เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 436 เสียม๋อ
“ไอ้พวกไม่รู้จักที่ตายสามคนอย่างพวกแกกำลังบีบบังคับให้ฉันต้องฆ่าพวกแกสินะ!” ชายชราที่ดูภายนอกใจดีมีเมตตาถูกเย่เทียนเฉินและเถียนปอกวงกระตุ้นจนโกรธ เดิมทียังคิดจะรักษามาดยอดฝีมือ กำหนดความเป็นความตายของพวกเย่เทียนเฉินตามแต่ใจ ตอนนี้กลับระเบิดโทสะออกมาจนสิ้น สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อดรนทนไม่ไหวอยากจะลงมือตบพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามให้ตายไปเสีย
“คุณจะมัวพูดจาไร้สาระอะไรอยู่อีก ทำไมยังไม่รีบลงมือฆ่าพวกเขาซะ ถ้าคนอื่นตามมาถึงก็แย่แล้ว!” เสี้ยวหย่วนตะโกนบอกชายชราผู้นั้น
ชายชราผู้นั้นมองเสี้ยวหย่วนครู่หนึ่ง ใบหน้าเหี่ยวย่นเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกออกมา กล่าวว่า “วางใจเถอะ คนที่มารายงานถูกฉันฆ่าไปแล้ว คนอื่นในพรรคไม่รู้เรื่องนี้ รอให้ฉันฆ่าพวกมันสามคนก่อนก็จะไม่มีใครรู้อีก!”
ที่แท้เสี้ยวหย่วนตามมาฆ่าเถียนปอกวงพร้อมกับศิษย์น้องอีกสี่คน ในตอนที่พบเบาะแสของพวกเถียนปอกวง เสี้ยวหย่วนก็ให้ศิษย์น้องคนหนึ่งเดินทางไปบอกคนในพรรค ซึ่งคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปรายงานเรื่องนี้ก็ถูกกำชับไว้ว่าให้ไปแจ้งผู้อาวุโสคนนี้เท่านั้น อย่าให้คนอื่นรู้ คิดไม่ถึงว่าชายชราคนนี้จะฆ่าศิษย์น้องของเสี้ยวหย่วน โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเสี้ยวหย่วนมากนัก เรื่องที่เสี้ยวหย่วนได้พบพวกเถียนปอกวง เกรงว่าคงมีแค่เขากับเสี้ยวหย่วนสองคนที่รู้
“พวกแกเป็นพวกเดียวกันนี่เอง ดูแล้วพวกเดินทางสายมารในพรรคท่องกระบี่คงมีไม่น้อยเลยสินะ?” เถียนปอกวงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากด้วยความไม่พอใจ
“ผู้เดินทางสายมารงั้นเหรอ พวกแกผิดแล้ว ตัวฉันก็คือเสียม๋อ(มาร)…”
ในขณะที่ชายชราพูด สีหน้าก็เปลี่ยนไป ใบหน้าของเขากลายเป็นสีดำหมึกคล้ายถูกเผาไหม้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อได้เห็นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากจะอ้วก เย่เทียนเฉิน เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งต่างก็ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าชายชราเบื้องหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่ มีกลิ่นอายมารอยู่บนร่าง เข้มข้นรุนแรงยิ่งกว่าเสี้ยวหย่วนเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังบ่มเพาะลึกล้ำสูงส่งจนมิอาจคาดเดา ทำให้พวกเขาทั้งสามลอบเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมา
“เสียม๋อ? หรือว่าแกคือ…” ตงฟางเมิ่งคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูด
“แม่นางน้อยฉลาดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนรู้จักฉันอีก ถ้างั้นวันนี้ฉันจะทำให้พวกแกตายซะ!” ชายชราคนนั้นหันตัวมา ในมือขวาปรากฎกระบี่ขึ้นเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่เป็นสีดำทั้งหมดราวกับออกมาจากขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น มีไอมารแผ่ออกมา บนตัวกระบี่มีอักษรสีเลือดสลักไว้สามคำ กระบี่มาร!
ในตอนที่เย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่งและเถียนปอกวงเห็นกระบี่มารเล่มนั้นก็รู้สึกคล้ายกับว่าจิตวิญญาณถูกไอมารสูบออกไป มีความรู้สึกประหนึ่งคล้ายกับจะถูกกลืนกิน ตอนนี้เอง เถียนปอกวงพลันตื่นตะลึงขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยเสียงสั่นเทาเล็กน้อย “แกคือเสียม๋องั้นเหรอ? งั้นแกก็คือเสียม๋อที่บุกเข้าไปในพรรคท่องกระบี่ ดวลเดี่ยวกับยอดฝีมือทั้งหมดคนนั้นน่ะเหรอ?”
“ถูกต้อง!” เสียม๋อกล่าวอย่างเรียบเฉย ราวกับว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา พวกเย่เทียนเฉินทั้งสามทำได้เพียงปล่อยให้เขาควบคุมชะตาชีวิตเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเสียม๋อ เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งก็ตื่นตะลึงจนหน้าซีด ส่วนเย่เทียนเฉินก็ขมวดคิ้วเขา เคยได้ยินตงฟางเมิ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของเสียม๋อคนนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าหลาย 100 ปีผ่านไป เสียม๋อคนนี้จะยังไม่ตาย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? บนโลกใบนี้พลังหลิงชี่แห้งเหือดไปแล้ว ไม่น่าจะมีใครมีชีวิตยืนยาวขนาดนั้นได้ นี่ต้องไม่ปกติแน่นอน
“ไม่ แกไม่ใช่เสียม๋อ แกเป็นเพียงกายเนื้อของเสียม๋อเท่านั้น วิญญาณของแกถูกขายให้ความชั่วร้ายไปแล้ว!” เย่เทียนเฉินคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เสียม๋อไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงหมุนตัวไปมองเสี้ยวหย่วนที่นอนอยู่บนภูเขาด้านล่าง พลันชี้นิ้วออกไปหวังสังหารเสี้ยวหย่วนโดยตรง นี่เป็นอะไรที่ทุกคนคิดไม่ถึง พวกเย่เทียนเฉินทั้งสามก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเสียม๋อจะเป็นอะไร อย่างไรเสี้ยวหย่วนก็นับเป็นผู้สืบทอดของเขา ต่อให้เป็นแค่หุ่นเชิด ทว่าตอนนี้ถึงกับฆ่าเสี้ยวหย่วน คิดว่าเสี้ยวหย่วนไม่มีค่าให้ใช้งานแล้วหรือ?
“ไม่…จะทำแบบนี้ไม่ได้…”
เสี้ยวหย่วนตะโกนเสียงดัง กรีดร้องออกมา เพียงแต่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เสียม๋อฆ่าเสี้ยวหย่วนไปแล้ว เสี้ยวหย่วนกลับต้องมีจุดจบที่ตายโดยไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก เรียกได้ว่าไม่ได้ตายในมือของพวกเย่เทียนเฉินทั้งสาม แต่ตายด้วยมือของคนกันเอง รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกใช้ประโยชน์มาหลายปี กลายเป็นหุ่นเชิดมาหลายปีแล้วยังมาถูกฆ่าอีก ตายได้น่าเศร้าจริงๆ เขาไม่ยอม!
ตู้ม!
หลังจากที่เสียม๋อฆ่าเสี้ยวหย่วนไปแล้ว ร่างกายของเสี้ยวหย่วนก็ระเบิดไปโดยสิ้นเชิง พลังสีดำอันน่ารังเกียจถูกสูดเข้าไปในปากของเสียม๋อ ถูกกลืนเข้าไปในปาก ชั่วขณะนั้นสีหน้าของเสียม๋อก็แดงก่ำขึ้นมา คล้ายกับว่าย้อนวัยไปหลายปี เป็นวิชานอกรีตจริงๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจจนอยากจะอ้วกเป็นที่สุด
“ไอ้ขยะเสี้ยวหย่วน ฉันถ่ายทอดเพลงกระบี่มารอำมหิตให้มัน ทั้งยังช่วยมันจนเกือบจะได้เป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ แต่ถึงกับถูกแกทำให้พ่ายแพ้แบบนี้ ไอ้หนุ่ม ฉันถูกชะตาแกจริงๆ ถ้าแกยอมกราบไหว้ฉันเป็นอาจารย์ ฉันจะทำให้ขอบเขตความสามารถของแกพัฒนาขึ้นจนห่างไกลจากตอนนี้มาก…” เสียม๋อจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“กราบไหว้แกเป็นอาจารย์เหรอ ถึงตอนนั้นก็คงเป็นเหมือนกับเสี้ยวหย่วน ถูกแกเพาะเลี้ยงพลังมารไว้ในร่างกาย สุดท้ายก็ถูกแกกลืนกินใช่หรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามเสียงเย็น
“แกฉลาดมากจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นเจตนาดีของคนอื่น!” เสียม๋อก็ไม่รีบฆ่าพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามคน เพราะด้วยพลังบ่มเพาะของเขาและความมั่นใจของเขา หากต้องการฆ่าพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็ไม่มีคนอื่นอยู่อีก จะฆ่าช้าหรือเร็วก็ไม่มีความแตกต่างอะไรมากนัก
จนถึงตอนนี้ เย่เทียนเฉิน เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งก็เข้าใจกระจ่างแล้วเสียม๋อที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขายอดฝีมือในหลาย 100 ปีก่อนที่ใช้กระบี่เล่มหนึ่งมาสร้างเพลงดาบมารอำมหิตขึ้นมา ใช้พลังของคนเพียงคนเดียวสู้กับทุกคนในพรรคท่องกระบี่ หากไม่ไช่ว่าผู้อาวุโสไท่ซ่างแห่งพรรคท่องกระบี่ที่ปิดด่านฝึกตนยอมออกจากด่านมาสู้จนอีกฝ่ายพ่ายแพ้และกักขังเขาไว้ที่ภูเขาด้านหลังของพรรค ชายหนุ่มคนนี้คงมีชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั่วทั้งยุทธภพ ทิ้งเรื่องเล่าขานมากมายเอาไว้ในแผ่นดินแล้ว ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อเรื่องของพรรคท่องกระบี่ถูกพรรคใหญ่ล่วงรู้ต่างก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจ พลังของคนเพียงคนเดียวก็สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
เพียงแต่เสียม๋อที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้ไม่ใช่เสียม๋อคนเดิมอีกต่อไป เมื่อปีนั้นเขาสร้างเพลงกระบี่มารอำมหิตขึ้นมา มีพลังอำนาจมหาศาล ฝึกฝนมันจนอยู่ในระดับสูงสุด เพียงแต่เขาถูกไอมารกลืนกินไปลึกล้ำยิ่งกว่าเสี้ยวหย่วนเสียอีก เขาถูกกักของไว้ที่ภูเขาด้านหลังพรรคท่องกระบี่จนตาย บนโลกที่พลังหลิงชี่แห้งเหือดนี้ ไม่มีใครสามารถมีชีวิตยืนยาวได้ หากมีชีวิตอยู่ถึง 100 กว่าปีก็นับว่าไม่เลวแล้ว หากจะมีอายุถึงหลายร้อยปีนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ การที่เสียม๋อสามารถยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามได้ เป็นเพราะเขาไม่ใช่เสียม๋อที่แท้จริง เขาคือพลังมารนั้น ความลึกลับของเพลงกระบี่มารอำมหิตเป็นสิ่งที่ใครหลายคนไม่รู้ ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึง
“ฮ่าๆๆๆ ฉันไม่ใช่เสียม๋อจริงๆ ฉันก็คือเจตจำนงแห่งมารของเขา เจตจำนงแห่งความไม่ยินยอมพร้อมใจของเขา เสียม๋อตายไปนานแล้ว ไอ้แก่ของพรรคท่องกระบี่นั่นแข็งแกร่งเกินไป กักขังเสียม๋อจนตาย เพียงแต่ตอนที่เสียม๋อตาย ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม นำวิญญาณของตัวเองมาขายให้กับฉัน ดังนั้นฉันจึงได้ร่างกายของเขามาและค่อยๆ ตื่นขึ้น เสียม๋อไม่ยินยอมพร้อมใจ เขาฝึกเพลงกระบี่มารอำมหิตไปถึงระดับเก้าเท่านั้น ยังขาดอีกระดับหนึ่งเขาถึงจะฝึกเพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริงจนสำเร็จได้ ถ้าถึงตอนนั้น ใต้หล้านี้ก็จะไม่มีศัตรู ไม่มีใครที่เป็นคู่ต่อสู้เขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจ ไม่ยินยอมพร้อมใจ…” เสียม๋อคำรามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ไม่ยินยอมพร้อมใจแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ? ตั้งแต่อดีตจนมาถึงตอนนี้ ไม่มีพลังสายมารไหนที่ดำรงอยู่ได้จนถึงท้ายที่สุด สิ่งหนึ่งกดข่มอีกสิ่งหนึ่ง ต่อให้เขาฝึกเพลงกระบี่มารอำมหิตจนสำเร็จก็ยังมีวิธีที่จะกดข่มเขาได้อยู่ดี!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างเย็นชา
ความจริงในตอนที่เสียม๋อพูดคำเหล่านี้ พวกเย่เทียนเฉินทั้งสามคนก็ลอบตื่นตะลึงในใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เคยบุกเดี่ยวมาสู้กับพรรคท่องกระบี่คนนั้นจะยังฝึกเพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริงไม่สำเร็จ ฝึกไปถึงขั้นเก้าเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นเพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริงจะแข็งแกร่งขนาดไหน? ทำให้ผู้คนไม่กล้าจินตนาการอยู่บ้าง และรู้สึกอยากรู้ เพลงกระบี่ชุดนี้จะลึกลับและโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว คล้ายกับว่าเมื่อเริ่มฝึกฝน ผู้ฝึกฝนก็ต้องขายวิญญาณตัวเองออกไป มิฉะนั้นหลังจากเสียม๋อตายไปแล้ว ศพของเขาคงไม่ถูกพลังมารควบคุม
“ดูแล้วความแค้นที่แกมีต่อพรรคท่องกระบี่จะลึกล้ำมาก ไม่งั้นคงไม่เลือกเสี้ยวหย่วนมาเป็นผู้สืบทอดของแก คิดจะใช้มันเพื่อให้ได้พรรคท่องกระบี่ทั้งพรรคมาอยู่ในมือ!” เถียนปอกวงคิดครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อไป
“เสี้ยวหย่วน? ผู้สืบทอดเพลงกระบี่มารอำมหิต? เขาไม่คู่ควรหรอก เขาไม่มีพรสวรรค์แบบนั้นและไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย เพลงกระบี่มารอำมหิตที่เขาฝึกฝนเป็นเพียงแค่ปลายเส้นขนเท่านั้น เพียงแต่ฉันใส่พลังมารเอาไว้ในร่างกายของมัน เดิมทีมันก็ต้องตายอยู่แล้ว เป็นแค่ของเซ่นไหว้ให้กับร่างกายอันแข็งแกร่งของฉันเท่านั้น เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะไร้ประโยชน์ขนาดนั้น แพ้ให้กับพวกแกได้!” ในขณะที่เสียม๋อพูดก็มองไปยังเย่เทียนเฉินอีกครั้งหนึ่ง
“อะไรนะ วิชาที่เสี้ยวหย่วนฝึกฝนไม่ใช่เพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริงงั้นเหรอ?” เถียนปอกวงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความตื่นตะลึง
เสียม๋อหัวเราะเย็นชา กระบี่มารในมือขวาชูขึ้นสูง พวกเย่เทียนเฉินทั้งสามพากันถอยหลังไป เตรียมรับการโจมตี วิชาที่เสี้ยวหย่วนฝึกไม่ใช่เพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริง แต่ยังมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น แล้วเพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริงจะเป็นอย่างไรกันเล่า? คงน่ากลัวยิ่งกว่าฝ่ามือสลายกระดูกมาก เพลงดาบสายมารแบบนี้ทำได้กระทั่งกักขังวิญญาณของมนุษย์ มีพลังที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
“ไอ้หนุ่ม ฉันถูกใจแกมาก จะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ขอเพียงแกยอมมาเป็นศิษย์ของฉัน ฉันก็จะถ่ายทอดเพลงกระบี่มารอำมหิตที่แท้จริงให้แก เป็นไง?” เสียม๋อจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยถาม
“แกคิดว่าเป็นไปได้รึไง? ไอ้แก่ แกอย่าได้ฝันไปเลย ในเมื่อแกต้องการเพาะเลี้ยงพลังมารไว้ในร่างกายของคนอื่น ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแกก็ถูกอะไรบางอย่างควบคุม ไม่งั้นคงลงมือฆ่าพวกเราไปนานแล้ว!” เย่เทียนเฉินกำหมัดแน่น บริเวณหมัดมีสายฟ้าลุกโชน เสียม๋อเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าศักยภาพของเย่เทียนเฉินจะมากมายขนาดนี้ พลังต่อสู้ที่แผ่ออกมาทำให้เขารู้สึกตื่นตะลึง
“ดีๆๆ พวกแกรู้มามากพอแล้ว ฉันเองก็ให้โอกาสพวกแกมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ในเมื่อพวกแกไม่เห็นค่า ถ้างั้นก็ไปตายซะเถอะ…”
………………………..