เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 433 เย่เทียนเฉินทะลวงขอบเขตจักรพรรดิ
“เพลงกระบี่มารอำมหิตนี้แปลกมากจริงๆ เสี้ยวหย่วนจะไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกพลังมารกลืนกินเหรอ?” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ก็เหมือนกับหลี่ชิวสุ่ยศิษย์พี่ใหญ่ของเธอ ในเมื่อเขาเลือกที่จะฝึกฝนเพลงกระบี่มารอำมหิตแล้ว หากได้รับพลังมารนี้เข้าไปก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนแน่นอน ว่ากันว่าวันที่ฝึกฝนเพลงกระบี่มารอำมหิตก็คือวันที่กลายเป็นมารอย่างแท้จริง ตอนนั้นก็จะไม่ใช่ตัวเขาเองอีกต่อไป กลายเป็นมารโดยสิ้นเชิง นี่ยังน่ากลัวยิ่งกว่าการเข้าสู่ขอบเขตมารของหลี่ชิวสุ่ยมาก!” เถียนปอกวงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วอธิบาย
ตงฟางเมิ่งส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “ท่ามกลางเส้นทางแห่งการบ่มเพาะในอดีต ไม่รู้ว่าจะมีคนตามหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวได้หรือไม่ แต่คนที่เดินบนเส้นทางการบ่มเพาะในยุคนี้ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมีชีวิตยืนยาว ถ้างั้นเพื่อที่จะแสวงหาพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้รับชื่อเสียงและที่ยืนในสังคม จึงไม่เสียดายที่จะขายวิญญาณของตัวเอง นี่จะมีความหมายอะไรกัน? จะคุ้มค่าหรือ?”
“ยังไงก็มักจะมีคนบ้าคลั่งวิปลาสอยู่จำนวนหนึ่ง ความจริงเส้นทางของทุกคนก็เหมือนกัน สุดท้ายจุดประสงค์ก็คือการมีชีวิตยืนยาว!”
ฟิ้ว!
คำพูดของเถียนปอกวงเพิ่งจะพูดจบเขาก็หายไปจากที่เดิม พุ่งเข้าไปทางเสี้ยวหย่วนด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้เขากับตงฟางเมิ่งรู้สึกได้ว่าปราณมารที่ปะทุอยู่บนร่างของเสี้ยวหย่วนรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้มาก กระบี่ที่อยู่ในมือขวาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสีดำอันแปลกประหลาด ร่างกายของเขาทั้งหมดก็ค่อยๆ กลายเป็นสีดำ ระหว่างคิ้วมีเส้นขีดสีดำแดงปรากฏขึ้น นี่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขาใกล้จะกลายเป็นมารแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เพียงร่างกายของเขา แต่กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอกก็ถูกปกคลุมไปด้วยปราณมาร นั่นคือพลังอันน่ารังเกียจที่คุ้มครองเขาอยู่ มิฉะนั้นด้วยฝ่ามือของตงฟางเมิ่งที่รวบรวมพลังคัมภีร์ดรุณีหยกเอาไว้ ต่อให้เป็นคัมภีร์ดรุณีหยกที่ยังไม่สมบูรณ์ก็เพียงพอที่จะทำให้เสี้ยวหย่วนบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่นี่กลับถูกปราณมารทำให้พลังสลายไปกว่าครึ่ง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
ตอนนี้เอง ในที่สุดเสี้ยวหย่วนก็โจมตีกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเพลงกระบี่มารอำมหิตออกไป ปราณมารสร้างจินตภาพกลายเป็นงูตัวใหญ่สีดำพัวพันอยู่ในอากาศ ตงฟางเมิ่งและเถียนปอกวงต่างรู้สึกร้อนใจ พวกเขาต้องการพุ่งเข้าไปช่วยเย่เทียนเฉิน ดูว่าเย่เทียนเฉินเป็นอย่างไรบ้าง แต่เสี้ยวหย่วนกลับขวางอยู่เบื้องหน้า ปราณมารอันบ้าคลั่งนั้นทำให้พวกไม่กล้าเผชิญหน้าเพียงลำพัง
“ไม่ต้องมองหรอก ไอ้คนไม่รู้จักที่ตายนั่นมันตายไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพลังบ่มเพาะของมันเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับจอมราชันขั้นปลาย หากถูกปราณมารนี้เข้าก็จะไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูกภายในพริบตา!” เสี้ยวหย่วนมีใบหน้าโหดเหี้ยม เผยรอยยิ้มวิปลาสที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวออกมา
ฉัวะๆๆ! ดาบผ้าฟืนในเมืองของเถียนปอกวงทะยานออกไปไม่หยุด ทุกกระบวนท่าล้วนเป็นเพลงดาบว่องไวที่แข็งแกร่งที่สุดผสานรวมกับเคล็ดวิชาเทพท่องของเขา โจมตีเข้าไปยังเสี้ยวหย่วนด้วยความเร็วสูง เสี้ยวหย่วนถูกปราณสีดำอันแปลกประหลาดปกคลุมเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งที่กระบี่ในมือขวาฟาดฟันออกไปจะคละเคล้าไปด้วยปราณมารสีดำอันมหาศาล หากไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชาเทพท่องโดดเดี่ยวใต้หน้าของเถียนปอกวง หากเป็นคนที่มีฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน เกรงว่าตอนนี้คงถูกฟันไปหลายแผล ตายไปนานแล้ว
“ยังมัวตะลึงอะไรอยู่ รีบไปช่วยน้องเย่เร็ว!” เถียนปอกวงโจมตีเสี้ยวหย่วนอย่างสุดกำลังพลางตะโกนบอกตงฟางเมิ่ง
ตงฟางเมิ่งชะงักไปชั่วครู่ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เธอรู้ว่าตอนนี้เสี้ยวหย่วนถูกพลังมารควบคุมไปแล้วโดยสิ้นเชิง แข็งแกร่งอย่างหาใดเปรียบ พลังที่ไม่ใช่พลังฝ่ายธรรมะเช่นนี้ถึงแม้จะร้ายกาจมาก แต่เสี้ยวหย่วนก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันสาหัส นั่นก็คือร่างกายของเขาจะได้รับความทรมานอันหนักหน่วง ทุกครั้งที่ใช้ออกไป จะช้าจะเร็วก็ต้องถูกลังมารกลืนกินแน่นอน จะต้องตายแน่นอน!
เถียนปอกวงสกัดกั้นเสี้ยวหย่วนได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็ดูออก ไม่ใช่ว่าเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งไม่เก่ง แต่เสี้ยวหย่วนใช้ร่างกายของตัวเองแลกเปลี่ยนกับพลังสายมารเช่นนี้ ทั้งโหดเหี้ยมและแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอุทานว่าร้ายกาจ ตงฟางเมิ่งก็ไม่ได้ชักช้าอีกต่อไป เธอทะยานตัวขึ้นจากพื้นมุ่งไปยังงูตัวใหญ่สีดำกลางอากาศ ตงฟางเมิ่งในตอนนี้ต้องการช่วยเย่เทียนเฉินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้คิดเลยว่าหากตนสัมผัสถูกงูตัวใหญ่สีดำนั้นแล้วจะถูกกินเข้าไปจนสิ้นชีพ
ตู้ม!
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่ตงฟางเมิ่งเพิ่งจะทะยานไปถึงด้านข้างงูตัวใหญ่สีดำนั้น ฝ่ามือหนึ่งจะถูกซัดมาจนดธอกระเด็นออกไป มุมปากมีเลือดไหล มือของเสี้ยวหย่วนถือกระบี่สีดำทะยานลงมา ฟาดฟันไปยังศีรษะของตงฟางเมิ่ง
เดิมทีในตอนที่ตงฟางเมิ่งทะยานร่างไปยังงูตัวใหญ่สีดำเพื่อจะช่วยเย่เทียนเฉินออกมา เสี้ยวหย่วนก็ตวัดกระบี่ทำร้ายเถียนปอกวงไปได้ครั้งหนึ่ง เขาย่อมไม่ต้องการให้โอกาสตงฟางเมิ่งไปช่วยเย่เทียนเฉิน ความจริงเสี้ยวหย่วนก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ฝีมือของสามคนนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าพลังบ่มเพาะของตนจะสูงกว่าพวกเขาและมีเพลงกระบี่มารอำมหิต ปล่อยให้พลังมารเพิ่มพูนอยู่ในร่างกายโดยไม่เสียดาย แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังฆ่าสามคนนี้ไม่ได้ ความจริงในใจเขาก็รู้สึกร้อนใจ จะปล่อยให้เย่เทียนเฉินถูกช่วยไปอีกได้อย่างไร ถ้าเป็นเช่นนั้น เป็นไปได้มากว่าเขาจะถูกสามคนนี้ฆ่า แบบนั้นคงเสียหายรุนแรงแล้ว!
อั่ก!
มุมปากของตงฟางเมิ่งมีเลือดสดๆ ไหลออกมา ถูกฝ่ามือของเสี้ยวหย่วนซัดเข้าที่ไหล่ซ้าย ทั่วทั้งร่างกระเด็นออกไป ไม่นานก็รู้สึกว่าในร่างกายมีพลังมารสายหนึ่งพุ่งเข้ามา ต่อสู้กับพลังลมปราณในร่างกายของเธอไม่หยุด เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาไปสนใจ เสี้ยวหย่วนถือกระบี่เข้ามาหวังสังหารแล้ว ทำได้เพียงฝืนใช้พลังอันบริสุทธิ์ที่สุดของคัมภีร์ดรุณีหยกกดข่มเอาไว้ จนเมื่อเธอเห็นเถียนปอกวงที่อยู่บนพื้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เถียนปอกวงเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส หน้าอกซ้ายถูกกระบี่ฟาดฟัน ถูกกระบี่ในมือเสี้ยวหย่วนแทงทะลุโดยสิ้นเชิง ทรุดลงนอนไปกับพื้น พยายามดิ้นรนเพื่อจะลุกขึ้นยืนแต่ร่างกายด้านซ้ายกลายเป็นสีดำหมึกไปในพริบตา พลังมารนี้ร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ มีพลังทำลายล้างสูงยิ่งนัก
“ไปตายซะเถอะ ตอนนี้ฉันจะส่งพวกแกไปรวมตัวกับไอ้หมอนั่นให้!”
เสี้ยวหย่วนกล่าวอย่างดุดัน มุ่งโจมตีไปยังตงฟางเมิ่ง กระบี่สีดำในมือขวาชูขึ้นสูง ยังไม่ทันได้ตวัดกระบี่ ตงฟางเมิ่งก็รู้สึกถึงไอสังหารอันเข้มข้น ไอสังหารเช่นนั้นรุนแรงยิ่งกว่าฝ่ามือสลายกระดูกจนเทียบกันไม่ได้ มีความรู้สึกถึงลมหายใจแห่งความตายอันเข้มข้น
ตู้ม!
ปราณมารกระบี่สีดำฟาดฟันไปยังตงฟางเมิ่งโดยตรง ตอนนี้ตงฟางเมิ่งลอยอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถโจมตีกลับได้โดยสิ้นเชิง รวมกับที่เมื่อครู่นี้ถูกฝ่ามือของเสี้ยวหย่วนซัดเข้าไป ต้องใช้พลังคัมภีร์ดรุณีหยกกดข่มพลังมารที่แทรกเข้ามาในร่างกายอยู่ตลอด ตอนนี้จึงทำได้เพียงมองกระบี่ฟาดฟันมายังตนเองโดยที่ทำอะไรไม่ได้
เถียนปอกวงที่อยู่บนพื้นเห็นภาพนี้ก็คิดจะพุ่งเข้าไปช่วยตงฟางเมิ่ง จนใจที่เขาสัมผัสได้ว่าการกลืนกินร่างกายซีกซ้ายของตนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรของตนอย่างรวดเร็ว ไม่ให้ถูกกัดกร่อนไปได้ หากคิดจะกำจัดมันออกไปให้หมดสิ้น จะต้องโคจรพลังที่แข็งแกร่งไปช้าๆ เพื่อกำจัดออกไปทีละเล็กทีละน้อย
“ความจริงในใจของฉันนับว่านายเป็นสามีของฉันแล้ว นายตายไป ฉันอยู่ต่อไปก็คงไม่มีความหมายอะไร!” ตงฟางเมิ่งมองไปยังงูตัวใหญ่สีดำที่อยู่ไกลออกไป กำลังกลิ่นกินช้าๆ ปากค่อยๆ งับรวมเข้าด้วยกัน เย่เทียนเฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา พูดพึมพำกับตัวเอง
“อ้าก!”
ตู้ม!
เสียงตะโกนดังขึ้น สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน ในขณะเดียวกันก็มีเสียงหนึ่งดังสนั่น ทำให้เสี้ยวหย่วน เถียนปอกวง และตงฟางเมิ่งตกใจจนนิ่งไป อดไม่ได้ที่จะมองไปยังงูตัวใหญ่สีดำที่ก่อกำเนิดมาจากไอมาร
ตู้ม!
เพียงพริบตาเดียว ฝ่ามืออันมโหฬารก็ไปถึงเบื้องหน้าตงฟางเมิ่ง คว้าจับปราณกระบี่มารสีดำนั้นเอาไว้ในพริบตา บดขยี้เบาๆ ปราณกระบี่มารสีดำก็สลายเป็นผุยผง ทำให้เสี้ยวหย่วนตกใจจนสูดหายใจเย็นยะเยือก ต้องรู้ว่าปราณสีดำนี้ หากถูกเข้าไปจะต้องตายแน่นอน ต่อให้เป็นยอดฝีมือในระดับนักรบจอมราชันขั้นปลายก็ยังไม่กล้าเข้าไปแตะต้องง่ายๆ ตอนนี้ถึงกับถูกบดขยี้จนแหลกเหลว นี่มันพลังการต่อสู้ระดับไหนกัน
ในตอนนี้เอง พบว่าตงฟางเมิ่ง เถียนปอกวง และเสี้ยวหย่วนต่างหยุดการโจมตี มองไปยังกลางอากาศไกลออกไปด้วยอาการปากอ้าตาค้าง เนื่องจากบริเวณนั้นมีเงาร่างร่างหนึ่งยืนผงาดค้ำฟ้า ดูแล้วสูงใหญ่เป็นอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวการกระทำเห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังจัดการกับพลังรอบๆ ภาพเช่นนี้ พลังการต่อสู้เช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต่างต้องรู้สึกหวาดกลัว ดวงตาทั้งสองของเขามองมายังเสี้ยวหย่วนด้วยความสงบนิ่งราวกับมองคนตายคนหนึ่ง เขาก็คือเทพสังหาร คือเย่เทียนเฉินนั่นเอง ไม่เพียงแต่จะไม่ถูกปราณมารสีดำกลืนกิน แต่ยังทำให้พลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นครั้งใหญ่อีกด้วย ชั่วขณะนี้ เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิแล้ว แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ความสามารถต่างกันราวฟ้ากับดิน
“ขอบใจแกมากที่ทำให้ฉันทะลวงขอบเขตจักรพรรดิไปได้ สิ่งที่ฉันจะตอบแทนแกได้ก็คือฆ่าแกซะ!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเสี้ยวหย่วนแล้วพูดอย่างเรียบเฉย
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน เสี้ยวหย่วนก็ขมวดคิ้วแน่น แม้ในยามฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะไม่ตาย แถมยังใช้พลังมารอันแข็งแกร่งนี้ฝึกฝนบ่มเพาะร่างกายทำให้ทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิได้ในพริบตา เขาในตอนนี้รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเย่เทียนเฉินที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแข็งแกร่งขึ้นมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่เขาไม่รู้ว่าแข็งแกร่งขนาดไหน นี่ทำให้ในใจของเสี้ยวหย่วนรู้สึกเสียใจหาใดเปรียบ เสียใจที่ตนไม่ได้ซัดฝ่ามือทำให้สมองของเย่เทียนเฉินแหลกเหลวไปซะ ตอนนี้ตนตกอยู่ในความอันตรายอย่างยิ่งยวดแล้ว
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง กระทั่งตงฟางเมิ่งและเถียนปอกวงก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะมีความกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่กลัวพลังสีดำอันแปลกประหลาด แต่ยังกล้าใช้มันมาฝึกฝนตัวเอง ยืมมันทะลวงขอบเขต คนคนนี้เป็นมนุษย์หรือเป็นเทพสังหารกันแน่ ถึงกับมีความบ้าบิ่นที่ทำให้ผู้คนต้องนับถือ
ความจริงเป็นเช่นนี้ จริงๆ แล้วเย่เทียนเฉินใคร่ครวญมาโดยตลอด หากตนคิดจะอาศัยพลังของตัวเองเพื่อทะลวงไปยังพลังพิเศษขอบเขตจักรพรรดิ เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากมาก ในตอนที่อยู่ในช่องว่างอันแปลกประหลาดของกระบี่เซวียนหยวน เขาก็ตระหนักรู้แล้วและไม่ต้องการใช้พลังของฟ้าดินเพื่อทะลวงขอบเขตอีก ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่บนโลกใบนี้เย่เทียนเฉินก็มีปัญหาในเรื่องการทะลวงขอบเขตมาโดยตลอด ทั้งยังถูกจำกัดให้อยู่ในขอบเขตของผู้มีพลังพิเศษระดับราชันเท่านั้น ในตอนที่เสี้ยวหย่วนใช้ปราณอันมหาศาลออกมา เขาพลันรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ตอนนี้พลังในร่างกายของเขามั่นคง มีความรู้สึกว่าจะทะลวงขอบเขตไปได้ทุกเมื่อ ทำไมไม่ลองพรัรดูสักครั้งเล่า? ใช้พลังอันแปลกประหลาดนั้นทำให้ตนตกอยู่ในสภาพที่ต้องตายแน่นอน แล้วค้นหาหนทางรอดชีวิตและทะลวงพลังออกมาซะ จงเอาชนะความตายและมีชีวิตอยู่ต่อไป ประโยคนี้พูดง่าย แต่คนที่กล้าทำแบบนี้จริงๆ จะมีสักกี่คนกันเชียว
……………………………….