เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 467 กินเนื้อ
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่รู้ว่าอลิซมีเจตนาอะไรกันแน่ แต่เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของเธอทำให้คาเมดะอิจิโร่ถูกฟันแขนขวาจนขาด หากไม่ใช่เพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่มีกำลังในประเทศจีนมากพอให้ใช้งาน เกรงว่าคาเมดะอิจิโร่คงถูกเขาฆ่าไปแล้ว
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง ที่สำคัญก็คือเขาเป็นเฒ่าสารพัดพิษคนหนึ่ง เป็นคนที่มีสมองอยู่บ้าง ถ้าเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคงไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือคนที่มีสมองอันเจ้าเล่ห์ นี่เป็นอะไรที่รับมือไม่ง่ายเลย
เมื่อเห็นว่าอลิซเดินไปยังประตูแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็กำหมัดแน่น เขาโกรธมาก ประการแรกโกรธเพราะฮิคาวะซึ่งเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตาย ประการที่สองเป็นเพราะอลิซไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M ความจริงสิ่งที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่รู้ก็คือ คนแบบเขา ถ้าไม่ได้เป็นสุนัขของประเทศ M แล้วจะเป็นอะไรได้?
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะครับ ทำไม ทำไมไม่ฆ่าเธอ…” คาเมดะอิจิโร่กุมแขนขวาของตน กัดฟันพูดออกมา
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นหันไปมองคาเมดะอิจิโร่ แขนขวาของคาเมดะอิจิโร่ถูกเขาฟันขาดไปแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นยิ้มอย่างเย็นชา สะบัดมือขวาเบาๆ คาเมดะอิจิโร่ถึงกับไม่รู้สึกเจ็บแขนขวาอีก เมื่อมองไปยังแขนขวาของตนอีกครั้งถึงกับสมบูรณ์ไม่เสียหาย นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ถ้างั้นเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น?
ความรู้สึกแขนขาดเช่นนั้น ภาพที่มีเลือดไหลออกมาชัดเจนถึงขนาดนั้น คาเมดะอิจิโร่สาบานได้เลย เขารู้สึกว่าแขนขาดไปจริงๆ เจ็บจนแทบขาดใจ แต่ตอนนี้ทำไมถึงดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
“ผู้อาวุโส…นี่ผม…” คาเมดะอิจิโร่เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและแปลกใจ
“ฉันจะบอกอะไรแกให้ ถ้าครั้งนี้ฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แกกับฉันก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปอีกเลย ฉันไม่มีหน้ากลับไปพบจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของฉัน ส่วนแก ฉันก็จะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโสที่ไม่ฆ่าผม!” คาเมดะอิจิโร่พูดภาษาจีนออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“ต่อให้พูดภาษาจีนดีแค่ไหนก็พิชิตคนจีนพวกนี้ไม่ได้ มีแต่ต้องอาศัยการฆ่าฟันถึงจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดอย่างดุดัน
“ครับ!” คาเมดะอิจิโร่รีบตอบ
ตอนนี้เอง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่แล้วจึงกลับมานั่งที่ตำแหน่งของตนอีกครั้ง การตายของฮิคาวะทำให้เขารู้สึกโกรธมากจริงๆ และเรียกได้ว่าสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตน อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของประเทศจีนได้ ถึงกับตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน ดูท่าทางเย่เทียนเฉินคนนี้จะไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะทำอะไรก็ได้ นับว่าเป็นพวกกระดูกแข็งคนหนึ่ง!
“ไปหาหญิงบริสุทธิ์หลายคนมาให้ฉันซะ วันนี้ฉันจะเริ่มกินเนื้อแล้ว!” สายตาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอำมหิต พูดออกมาด้วยความหื่นกระหาย
เมื่อคาเมดะอิจิโร่ได้ยินคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง เขาไม่ได้ยิ้มออกมาอย่างหื่นกระหายเช่นเดียวกับอีกฝ่าย หากเป็นเมื่อก่อน คนถ่อยที่มีนิสัยหื่นกามอย่างคาเมดะอิจิโร่จะต้องร่วมเสพสุขไปกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเคร่งเครียดเป็นพิเศษ เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า
“ผู้อาวุโสครับ คุณคิดจะลงมือเองเหรอ?”
“หึ ถ้าฉันไม่ลงมือด้วยตัวเอง หรือจะให้ทำแบบที่ยัยกะหรี่อลิซพูดจริงๆ จะให้ส่งลูกน้องออกไปตายอีกรึไง?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ทำไมเมื่อกี้คุณถึงไม่ฆ่ายัยกะหรี่นั่นซะ น่ารังเกียจจริงๆ เธอถึงกับเปลี่ยนฝั่งไปช่วยเย่เทียนเฉิน สมควรตาย!” คาเมดะอิจิโร่เอ่ยปากพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ไม่ พวกเราฆ่านังกะหรี่นั่นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าฆ่า แต่ฉันคิดว่าปล่อยเธอทิ้งไว้ยังจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ปล่อยให้รัฐบาลประเทศ M จัดการเธอด้วยตัวเองเถอะ ฉันคิดว่าคงจะมีเรื่องสนุกให้ดูแน่ เมื่อกี้ฉันแค่ใช้วิชาลวงตาที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกแกสองคนตกอยู่ในภาพลวงตา ส่วนจุดประสงค์ก็คือทำให้นังกะหรี่นั่นรู้ว่าฉันโกรธมาก ไม่งั้นถ้าเธอมาวุ่นวายเรื่องของพวกเราคงไม่ดี ฉันไม่อยากทำตามคำสั่งของนังกะหรี่แบบนั้น!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยอย่างเย็นชา
ที่แท้ในตอนที่อลิซเข้ามา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็คาดเดาได้แล้วว่าคงไม่มีเรื่องดีแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีข่าวร้ายแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดแขนคาเมดะอิจิโร่ด้วยความโกรธ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ หากอลิซออกคำสั่งให้พวกเขาไปทำอะไรแล้วจะทำยังไง? ให้เชื่อฟังหรือ เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ ไม่อาจข้ามผ่านด่านนี้ของตนได้ แต่ถ้าไม่เชื่อฟังก็เกรงว่าจะอธิบายกับทางประเทศ M ไม่ได้ มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสามารถทำให้คาเมดะอิจิโร่และอลิซซึ่งเป็นยอดฝีมือทั้งสองคนตกอยู่ในภาพลวงตาได้โดยไม่รู้ตัว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ แข็งแกร่งจนถึงขั้นยากจะรับมือ ถ้าเขาลงมือ เย่เทียนเฉินคงมีอันตรายแล้ว
“ได้ครับ ผมจะรีบไปหาหญิงบริสุทธิ์มาเดี๋ยวนี้!” คาเมดะอิจิโร่พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“หามาสามคน วันนี้ฉันจะกินพวกเธอให้หมด ทำให้พลังต่อสู้ของฉันฟื้นฟูไปถึงจุดสูงสุด ถึงตอนนั้นฉันจะฆ่าเย่เทียนเฉินเหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง ใครที่กล้ามาเป็นศัตรูกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราจะต้องตายทุกคน!” เขาพูด ในดวงตาไปด้วยไอสังหาร
คาเมดะอิจิโร่พยักหน้า จากนั้นจึงเดินออกไปนอกประตู เขาจะไปหาหญิงบริสุทธิ์มาให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็น สิ่งที่เรียกว่าหญิงบริสุทธิ์ก็คือผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุ 12 ปีเต็มและเคยมีประจำเดือนมาครั้งหนึ่งแล้ว พวกเธอจะถูกพวกเขาเรียกว่าผู้หญิงบริสุทธิ์ ส่วนการกินเนื้อนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันก็คือการทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงพวกนี้ โหดเหี้ยมมากจริงๆ
แต่การฝึกฝนของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นในสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ ในชั่วขณะที่เขาทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงบริสุทธิ์ ดูดกินไอหยินในร่างกายของพวกเธอมาจนหมด นี่จะทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟื้นฟูพลังภายในได้ ตอนนี้เขาอายุ 70 ปีแล้ว หากต้องการฟื้นฟูพลังการต่อสู้ไปยังจุดที่แข็งแกร่งที่สุดจำเป็นต้องต้องทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงบริสุทธิ์สามคนถึงจะฟื้นฟูจนถึงขีดสูงสุดได้ จินตนาการได้เลยว่าในตอนที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นใช้วิธีการโหดเหี้ยมฝึกฝน ไม่รู้ว่ามีหญิงบริสุทธิ์ของประเทศชิบะมากน้อยแค่ไหนที่ถูกทำลาย จะอย่างไรพวกประเทศชิบะอย่างพวกเขาก็ไม่มีความเป็นมนุษย์และหื่นกระหายมากอยู่แล้ว ฝึกฝนกันจนเป็นปกติ แน่นอนว่าย่อมไม่สนใจ เดิมทีนี่ก็เป็นชนชาติที่หื่นกามมากอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่ เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างสระน้ำของคฤหาสน์มาครึ่งค่อนวันแล้ว ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน เขากำลังรักษาบาดแผล ขณะเดียวกันก็ควบคุมกระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อา และกระบี่อวี๋ฉางให้ลึกล้ำมากขึ้น รวมกับที่เพิ่งจะทะลวงขอบเขตไปเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ จำเป็นต้องทำให้พลังบ่มเพาะลึกล้ำและมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน นั่งทำให้พลังการบ่มเพาะเสถียรมาโดยตลอด
ทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ต่างยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินอย่างเรียบร้อย พวกเขาวิ่งวุ่นกันมาหลายวันหลายคืน น่าเสียดายที่หาที่อยู่ของพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่พบ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างรู้เรื่องที่สถานที่สองสามแห่งที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินถูกโจมตีแล้ว
“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ ผมคิดไม่รอบด้านเอง เกือบทำให้ครอบครัวและเพื่อนของคุณถูกทำร้ายแล้ว!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างรู้สึกผิด
อู๋เสวี่ยเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ นี่เป็นคนที่เย่เทียนเฉินเลือกด้วยตัวเอง ที่สำคัญเป็นเพราะอู๋เสวี่ยมีจิตใจมั่นคง ฝีมือแข็งแกร่ง ทำงานด้วยความคิด ในตอนที่เย่เทียนเฉินไม่อยู่เรื่องต่างๆ ของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์นั้นเรียกได้ว่าเป็นไปตามคำพูดของเขา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาย่อมต้องรับผิดชอบ กล้าทำกล้ารับถึงจะเป็นผู้นำที่ดี
เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น มองไปยังอู๋เสวี่ยแล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ตำหนิพวกแกไม่ได้ เป็นฉันที่ให้พวกแกออกไปหาเบาะแสของพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวเอง ตอนนี้มีเบาะแสอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ทุกคนต่างก็ส่ายหน้า ความสามารถของพวกเขาไม่นับว่าต่ำต้อย แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอดแต่กลับไม่สามารถหาพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวของประเทศชิบะพบ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ความสามารถจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ทั้งสามที่เกี่ยวข้องพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินถูกโจมตี หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินมีผู้หนุนหลัง เกรงว่าครอบครัวของเขาคงถูกทำร้ายไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงไม่มีอะไรชดเชยได้
“พี่ใหญ่ พวกเราไร้ความสามารถ หาไม่พบครับ!” หวังเจี๋ยพูดขึ้น
“ไม่ว่าพวกแกหรอก ฉันมีข่าวอย่างหนึ่ง ที่เรียกให้พวกแกมาก็เพราะอยากจะแบ่งปันกับพวกแกสักหน่อย ทุกคนตั้งใจให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลักการของเย่เทียนเฉินก็คือใช้คนไม่สงสัยสงสัยไม่ใช้คน กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์นี้เรียกได้ว่าแต่ละคนเคยผ่านตาเขามาแล้ว ทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือ เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกว่าปริมาณไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพ!
เขาไม่เคยสงสัยในความสามารถของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวส่งยอดฝีมือมาสามสิบคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบมาคุมด้วยตัวเอง นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนถึงระดับยากจะคาดเดา หากหาพวกเขาได้ง่ายขนาดนั้นยังจะต้องมีการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงอีกหรือ เพียงแค่ฮิคาวะคนเดียวก็ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกรับมือยากแล้ว
เย่เทียนเฉินมองไปยังกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แล้วเอ่ยปากต่อไป
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ฉันเคยประมือกับคนของพวกมันมาก่อน บอกพวกแกได้แค่ว่า คนของพวกมันแข็งแกร่งมาก ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าพวกแกเลย ฉันไม่ใช่คนที่ชอบหลอกลวง ทุกการต่อสู้และภารกิจฉันจะบอกกับพวกแกตามความจริงเสมอ และยังคงยืนยันตามประโยคเดิม คนที่กลัวให้ถอยไปซะ ฉันจะไม่ว่าพวกแก ฉันเป็นพี่ใหญ่ ไม่อาจทนเห็นพวกแกถูกส่งไปตายได้… คนที่เป็นหัวหน้าพวกมันก็คือน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ชื่อว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็น ความสามารถจะแข็งแกร่งลึกล้ำมากขนาดไหนฉันเองก็ไม่รู้ บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าพวกเราทุกคน บางทีพวกเราทุกคนร่วมมือกันก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ฉันก็จะสู้กับเขาเหมือนเดิม ฉันมั่นใจว่าจะฆ่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้ จะปล่อยให้พวกสารเลวชนะได้ยังไง!”
………………………………