูกแช่แข็งไปทั้งตัวในเวลาอันสั้น
“วันนี้พวกแกสองคนต้องตาย ฉันจะฉีกศพพวกแกเป็นหมื่นชิ้น!” หลี่ชิวสุ่ยมองไปยังเย่เทียนเฉินและเถียนปอกวง พูดขึ้นอย่างดุดัน ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร ยิ่งมีใบหน้าที่ถูกเย่เทียนเฉินตบจนบวมเหมือนหมูเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ดูโหดเหี้ยมขึ้นมาก เห็นแล้วทำให้ผู้คนอยากจะอ้วก
“ซวยแล้ว พวกเราสองคนลำพองใจเกินไป ผู้หญิงคนนี้จะต้องถือโอกาสตอนที่พวกเรากำลังดื่มเหล้าคลายจุดชีพจรออกมาแน่!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืนจากพื้น พูดด้วยท่าทีขมวดคิ้ว
………………………