เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 456 เย่เทียนเฉินปะทะฮิคาวะ
เคร้ง!
มือซ้ายถือกระบี่ไท่อาปักลงบนพื้น ฮิคาวะใช้แรงประมาณเจ็ดส่วนกดเอาไว้ ส่วนมือขวายื่นมือไปทางเสี้ยวหยา ตอนนี้เขาโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว ไม่เห็นแม้กระทั่งตัวของเย่เทียนเฉินแต่กลับมียอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวตายไปแล้วสองคน กระทั่งเขาเองก็ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ตอนนี้ฮิคาวะพยายามกดกระบี่ไท่อาเอาไว้ เมื่อได้เห็นเสี้ยวหยาที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง หน้าตาสวยงามบริสุทธิ์จนเกิดความต้องการในใจ เขาจึงคิดจะทำลายสิ่งที่เย่เทียนเฉินปกป้อง วิธีที่ฮิคาวะคิดได้ก็คือข่มขืนเสี้ยวหยา ทำให้เย่เทียนเฉินถูกสวมเขา ให้เขาอยู่ไม่สู้ตาย
มือของฮิคาวะยื่นไปทางเสี้ยวหยา โจมตีเข้าไปโดยตรง เสี้ยวหยาห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม เขาไม่ใช่คนดีอะไร เป็นพวกหื่นกระหายคนหนึ่ง ไม่มีเรื่องเลวทรามอะไรที่ไม่ทำ ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกเย่เทียนเฉินทำให้โกรธจนแทบกระอักเลือด จะไม่ไประบายบนร่างของเสี้ยวหยาได้อย่างไร?
พรึ่บ!
เพียงพริบตาเดียว ผ้าห่มที่คลุมอยู่บนร่างของเสี้ยวหยาก็ถูกฮิคาวะดึงออก เสี้ยวหยายังคงหลับลึก เนื่องจากเย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะใช้เขตแดนปิดกั้น แต่ยังใช้เคล็ดวิชาสะกดจิตเล็กน้อย ซึ่งในเคล็ดวิชาพลังพิเศษนับเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก
เนื่องจากระยะนี้เสี้ยวหยาตั้งใจเรียน รวมกับเรื่องของการตายของแม่ ในใจจึงเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ถึงแม้ภายนอกจะพยายามฝืนทน แต่เย่เทียนเฉินรู้ดีว่าในใจของผู้หญิงจิตใจดีคนนี้ซ่อนไปด้วยความเศร้าโศกมากเพียงใด เพียงแค่เธอไม่อยากให้คนอื่นเป็นกังวลเท่านั้น
“หึ เย่เทียนเฉิน ฉันจะทำให้แกได้รู้ถึงความร้ายกาจของฉัน…”
ฮิคาวะคำรามลั่น ใช้มือขวาจับไปยังเสื้อผ้าของเสี้ยวหยา ในยามที่เขาเห็นเสี้ยวหยาที่หลับสนิทอยู่บนเตียง สวมชุดนอนลายการ์ตูน เรือนขาเรียวยาวงดงาม ร่างกายเต็มไปด้วยส่วนเว้าโค้งอันสมบูรณ์ รวมกับใบหน้างดงามดูบริสุทธิ์นั้น ฮิคาวะถึงกับข่มความกำหนัดของตนไม่ได้ ต่อให้ไม่มีเย่เทียนเฉิน หากเขาพบโอกาสเช่นนี้ก็จะไม่ปล่อยให้ผ่านไปแน่ จะต้องเผยด้านที่เป็นสัตว์ร้ายออกมา
ฟิ้ว!
แต่ในตอนที่ฮิคาวะกำลังโถมตัวเข้าใส่เสี้ยวหยา กระบี่ไท่อาที่กำอยู่ในมือซ้ายของเขาก็สั่นอย่างแรง จากนั้นจึงพุ่งขึ้นมาจากบนพื้น บินออกไปทางหน้าต่าง ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังมีพลังรุนแรง ฮิคาวะคาดเดาไม่ถึง มือซ้ายที่จับด้ามกระบี่ไท่อาไว้แน่นก็ถูกดึงออกไปจากห้องนอนของเสี้ยวหยาด้วย
กลางอากาศ ฮิคาวะถูกกระบี่ไท่อาดึงบินออกไปนอกหน้าต่าง จนกระทั่งถึงกลางอากาศฮิคาวะยังคงไม่มีปฏิกิริยากลับมา พลันนั้นมีเงาร่างเงาหนึ่งปรากฏเบื้องหน้าเขา ซัดหมัดไปยังใบหน้าของฮิคาวะ
ฮิคาวะตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนักมากเกินไป มือขวากำเป็นหมัดโจมตีปะทะเข้าไป หมัดปะทะหมัด ชั่วพริบตาที่เกิดขึ้น พลังทั้งสองล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เกิดเสียงดังสนั่น ฮิคาวะและเงาร่างของคนผู้นั้นต่างกระเด็นถอยออกไป กระบี่ไท่อาที่อยู่ในมือซ้ายของฮิคาวะก็มิอาจกดข่มได้อีกต่อไป หลุดจากการควบคุมของเขา บินกลับไปในมือของคนที่อยู่ตรงข้าม
ฟ้ามืดแล้ว ท่ามกลางคฤหาสถ์ที่เย่เทียนเฉินพักอาศัยอยู่คนเดียวมีการต่อสู้เกิดขึ้น ทั้งสองต่างยังอายุน้อย เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูงของรุ่นเยาว์ ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ ใครแพ้ใครชนะ จะต้องตัดสินออกมาให้ได้แน่นอน นี่เป็นความแค้นที่ไม่อาจและไม่มีทางแก้ไขได้
ฮิคาวะยืนอยู่บนหลังคาคฤหาสน์ มองไปด้านล่างด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยไอสังหาร นอกจากนี้ บริเวณไม่ไกล ในตำแหน่งที่ห่างกับเขาประมาณสิบเมตร บนต้นไม้ใหญ่มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ มือขวากำกระบี่ไท่อา มองมาที่ฮิคาวะด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน
“แกคือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ?”
ฮิคาวะไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม หมัดเมื่อครู่นี้ทำให้เขาตื่นตะลึงอยู่บ้าง ความสามารถของชายหนุ่มตรงข้ามแข็งแกร่งมาก การดวลกันระหว่างยอดฝีมือ หากลงมือมั่วซั่ว เป็นไปได้มากว่าจะเป็นการรนหาที่ตายของตัวเอง
ผู้มาเยือนก็คือเย่เทียนเฉิน ในตอนที่เขามาถึงก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของกระบี่ไท่อา ราวกับมันถูกคนใช้พลังอันแข็งแกร่งบีบบังคับข่มเอาไว้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงรีบขับเคลื่อนพลังต้นกำเนิดซึ่งเป็นความเชื่อมโยงระหว่างเขากับกระบี่ไท่อาเพื่อเรียกมัน แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายก็คือในตอนที่เขาโจมตีไปยังฮิคาวะเมื่อครู่นี้ เขาถือโอกาสมองไปที่เสี้ยวหยาที่อยู่ในห้อง เสี้ยวหยายังคงนอนหลับสนิท ไม่ได้ถูกทำอะไรร้ายแรง โชคดีที่ตนมาทันเวลา ลงมือได้ทันเวลา
ที่จริงแล้ว จู่ๆ บนฝ่ามือซ้ายของเย่เทียนเฉินก็เกิดควันดำพุ่งออกมากะทันหัน ทั้งยังมีความรู้สึกเจ็บแปลบ นั่นเป็นเพราะความเชื่อมโยงของพลังต้นกำเนิดระหว่างเขากับกระบี่ไท่อา ขอเพียงกระบี่ไท่อามีการเครื่องไหวแปลกๆ เขาจะสัมผัสได้ทันที ดังนั้นในตอนที่อยู่บ้านเดิมตระกูลเย่ เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเดินออกจากประตูก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บแปลบบริเวณกลางฝ่ามือซ้ายแล้ว ในใจของเขาจึงรู้สึกไม่ดี รีบใช้เคล็ดวิชาเทพท่องมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์ที่ตนอาศัยอยู่ทันที
เคล็ดวิชาเทพท่องและเพลงดาบว่องไวล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่สร้างชื่อให้กับเถียนปอกวง ในตอนที่เถียนปอกวงยังรักษาตัวอยู่ในคฤหาสน์เขาก็ถ่ายทอดให้แก่เย่เทียนเฉินแล้ว ความจริงเถียนปอกวงคนนี้ไม่เลวเลย ถึงจะมีนิสัยหื่นกาม แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกเลวทรามที่ให้อภัยไม่ได้ ทั้งยังเป็นคนตรงไปตรงมา สำหรับเย่เทียนเฉิน พี่น้องเช่นนี้ไม่มีอะไรต้องพูดมาก จึงรับถ่ายทอดเคล็ดวิชาเทพท่องและเพลงดาบว่องไวมา
แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินเพิ่งจะเรียน ในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องเคล็ดวิชาเทพท่องและเพลงดาบว่องไวย่อมไม่อาจร้ายกาจเท่ากับเถียนปอกวง แต่เมื่อมีเคล็ดวิชาเทพท่องก็สามารถเดินทางนับร้อยลี้ได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา เร็วกว่าสายลมเสียอีก นี่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงระดับไหนกัน ไม่ว่าจะเดินทางหรือต่อสู้ล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเร็วกว่าการขับรถมากน้อยแค่ไหน
“บอกมา พวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างพวกแกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนเฉินมองไปยังฮิคาวะแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“อ้อ? แกคิดว่าฉันจะบอกแกรึไง? แกไม่อยากรู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร?” ฮิคาวะชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องถามหรอก ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร…” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แกรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?” ฮิคาวะรู้สึกงุนงง
“คนตายไง!”
เย่เทียนเฉินเพิ่งพูดจบก็หายไปจากยอดไม้ใหญ่ ฮิคาวะตื่นตะลึงหนัก มือขวาโบกสะบัด ดาบทหารสไตล์ชิบะพลันปรากฏในมือขวา เพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงแต่หากไม่มีดาบในมือก็จะไม่สามารถใช้ออกมาได้
ฉัวะๆๆ …ปราณกระบี่กระจายทั่วฟ้า ภายในอากาศมองไม่เห็นเงาร่างของเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง ปราณกระบี่เหล่านั้นมีพลังอนุภาพร้ายแรง โอบล้อมฮิคาวะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฮิคาวะอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มือซ้ายกำเป็นหมัด มือขวาถือดาบทหารสไตล์ชิบะ พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า
“มีความสามารถแค่นี้คิดจะมาสู้กับฉันอีก ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว!”
ตู้ม!
ฮิคาวะฟันดาบออกไป พริบตานั้นทำให้ปราณกระบี่ที่ห้อมล้อมเข้ามาถูกทำลาย จากนั้นจึงทะยานตัวออกมาจากปราณกระบี่ที่กักขัง โอหังและไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเป็นอย่างมาก
ฉัวะ!
เย่เทียนเฉินร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ฟาดฟันกระบี่ไปยังฮิคาวะ ฮิคาวะไม่ยอมถอย ดาบทหารในมือเปล่งรังสีฆ่าฟันอันรุนแรง เขามีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก คิดว่าหากตนระเบิดความสามารถทั้งหมดออกมา ด้วยความสามารถนี้จะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินได้แน่นอน เย่เทียนเฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน
เคร้งๆๆ!
เสียงต่อสู้อันดุเดือดดังขึ้น อากาศสั่นไหว ทั้งยังมีประกายไฟปรากฏเป็นระยะ นั่นเป็นเสียงดาบและกระบี่ปะทะกันและเป็นประกายไฟที่เกิดจากการปะทะกันของดาบและกระบี่ รุนแรงเป็นอย่างมาก ท่ามกลางความมืดมิดมองไม่เห็นเงาร่างของเย่เทียนเฉินและฮิคาวะ ทั้งสองราวกับหายไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น หากมียอดฝีมือชั้นหนึ่งอยู่ที่นี่ เชื่อว่าจะต้องตื่นตะลึงจนหน้าถอดสีเป็นแน่ นี่ไม่ใช่เพราะช่วงเวลากลางคืนมีความมืดมิดมากเกินไปจนทำให้มองไม่เห็นว่าเย่เทียนเฉินและฮิคาวะอยู่ที่ไหน แต่เป็นเพราะทั้งสองเร่งเร้าความเร็วจนถึงขีดสุด และเป็นเพราะความเร็วนี้ทำให้ไม่เห็นเงาร่างของพวกเขา จินตนาการได้เลยว่าน่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุดขนาดไหน
ตู้มๆๆ!
เย่เทียนเฉินและฮิคาวะปะทะกันสามกระบวนต่อเนื่อง ปราณแท้เดือดพล่าน ทั้งสองถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป จากนั้นจึงกลับไปยืนบนตำแหน่งเดิมของตน ในดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยประกายฆ่าฟัน
ในใจของฮิคาวะตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มชาวจีนที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 20 ปีแต่กลับมีฝีมือแข็งแกร่งห้าวหาญถึงขั้นนี้ หากให้เวลาเขาอีกคงมีศักยภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้ ดูแล้วตนประเมินความสามารถของเย่เทียนเฉินต่ำไปจริงๆ หากต้องการฆ่าเขาในเวลาสั้นๆ คงไม่ง่ายแบบนั้น
อีกด้านหนึ่งเย่เทียนเฉินเองก็ขมวดคิ้ว ความสามารถของฮิคาวะทำให้เขาตื่นตะลึงเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าในหมู่คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาคราวนี้จะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วย คนคนนี้ไม่เพียงแต่สามารถสกัดกั้นการโจมตีของกระบี่ไท่อาเอาไว้ได้ ทั้งยังต่อสู้กับตนได้หลายสิบกระบวนท่าในเวลาเพียงชั่วพริบตาโดยไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย ดูแล้วพวกสารเลวของประเทศชิบะคงไม่อาจดูถูกได้ ในหมู่พวกเขามียอดฝีมืออยู่จริงๆ
นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินคิดว่ามือสังหารเบื้องหน้าก็แข็งแกร่งห้าวหาญขนาดนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้นน้องชายของจักรพรรดิดาบที่ชื่อมัตสึโมโต้ล่ะ? จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? ตอนนี้ความสามารถของตนอยู่ในขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ จะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่? หากเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นคนที่จะต้องตายก็คือเย่เทียนเฉินเอง เขาไม่อาจถอยได้ และไม่อาจปล่อยให้พี่น้องกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มาเสี่ยงอันตรายจนถึงตาย นี่ไม่ใช่นิสัยของเขา ศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ความอันตรายเช่นนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาซึ่งเป็นพี่ใหญ่ต้องเผชิญหน้า นี่ถึงจะไม่ผิดต่อพี่น้องของเขา นี่จึงจะเป็นเรื่องที่พี่ใหญ่คนหนึ่งสมควรกระทำ มิฉะนั้นจะเหมาะสมกับตำแหน่งพี่ใหญ่ได้อย่างไร?และคงไม่มีค่าเพียงพอที่จะให้คนอื่นฝากชีวิตไว้กับเขา
“ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่งมาก อายุแค่ 20 ปีก็มีพลังการต่อสู้ขนาดนี้แล้ว ดูถูกไม่ได้จริงๆ ฉันฮิคาวะถูกเรียกขานว่าเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว ปีนี้อายุ 30 แล้ว แกยังมีเวลาไล่ตามฉันอีก 10 ปี ฉันเชื่อว่า 10 ปีต่อจากนี้แกจะต้องนำหน้าฉันในตอนนี้ไปได้แน่ แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นแกต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ก่อน...”
ในตอนนี้ฮิคาวะไม่ได้โกรธเกรี้ยวขนาดนั้นอีก แต่เริ่มสงบนิ่งขึ้นมาแล้ว นี่เป็นท่าทีที่ชี้ให้เห็นว่าเขาจะลงมือเต็มที่แล้ว เขากำลังปรับจิตใจของตน
“ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นหรอก แกประเมินตัวเองสูงไปแล้ว น่าเสียดายที่แกจะไม่มีชีวิตไปเห็นวันนั้น ทุกคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะไม่ได้กลับไปอีก!”
เย่เทียนเฉินหาวออกมาครั้งหนึ่ง ทั้งยังพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
…………………………