เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 434 คุกเข่าลง เรียกพ่อซะ!
“น้องชาย ไม่ต้องไว้หน้าฉัน รีบฆ่ามันซะ!” เถียนปอกวงหัวเราะฮ่าๆ ตะโกนพูดกับเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินทะลวงขอบเขตพลังพิเศษไปถึงระดับจักรพรรดิแล้ว ตั้งแต่มาเกิดใหม่บนโลกใบนี้ เขาก็พัฒนาไปจนถึงขอบเขตพลังพิเศษระดับจอมราชันแล้ว ต่อให้อยู่ในสภาวะขั้นสูงสุดแต่ก็ไม่สามารถทำการทะลวงพลังต่อไปได้ สาเหตุเป็นเพราะประการแรกคือพลังหลิงชื่อบนโลกใบนี้แห้งเหือดไปแล้ว ไม่เหมาะกับการบ่มเพาะ ประการที่สองเป็นเพราะเย่เทียนเฉินไม่อยากอาศัยพลังฟ้าดินของที่นี่ในการทะลวงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้สนทนากับปรมาจารย์กระบี่ในช่องว่างของกระบี่เซวียนหยวน ทำให้เขายิ่งแน่วแน่ในจุดนี้ หากตอนนี้ยืมพลังของฟ้าดิน เกรงว่าภายภาคหน้าจะหนีไม่พ้นขีดจำกัดของโลก
ตอนนี้เย่เทียนเฉินยืมพลังอันแปลกประหลาดของเพลงกระบี่มารอำมหิตของเสี้ยวหย่วน หลังจากที่รอดจากความตายมาได้ก็ใช้การกระทำในครั้งนี้ไปทะลวงขอบเขตพลังพิเศษจนถึงระดับจักรพรรดิ ความสามารถของเขาพัฒนาขึ้นมาก เย่เทียนเฉินในตอนนี้สัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง พลังต่อสู้ในร่างกายเดือดพล่าน ไหลเวียนไม่หยุด ไม่มีการหยุดพักจนรู้สึกได้ถึงพลังที่เอ่อล้น เขาคิดอยากจะต่อสู้ครั้งใหญ่ อยากลองดูเสียหน่อยว่าพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิจะแข็งแกร่งขนาดไหน
ถึงแม้ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกเย่เทียนเฉินจะเคยมีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้ามาก่อน แต่การทะลวงพลังในตอนที่ได้มาเกิดใหม่บนโลกใบนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแตกต่างกันไป ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก เขาไล่ตามพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่หยุดหย่อน ขอเพียงทะลวงขอบเขตไปได้เขาก็จะทะลวงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรไม่ว่าใครก็ล้วนอยากมีพลังในขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น ไม่ว่าใครก็อยากมีความสามารถที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นใช่หรือไม่? ตอนนี้เขาสะสมพลังมาเนิ่นนาน พลังมั่นคงอยู่นานถึงจะปะทุออกมา ถึงจะทะลวงไปถึงขอบเขตจักรพรรดิ พลังความสามารถที่มั่นคงนี้ให้ความรู้สึกว่าพลังในร่างกายไร้ขีดจำกัด แข็งแกร่งจนผิดปกติ
“ฮ่าๆๆๆ ต่อให้แกทะลวงพลังได้แล้วยังไง? ยังไงซะขอบเขตพลังการบ่มเพาะก็ยังต่ำกว่าฉัน ฉันต้องการฆ่าแกก็ง่ายเหมือนฆ่าหมูฆ่าหมา!” เสี้ยวหย่วนได้สติกลับมาจากอาการตื่นตะลึง เงยหน้าหัวเราะลั่นฟ้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และเต็มไปด้วยไอสังหาร
เย่เทียนเฉินมองเสี้ยวหย่วนครั้งหนึ่ง มือขวาตวัดออกไปเบาๆ กระบี่ไท่อาปรากฏขึ้นในมือ นี่คือกระบี่แห่งเดชานุภาพ มีพลังอันแข็งแกร่ง ตอนนี้เย่เทียนเฉินใช้มือกำกระบี่ไท่อาเอาไว้ ให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้แม้เขาจะบังคับกระบี่ไท่อาได้ แต่ก็ไม่มีความรู้สึกถึงขั้นที่ควบคุมได้ดังใจ รู้สึกแค่ว่าเขากับกระบี่ไท่อาเป็นสรรพสิ่งที่แตกต่างกัน ไม่อาจหลอมรวมกันได้อย่างสิ้นเชิง สามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งเดชานุภาพของกระบี่ไท่อาจึงไม่กล้าเข้าไปสัมผัสง่ายๆ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ากระบี่ไท่อาที่อยู่ในมือของเขาเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง เป็นกระบี่ที่เขาสามารถควบคุมได้ การทะลวงขอบเขตพลังไปยังขอบเขตจักรพรรดิทำให้เขาได้รับพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึง ดูแล้วการสะสมพลังให้มั่นคงไม่ต้องรีบร้อนทะลวงพลัง ไม่หยิบยืมพลังของฟ้าดิน คิดหาวิธีอาศัยพลังของตัวเองเพื่อทะลวงขอบเขต สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ก็เหมือนกับที่เขาทะลวงพลังจากระดับจอมราชันไปถึงระดับจักรพรรดิโดยใช้แต่พลังในร่างกายของตน ไม่ได้หยิบยืมพลังของฟ้าดินแม้แต่น้อย นี่จึงทำให้พลังภายในร่างกายแข็งแกร่งและพุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น
“เอาอย่างนี้แล้วกัน คุกเข่าลงเรียกฉันว่าพ่อซะ แล้วฉันจะเหลือศพสมบูรณ์ไว้ให้แก!”
พรืด!
ไม่เพียงแต่เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งที่แทบจะทรุดลงกับพื้น กระทั่งเสี้ยวหย่วนก็มีสีหน้าเอือมระอา ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ในการต่อสู้เป็นตายอันตึงเครียดเช่นนี้ เย่เทียนเฉินจะกล่าวคำพูดหยอกล้อแบบนี้ออกมาได้ จะให้เสี้ยวหย่วนคุกเข่าแล้วเรียกเขาว่าพ่องั้นเหรอ? ช่างทำให้ผู้คนอยากร้องไห้โดยไร้ซึ่งน้ำตา หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ
จากนั้นเสี้ยวหย่วนกลับมีสีหน้าดุดัน ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยไอสังหาร มือขวาที่กำกระบี่อยู่กำแน่นยิ่งขึ้น จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยม ชายหนุ่มอายุเพียง 20 ปีคนนี้ถึงกับมีพลังความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังจะให้เขาเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อ นี่ยังทำให้เขารู้สึกอัปยศยิ่งกว่าการฆ่ากันเสียอีก เห็นเขาเสี้ยวหย่วนเป็นอะไร? เป็นไอ้กากที่สู้โจรชั่วอย่างเถียนปอกวงไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?
“ย้าก!”
เสี้ยวหย่วนเงยหน้าตะโกนลั่นฟ้า ในปากกระอักลมปราณอันแปลกประหลาดสีดำออกมา รวมกับที่ความสามารถในการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นกลางแล้ว สูงกว่าเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งเสียอีก ต่อให้ตอนนี้เย่เทียนเฉินจะทะลวงพลังไปถึงระดับพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิ ก็เท่ากับขอบเขตนักรบจอมราชันขั้นต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เย่เทียนเฉินในตอนนี้สัมผัสได้ถึงพลังในร่างกายที่กำลังปะทุอย่างไม่หยุดยั้ง พลังการต่อสู้เดือดพล่าน ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตได้จึงมีความมั่นใจว่าจะกดข่มเสี้ยวหย่วนไว้ได้
ฟู่ๆ!
ภาพที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเชื่อเกิดขึ้นแล้ว เสี้ยวหย่วนเงยหน้าขึ้นฟ้าตะโกนเสียงดัง จากนั้นในปากของเขามีลมปราณอำมหิตสีดำถูกพ่นออกมา บรรยากาศแห่งความตายเช่นนั้นทำให้ผู้คนสัมผัสได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น เพียงพริบตาเดียวไอสังหารที่ปะทุอยู่บนร่างของเสี้ยวหย่วนก็เพิ่มพูนขึ้นมหาศาล ต่อให้อยู่ห่างกันหลาย 100 เมตรก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน บนร่างของเขามีพลังอันแปลกประหลาดนั้นคุ้มครองอยู่ ทั้งยังมีขอบเขตกว้างขวาง กระทั่งอากาศเมื่อไปสัมผัสพลังอันแปลกประหลาดนี้ก็จะเกิดเสียงดังซู่ๆ ราวกับถูกเผาไหม้อย่างไรอย่างนั้น น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“แก ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย ฉันจะกลืนแกทั้งเป็น!” เสี้ยวหย่วนสั่นไปทั้งร่าง มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วตะโกนอย่างโหดเหี้ยม
“เห้อ บอกให้แกคุกเข่าเรียกฉันว่าพ่อแกก็ไม่ยอมฟัง เด็กไม่ดีแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย…” เย่เทียนเฉินทอดถอนใจ ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
เย่เทียนเฉินกำลังกระตุ้นให้เสี้ยวหย่วนโกรธ มีเพียงทำแบบนี้เสี้ยวหย่วนถึงจะเผยจุดอ่อนออกมา ในตอนที่ยอดฝีมือคนหนึ่งลงมือโดยที่ไม่อยู่ในสภาวะสงบนิ่ง ตามปกติจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์พ่ายแพ้แน่นอน ตอนนี้เสี้ยวหย่วนบ้าคลั่งไปแล้วโดยสิ้นเชิง ถูกพลังมารสายนั้นควบคุมจนเสมือนไม่ใช่ตัวเอง
ตู้ม!
เสี้ยวหย่วนกลายเป็นประกายสีดำสายหนึ่ง พลังมารอันแปลกประหลาดทั้งหมดถูกใช้ออกมาจนอากาศถูกฉีกขาด พลังไหลพุ่งไปยังเย่เทียนเฉินราวกับดาวตกสีดำ
ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินที่ดูผิวเผินสงบนิ่ง เมื่อได้เห็นเสี้ยวหย่วนพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พลังลมปราณสังหารสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ในใจก็ตื่นตะลึง เสี้ยวหย่วนคนนี้ไม่เพียงแต่จะฉลาดลึกล้ำ ความสามารถก็ยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงกระบี่มารอำมหิตนั้นชั่วร้ายมากจริงๆ ด้านในแฝงไปด้วยพลังสายมาร ทำให้ผู้คนต้องตกใจ เขาเองก็ไม่กล้าลำพองใจ รีบโคจรพลังในร่างกายอย่างเต็มกำลัง กรอกเข้าไปในกระบี่ไท่อาทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ตัวเขาก็เข้าสู่ขอบเขตข้ามขั้นภายในชั่วพริบตา ถือกระบี่ไท่อาพุ่งทะยานเข้าใส่เสี้ยวหย่วน
ซู่ม!
โฮก!
เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งที่อยู่บนพื้นต่างก็อ้าปากด้วยความตื่นตะลึง มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างยากจะเชื่อ จะทำให้ผู้อื่นสั่นสะท้านเกินไปแล้ว พบว่าเสี้ยวหย่วนกลายสภาพเป็นงูตัวใหญ่สีดำตัวหนึ่ง พลังมารสีดำทั่วทั้งร่างถูกกระตุ้นขึ้นมา หลอมรวมเข้าด้วยกันกับกระบี่ของเขา มันอ้าปากกว้าง พุ่งไปยังเย่เทียนเฉินหวังกลืนกิน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เย่เทียนเฉินเองก็ถือกระบี่ไท่อาอยู่ในมือ พลังแห่งเดชานุภาพถูกโจมตีออกไป รวมเข้ากับพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิอันแข็งแกร่งและพลังการต่อสู้ข้ามขั้นในร่างกาย เกิดพลังสีม่วงเอ่อล้นออกมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมและครอบเขาเอาไว้จนกลายเป็นมังกรสีม่วงตัวหนึ่ง พุ่งเข้าไปปะทะกับงูตัวใหญ่สีดำนั้น
ตู้ม!
อากาศทั้งหมดสั่นสะท้าน กลุ่มเมฆในระยะหนึ่งหมื่นลี้ถูกทำให้สั่นไหวจนสลายออกไป พลังที่แข็งแกร่งเหนือระดับปะทะกัน ทำให้เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งตื่นตะลึงจนต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก สองคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ จะอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าการทะลวงพลังของเย่เทียนเฉินจะทำให้มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ มากเพียงพอที่จะดวลกับเสี้ยวหย่วนแล้ว
ในตอนที่ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง พบว่าเย่เทียนเฉินที่อยู่กลางอากาศ มือขวาถือกระบี่ไท่อา มีเลือดไหลออกมาเป็นสาย หยดลงมาจากที่สูงหยดแล้วหยดเล่า เมื่อได้เห็นก็ทำให้ต้องตกใจ สีหน้าของเขาหนักอึ้ง มองไปเบื้องหน้าด้วยท่าทีเยือกเย็น ส่วนเบื้องหน้านั้นมีเสี้ยวหย่วนยืนอยู่ เสี้ยวหย่วนไม่เป็นอะไรเลย มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม สายตาเช่นนั้นราวกับแสดงให้เห็นว่าเขาชนะแล้วแน่นอน เย่เทียนเฉินแพ้อยู่ในกำมือของเขา และจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“หึ แกคิดว่าทะลวงพลังได้แล้วจ้ะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันเสี้ยวหย่วนได้รึไง? ฉันเสี้ยวหย่วน หากจะฆ่าแกก็ทำได้ง่ายเหมือนฆ่าหมูฆ่า…”
ฉูด! ตู้ม!
คำพูดของเสี้ยวหย่วนยังไม่ทันจบ ในปากของเขาก็กระอักเลือดสดๆ ออกมา ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าอนาจ มือขวาที่กำกระบี่เอาไว้ระเบิดออก มีเลือดพุ่งกระฉูดออกไปไกล สีหน้าขาวซีด มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างยากจะเชื่อ ในสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความหวาดกลัว ไม่อาจยอมรับความจริงได้ เขาถึงกับแพ้อยู่ภายใต้น้ำมือของเย่เทียนเฉินเชียวหรือ?
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไง จะเป็นไปได้ยังไง…” เสี้ยวหย่วนให้ความรู้สึกราวกับเสียสติ ส่ายหน้าพูดพึมพำกับตนเองไม่หยุด
เถียนปอกวงกับตงฟางเมิ่งเองก็ตกตะลึง ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี เย่เทียนเฉินเอาชนะเสี้ยวหย่วนได้ สำหรับพวกเขาจะต้องเป็นข่าวดีแน่นอน เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อเย่เทียนเฉินทะลวงพลังได้หลังจากข้ามผ่านความตายมาแล้ว พลังที่ก้าวกระโดดไปถึงระดับผู้มีพลังพิเศษขอบเขตจักรพรรดิจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะต่อสู้กับเสี้ยวหย่วนได้ ทั้งยังทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย พลังการต่อสู้ระดับนี้ เกรงว่าเย่เทียนเฉินคงเหนือกว่าพวกเขาไปแล้ว ศักยภาพของเขามากมายมหาศาลจริงๆ
“ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น บอกให้แกเรียกฉันว่าพ่อแกก็ไม่ยอมเรียก ดูเอาเถอะ อนาถขนาดนี้เลย…” เย่เทียนเฉินพูดจาหยอกล้อต่อไปเพื่อกระตุ้นให้เสี้ยวหย่วนโกรธ ตอนนี้เขามั่นใจว่าตนจะฆ่าเสี้ยวหย่วนได้ สำหรับคนถ่อยแบบนี้ เขาจะไม่เกรงใจเด็ดขาด
“ฉันจะฆ่าแก!”
เสี้ยวหย่วนบ้าคลั่งไปแล้วโดยสิ้นเชิง มือซ้ายซัดเป็นฝ่ามือไปยังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินหัวเราะเสียงเย็น เขาจะไม่ยั้งมือเด็ดขาด คนถ่อยไร้ยางอายเช่นนี้ก็เหมือนโจรไร้ยางอาย สมควรฆ่าและต้องฆ่า พลันนั้นจึงซัดหมัดอัสนีสวรรค์ออกไปปะทะ
ตู้ม!
เสี้ยวหย่วนถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป หมัดปะทะถูกหน้าอกจนกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้กระทั่งหมัดของเย่เทียนเฉินก็รับไม่ไหว ก่อนหน้านี้ ด้วยขอบเขตการบ่มเพาะของเขา หากต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินก็เป็นเรื่องง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ผ่านไปไม่นาน ตอนนี้เย่เทียนเฉินกลับสามารถฆ่าเขาได้เหมือนหมูเหมือนหมา ความตกต่ำอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สำหรับเสี้ยวหย่วนที่มั่นใจในตนเองและไม่เห็นใครอยู่ในสายตามาโดยตลอดจะรับไหวได้อย่างไร?
ตอนนี้เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาสัมผัสได้ว่าพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งภายในร่างกายของตนกำลังพลุ่งพล่านไม่หยุด ต่อให้ต่อสู้กับเสี้ยวหย่วนไปแล้วก็ยังไม่มีความเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ทำให้เขาทั้งตื่นตะลึงทั้งยินดี เขาสัมผัสได้ว่าพลังอำนาจของหมัดอัสนีสวรรค์ของตนเพิ่มขึ้นมาก ไม่อาจเทียบได้กับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาทะยานไปยังเสี้ยวหย่วนราวกับฝนดาวตก ต้องการซัดเขาให้ตายไปเสีย!
……………………………..