เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 427 เพิ่งจะออกไปก็ถูกฆ่าซะแล้ว
“คุณรู้ได้ไงว่าผมฆ่าคนของพรรคท่องกระบี่?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าเถียนปอกวงจะรู้ว่าเขาฆ่าพวกเฉินฮุ่ย ในตอนที่ตนฆ่าก็ไม่เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย นี่มันแปลกจริงๆ หรือเถียนปอกวงจะแอบดูอยู่ในมุมมืดมาโดยตลอด?
“ไอ้หนูคิดว่าทำเงียบๆ ได้จริงๆ เหรอ? จะยังไงแกก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณ ไม่เคยฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณมาก่อน พลังในร่างกายคือพลังพิเศษซึ่งแตกต่างจากพลังภายใน และพลังที่แผ่ออกมาจากศพทั้งหมดของพวกเฉินฮุ่ยที่ถูกฆ่าตายก็เป็นพลังพิเศษ แกอย่าได้ดูถูกพรรควรยุทธโบราณเด็ดขาด พวกมันมีวิธีการแกะรอยที่ดีเยี่ยม กระทั่งสามารถใช้สมบัติช่วยได้ด้วย…” เถียนปอกวงพูดยิ้มๆ
“สมบัติ?”
เย่เทียนเฉินชะงักไป เขารู้ว่าพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนกว้างขวางลึกล้ำ สืบทอดกันมายาวนา นมีเรื่องเหนือคาดมากมาย คนที่อยู่ในโลกเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก และเมื่อก่อนโลกก็เคยเป็นสถานที่แห่งการบ่มเพาะ มีผู้แข็งแกร่งราวกับดอกเห็ด ย่อมมีของบางอย่างที่สืบทอดกันมา และของที่สืบทอดกันมาเหล่านี้เกรงว่าจะหาได้แค่ในพรรควรยุทธโบราณเท่านั้น ที่โชคดีก็คือพรรควรยุทธโบราณมีการฆ่าฟันมากมาย มีการเรียนรู้และสืบทอดยาวนาน โดยปกติพวกเขาจึงไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของโลกภายนอก มิฉะนั้นถ้าคนที่ยโสโอหัง ใช้หมัดหนึ่งสะเทือนฟ้า หนึ่งฝ่ามือทลายภูผาพวกนี้ออกมาสู่โลกภายนอก ไม่ว่าจะประเทศไหนก็คงไม่มีเหลืออยู่อีก
“ที่พรรคเทียนซู่ฉีมีสมบัติกระจกอยู่อันหนึ่ง สามารถคืนสภาพเหตุการณ์บริเวณพื้นที่หนึ่งหนึ่งได้ และมีบางพรรคที่มีเคล็ดวิชาแกะรอยที่ลึกลับ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา!” ตงฟางเมิ่งเอ่ยปากพูด
“ร้ายกาจ ท่าทางก่อนหน้านี้บนโลกใบนี้จะเป็นโลกของผู้เดินบนเส้นทางการบ่มเพาะอย่างแท้จริง มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ต่อให้สืบทอดกันมาหลายพันปีก็ยังเหลือสมบัติลึกลับพวกนี้อยู่ อยากเห็นจริงๆ!” เย่เทียนเฉินพึมพำกับตัวเอง
“ไปเถอะ!” ตงฟางเมิ่งพูดพลางเดินออกไปนอกห้องหิน
“ไปไหน?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ไม่ใช่วันไหนรีบกลับเมืองหลวงหรือไง? ฉันจะไปส่งนายนอกสุสานโบราณ!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“งั้นเธอจะไปด้วยกันหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง จะอย่างไรหลี่ชิวสุ่ยก็บ้าจนกลายเป็นมารไปแล้ว ความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ถ้าตงฟางเมิ่งยังอยู่ในสุสานโบราณแห่งนี้คงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ตงฟางเมิ่งมองเย่เทียนเฉิน ความจริงหากจะบอกว่าเธอไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งสองผ่านประสบการณ์กันมามากมายขนาดนั้น และยังมีการสัมผัสเนื้อตัวกันแล้วด้วย สำหรับตงฟางเมิ่งที่เป็นผู้หญิงหัวโบราณคนหนึ่ง เรียกได้ว่าเย่เทียนเฉินก็คือผู้ชายของเธอ ย่อมมีความคิดที่ว่าแต่งกับไก่เป็นไก่แต่งกับสุนัขเป็นสุนัข แต่ถ้าให้เธอไปกับเย่เทียนเฉินตงฟางเมิ่งก็ทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ทำตอนนี้ไม่ได้ พรรคสุสานโบราณเหลือเธอแค่คนเดียว ส่วนศิษย์พี่ใหญ่หลี่ชิวสุ่ยก็ไม่สามารถช่วยเธอพัฒนาพรรคได้ เอาแต่ไล่ตามฆ่าเธอเพื่อคัมภีร์ดรุณีหยก ส่วนท่านอาจารย์ก็จากไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีห่วงอะไรอีก ทางครอบครัวก็หวังให้ตงฟางเมิ่งกลับไปช่วยเหลือมาโดยตลอด ดูแล้วคงจะต้องกลับไปจริงๆ ส่วนความปรารถนาของท่านอาจารย์ก็ไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จ เป้ยหลิงสือแห่งพรรคซงซานมีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต จะช้าจะเร็วก็ต้องเผยจิตใจอันทะเยอทะยานที่อยากจะรวมยุทธภพเป็นหนึ่งออกมาแน่ ตนไม่ใช่คู่มือของเขา แต่แน่นอนว่าจะต้องลองแย่งชิงดูสักตั้ง
“ฉันจะกลับไปที่บ้าน รอให้งานรวมตัวชาวยุทธ์ของพรรคซงซานเริ่มซะก่อน ฉันก็จะไปเข้าร่วม ยังไงก็เป็นความปรารถนาของท่านอาจารย์ ต้องพยายามทำให้สำเร็จ!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินตงฟางเมิ่งพูดว่าจะไปกับตนเย่เทียนเฉินก็รู้สึกดีใจ แบบนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการทำร้ายและบีบบังคับของหลี่ชิวสุ่ยที่เป็นผู้หญิงโหดเหี้ยมอำมหิตคนนี้แล้ว ส่วนการต่อสู้นองเลือดระหว่างพรรควรยุทธโบราณก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเย่เทียนเฉินเลย เขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง เขาคิดแค่ว่าหลังจากสิ้นสุดเรื่องตามประเพณีแล้วจะพยายามตามหาค่ายกลเคลื่อนย้าย หวังว่าจะซ่อมแซมพวกมันได้และเดินทางไปยังดาวจักรพรรดิดูเสียหน่อย แต่เย่เทียนเฉินฆ่าลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ไปแล้ว และยังกราบกรานเถียนปอกวงเป็นพี่ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกกับตงฟางเมิ่งแห่งพรรคสุสานโบราณไปด้วย จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องในโลกของพรรควรยุทธโบราณได้จริงๆ เหรอ?
“พี่เถียน งั้นคุณ…ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องสำคัญมากต้องทำ คงไม่ร่วมทางไปกับพวกเราหรอก บาย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ไอ้หนูแก…” เถียนปอกวงส่ายหน้า ยิ้มอย่างอับจนคำพูด ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนเฉินไม่อยากเดินทางกับตน แบบนี้ถ้าถูกคนอื่นพบหรือเห็นเข้าคงถูกตามฆ่าอย่างน่าอนาจยิ่งกว่า
แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินแค่ล้อเล่นเท่านั้น เดิมทีเขาก็เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาคนหนึ่ง ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ไม่ว่าจะเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรือเป็นเพราะเสียดายฝีมือจริงๆ ก็สาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวงไปแล้ว ในเมื่อทำแบบนี้ เขาเย่เทียนเฉินก็ไม่ขี้ขลาดและจะไม่ยอมถอย ต่อให้เถียนปอกวงเป็นโจรชั่วช้าที่ทั่วทั้งโลกของวรยุทธโบราณตามฆ่า เขาเย่เทียนเฉินก็จะพูดเพียงประโยคเดียวนั่นก็คือ บิดาจะสาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวงหรือไม่เกี่ยวอะไรกับพรรควรยุทธโบราณของพวกแก!
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของเถียนปอกวงทำให้เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งคิดไม่ถึงจริงๆ กล่าวคือเถียนปอกวงเป็นแค่คนที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น จิตใจถูกทำร้ายอย่างรุนแรงตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ล้วนแบกรับความเข้าใจผิดของคนอื่นมาโดยตลอด ถูกคนอื่นไล่ฆ่ามาโดยตลอด แต่ยังคงทำเรื่องต่างๆ ตามนิสัยของตัวเอง ไม่เคยอธิบายอะไร ยอมแบกรับความอยุติธรรมและการต้องถูกตามไล่ฆ่ามานานหลายปี ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
เย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่ง และเถียนปอกวงเดินออกไปจากพรรคสุสานโบราณด้วยกัน ในตอนที่พวกเขาออกมาได้ พบว่าเบื้องหน้าถึงก็เป็นพื้นหญ้าราบเรียบแห่งหนึ่ง บริเวณไม่ไกลจากพื้นหญ้ามีภูเขาเล็กๆ อยู่หลายลูก บริเวณนั้นมีป่าแห่งหนึ่ง ภาพแบบนี้ทำให้เย่เทียนเฉินและเถียนปอกวงคิดไม่ถึงจริงๆ จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่คนของพรรคสุสานโบราณ ไม่รู้ถึงส่วนที่น่าอัศจรรย์ของทางออกของพรรคสุสานโบราณ
“นี่พวกเราอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ทิวทัศน์ไม่เลวเลย อาทิตย์อัสดงงามตา เพลาย่ำสู่ค่ำคืน…” เถียนปอกวงมองไปยังสนามหญ้าเล็กๆ จากนั้นจึงมองไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังร่วงหล่นบริเวณไกลออกไป อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
สองประโยคสุดท้ายเถียนปอกวงถึงกับไล่ก่อนออกมาเย่เทียนเฉินแล้วตงฟางเมิ่งแทบทรุดลงกับพื้นคิดไม่ถึงว่าโจรชั่วช้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเถียนปอกวงจ้ะมีด้านไหนด้วยอย่างไรก่อนได้อีก เป็นกลอนที่ดีจริงๆ!
“ที่นี่คือทางออกของพรรคสุสานโบราณของพวกเรา พรรคสุสานโบราณอยู่กลางหุบเขา ตัวเขาทั้งลูกถูกขุดจนด้านในกลวง ซึ่งด้านในทั้งหมดก็คือสุสานโบราณ ตอนที่พวกนายเข้าไปก็เข้ากันตรงประตูใหญ่ ตอนนี้พวกเราออกจากประตูหลัง แบบนี้ก็จะไม่เจอหลี่ชิวสุ่ยแล้ว!” ตงฟางเมิ่งอธิบาย
“เพื่อฆ่าพวกเรา ผู้หญิงคนนี้ยอมเข้าสู่ทางมารโดยไม่เสียดาย ยอมสูญเสียสติรับรู้ของตัวเองจนถูกพลังอันชั่วร้ายควบคุม ช่วยเหลือไม่ได้แล้วจริงๆ!” เถียนปอกวงพูดอย่างเย็นชา
“หวังว่าศิษย์พี่ของฉันจะไม่เป็นไรนะ!” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล จากความคิดของเธอ เธอไม่อยากให้หลี่ชิวสุ่ยตาย จะอย่างไรทั่วทั้งพรรคสุสานโบราณก็เหลือแค่เธอกับหลี่ชิวสุ่ยเป็นลูกศิษย์สองคน
“ฉันว่าเธออย่าคิดมากเกินไปเลย ศิษย์พี่ของเธอช่วยเหลือไม่ได้แล้ว ถ้าอีกฝ่ายปรากฏตัวตอนนี้จะต้องรีบฆ่าเธออย่างบ้าคลั่งแน่นอน!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากพูด
ตงฟางเมิ่งทอดถอนใจครั้งหนึ่ง คิดว่าเมื่อก่อนพรรคสุสานโบราณรุ่งเรืองมาก ในตอนนั้นพลังบ่มเพาะของท่านอาจารย์ลึกล้ำสูงส่ง แต่ดูเหมือนจะเก็บซ่อนตัวตนไม่เผยสู่โลกภายนอก คนที่มากราบกรานอาจารย์เพราะชื่อเสียงก็มีมากมาย แต่พรรคสุสานโบราณรับแต่ลูกศิษย์หญิงและยังมีความความต้องการในเรื่องคุณสมบัติและศักยภาพด้วย คนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เอาแต่กินนอน ขี้เกียจกลัวความเหน็ดเหนื่อยเหล่านี้ไม่สามารถกลายเป็นลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณได้เด็ดขาด สามวันก่อนการทรยศของหลี่ชิวสุ่ย มีลูกศิษย์ที่หายตัวไปถูกฆ่าตาย ตอนนั้นท่านอาจารย์ก็ยังปิดด่านฝึกฝนอยู่ ด้วยความสามารถและพลังบ่มเพาะของตงฟางเมิ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นผู้กระทำ จนกระทั่งอาจารย์ออกมา ลูกศิษย์ที่เหลือของพรรคสุสานโบราณก็หวาดกลัวจนไม่เป็นอันกินอันนอน กระทั่งท่านอาจารย์ลงมือถึงได้รู้ว่าเป็นการกระทำของศิษย์พี่ใหญ่หลี่ชิวสุ่ย เพื่อที่จะฝึกฝนวิชาฝ่ามือสลายกระดูก เธอใช้ศิษย์พี่ศิษย์น้องของสำนักเดียวกันมาทดลองโดยไม่เสียดาย โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ
สุดท้ายหลี่ชิวสุ่ยก็ถูกไล่ออกจากพรรคสุสานโบราณ ท่านอาจารย์ตรอมใจจนป่วยและให้ลูกศิษย์คนอื่นๆ ของพรรคสุสานโบราณแยกย้ายกันไปให้หมด เหลือแค่ตงฟางเมิ่งคนเดียว จนกระทั่งตอนที่ท่านอาจารย์จากไปตงฟางเมิ่งถึงได้รู้ว่าท่านอาจารย์มีห่วงอยู่ในใจ ท่านอาจารย์คิดจะมอบตำแหน่งเจ้าสำนักและถ่ายทอดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกให้หลี่ชิวสุ่ยมาโดยตลอด ซึ่งความจริงหลี่ชิวสุ่ยก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในพรรคสุสานโบราณ จนใจที่หลี่ชิวสุ่ยเดินเข้าสู่ทางมาร เสียเวลาและความพยายามของท่านอาจารย์มาหลายปี จะไม่ให้ท่านอาจารย์ปวดใจได้อย่างไร
“ฉันรู้ ฉันแค่รู้สึกเจ็บใจแทนท่านอาจารย์!” ตงฟางเมิ่งพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
จากนั้นตงฟางเมิ่ง เย่เทียนเฉิน และเถียนปอกวง ก็เดินมุ่งหน้าไปยังป่าที่อยู่ไม่ไกล ที่นั่นสามารถเดินออกจากเทือกเขาฉินหลิงได้ ถึงตอนนั้นเย่เทียนเฉินก็จะโทรหาชางหลางให้เขาส่งเฮลิคอปเตอร์มารับ คงไม่เดินเท้าจนถึงเมืองหลวงแน่ ถ้าทำแบบนั้นก็เหนื่อยตายเลย
“อาทิตย์อัสดงงามตา…เพลาย่ำสู่ค่ำคืน…”
เถียนปอกวงเริ่มร่ายกลอนอีกครั้งแต่ยังคงเป็นกรประโยคเดิม เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งที่ได้ยินรู้สึกเหมือนหูจะกลายเป็นรังไหมยังไงยังงั้น ตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงป่าที่ล้อมรอบภูเขาไว้แล้ว เถียนปอกวงถึงกับเริ่มร่ายกลอน รับไม่ได้จริงๆ
“คุณอย่าร่ายกลอนได้หรือเปล่า?”
“เปลี่ยนประโยคบ้างได้หรือเปล่า?”
“เปลี่ยนประโยคเหรอโทษทีฉันได้แค่ประโยคนี้!” เถียนปอกวงจิ๊ปากแล้วพูดขึ้น
ในตอนที่เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งทนไม่ไหวต้องการอัดเถียนปอกวงแรงๆ สักครั้ง เงาล่างสองเงาก็พุ่งออกมาจากป่า ปราณกระบี่เย็นยะเยือกเปล่งประกาย ทิ่มแทงเข้ามายังศีรษะของเถียนปอกวงโดยตรง
เคร้ง!
เคร้ง!
จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า เพลงดาบว่องไวของเถียนปอกวงไม่ได้กระจอก พริบตาเดียวก็ชักดาบออกมาจากหลัง ขวางปราณกระบี่สองสายที่จู่โจมมาจากเบื้องหน้าไว้ได้ เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งได้สติกลับมา เตรียมพุ่งเข้าไปช่วยเหลือ ไหนเลยจะรู้ว่าเถียนปอกวงกลับโบกมือ “สองคนนี้ฉันฆ่าได้ง่ายๆ พวกแกไม่ต้องเข้ามายุ่ง พวกที่มาไม่เห็นจะเท่าไหร่!”
………………………..