เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 494 เครื่องจักรสังหาร สี่สัตว์ร้ายแห่งปีศาจสีเงิน
- Home
- เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ
- บทที่ 494 เครื่องจักรสังหาร สี่สัตว์ร้ายแห่งปีศาจสีเงิน
“ทุกท่านไม่ต้องกลัวนะครับ แล้วก็ไม่ต้องตกใจด้วย นี่เป็นรายการที่ตระกูลเย่ของพวกเราเตรียมไว้ให้ทุกคน ก็เหมือนกับการฉายหนัง ขอให้ทุกท่านชมดูให้สบายใจเถอะครับ”
“ไอ้หนู แกเป็นคนตระกูลเย่หรือ?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยกดาบใหญ่ขึ้นแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทีดุดัน
“เย่เทียนเฉิน”
คนที่เพิ่งจะลงมือเมื่อครู่นี้คือเย่เทียนเฉินนั่นเอง เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกต่อไป และจะไม่ยอมปล่อยคนที่กล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายกับตระกูลเย่จากไปอย่างปลอดภัยด้วย หากเป็นเมื่อก่อนเย่เทียนเฉินคงไม่มีความกล้าเช่นนี้ และไม่มีความสามารถเช่นนี้ด้วย แต่ตอนนี้ในเมื่อได้มาเกิดใหม่แล้ว ในเมื่อตัดสินใจว่าจะทำให้เย่เทียนเฉินผงาดขึ้นมา ต่อให้จะทำเพื่อพ่อแม่และน้องสาวของตนเย่เทียนเฉินก็จะไม่อนุญาตให้ใครมาทำร้ายตระกูลเย่แม้แต่นิดเดียว
“แกก็คือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ?” ชัดเจนเลยว่าชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าคิดไม่ถึงว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาจะเป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายไปทั่วทั้งเมืองหลวงและยังกล้าถีบนายน้อยหลีซิ่นจนกระเด็นคนนั้น
“ใครส่งพวกแกมา ตอนนี้พวกแกยังมีโอกาสพูดอยู่” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย
“หึ แกจะตายอยู่แล้วไม่มีทางได้รู้หรอก”
ฉัวะ! ชายฉกรรจ์คนนั้นฟาดฟันกระบี่ไปยังเย่เทียนเฉิน การเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงมองก็ทราบว่าเป็นคนโหดเหี้ยมที่ฆ่าคนเป็นผักปลา
เย่เทียนเฉินหลบดาบอย่างรวดเร็ว ใช้หมัดต่อยปะทะเข้าไป ชายฉกรรจ์ผู้นั้นไม่ได้หลบแต่ใช้มือซ้ายกำดาบ มือขวาซัดฝ่ามือปะทะเข้าไป
ตู้ม!
การโจมตีปะทะเข้าด้วยกัน เย่เทียนเฉินพลันต้องขมวดคิ้วด้วยความตื่นตะลึง หมัดนี้ของตนอย่างน้อยก็ใช้พลังไปห้าส่วน ทั้งยังคละเคล้าไปด้วยพลังพิเศษเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าจะใช้หมัดเดียวอัดชายฉกรรจ์คนนี้ให้กระเด็น ไหนเลยจะรู้ว่าชายฉกรรจ์คนนี้ถึงกับกล้าปะทะฝ่ามือกับตนซึ่งหน้า ทั้งยังไม่ถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว ฝ่ามือของคนคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าอยู่สามส่วน
“มีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ แต่วันนี้แกจะต้องตาย ตระกูลเย่ทั้งหมดของแกก็ต้องตาย”
“แกพูดว่าตายก็ต้องตายหรือไง? ต่อให้มัจจุราชมาเองก็ยังทำไม่ได้” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
“งั้นก็ดูกันหน่อยว่าแกจะมีความสามารถขนาดไหน!”
ฉัวะๆๆๆ!
ประกายดาบสี่สายฟาดฟันไปยังเย่เทียนเฉินพร้อมกัน เย่เทียนเฉินตื่นตะลึง ชายฉกรรจ์สวมเสื้อคลุมดำและหน้ากากเงินทั้งสี่คนนี้ดูแล้วไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ทักษะการใช้อาวุธของทั้งสี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ราวกับมีพรสวรรค์มาตั้งแต่กำเนิด แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีร่างกายกำยำล่ำสัน แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่เชื่องช้า คนทั้งสี่สร้างความกดดันให้เย่เทียนเฉินไม่น้อยเลยจริงๆ
เคร้งๆๆๆ ตู้ม…
มือทั้งสองของเย่เทียนเฉินแผ่เป็นฝ่ามือ มีประกายสายฟ้าลูุกโชน ใช้การไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าทำให้หมัดอัสนีสวรรค์กลายเป็นวิชาฝ่ามือ เพียงพริบตาเดียวก็ซัดฝ่ามือไปยังดาบใหญ่ทั้งสี่ แต่ในขณะที่ฝ่ามือซัดถูกดาบใหญ่ทั้งสี่บริเวณเอวของเขากลับถูกถีบเข้าครั้งหนึ่งจนกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ความรู้สึกคล้ายกับถูกพลังนับพันจินโจมตีเข้าที่ท้องอย่างไรอย่างนั้น
ต้องทราบว่ากายเนื้อของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก รวมกับที่เขาเป็นผู้เดินบนเส้นทางการบ่มเพาะที่ไปถึงระดับผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิแล้ว หากคนธรรมดาโจมตีเย่เทียนเฉินเกรงว่าคงไม่สามารถทำให้เย่เทียนเฉินบาดเจ็บได้เลย กลับเป็นตัวเองที่อาจจะแขนขาหักด้วยซ้ำ แต่ปีศาจสีเงินทั้งสี่คนนี้แต่ละคนถีบมาที่ท้องของเย่เทียนเฉิน ถึงกับทำให้เย่เทียนเฉินกระเด็นถอยหลังไปได้หลายก้าว ร้ายกาจมากจริงๆ
ในตอนนี้เอง ปีศาจสีเงินทั้งสี่ต่างสบตากันด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาย่อมเคยได้ยินเรื่องความร้ายกาจของเย่เทียนเฉินมาบ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ ต้องทราบว่าพวกเขาทั้งสี่คนล้วนเป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณที่มาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองหลวง ถูกเรียกขานว่าเป็นเครื่องจักรสังหาร ทั้งสี่ต่างเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธสูงส่ง แข็งแกร่งถึงขนาดอาวุธฟันแทงไม่เข้า เมื่อโจมตีไปจะมีพละกำลังนับพันจิน พูดให้ชัดเจนก็คือถ้าเป็นคนธรรมดาพวกเขาสามารถใช้การโจมตีเพียงหมัดเดียวทำให้สมองระเบิดได้เลย ส่วนเย่เทียนเฉินถูกเตะไปครั้งหนึ่งแต่กลับไม่เป็นอะไร เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าวเท่านั้น นับเป็นคนแรกที่ทำได้ถึงขนาดนี้
“อย่าเสียเวลาอีกเลย ใช้กําปั้นเหล็กผสานการโจมตีกันเถอะ ฆ่าไอ้หนูนี่ซะแล้วค่อยฆ่าคนตระกูลเย่คนอื่นๆ” ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวอย่างหนักแน่น
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ปีศาจสีเงินทั้งสี่พลันล้อมเย่เทียนเฉินไว้ตรงกลาง ทั้งสี่กำหมัดทั้งสองข้างของพวกเขา กำแน่นจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ การกำหมัดง่ายๆ เช่นนี้กลับทำให้อากาศเกิดการปะทุขึ้นมา เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง คนทั้งสี่มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ดูผิวเผินตัวใหญ่ทึมทื่อทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาโง่งม แต่ความจริงความสามารถแข็งแกร่งมาก ถ้าเป็นคนธรรมดาคงมองไม่ออก แต่หากมียอดฝีมืออยู่ที่นี่จะต้องตื่นตะลึงครั้งใหญ่เป็นแน่ ความสามารถของสี่คนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคล็ดวิชาสังหารที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่างพวกเขายิ่งทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึง
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังเวทีไม่มีความคิดที่จะจากไปแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างมองไปบนเวทีด้วยความสนอกสนใจ เย่เทียนเฉินถูกชายฉกรรจ์สวมหน้ากากทั้งสี่คนล้อมเอาไว้ เริ่มต่อสู้กันขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อคำพูดของเย่เทียนเฉินที่ว่านี่เป็นเพียงการแสดงหรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ยังอยากดูจนจบ
ตอนนี้เอง ในมุมหนึ่งของบ้านเดิมตระกูลเย่มีชายสวมสูทสีเงินคนหนึ่งกำลังมองไปที่เย่เทียนเฉินซึ่งอยู่ไกลออกไปด้วยสายตาโหดเหี้ยม ข้างกายของเขายังมีผู้หญิงคนหนึ่งสลบอยู่ เธอเพิ่งถูกเขาตีจนสลบ ผู้ชายคนนี้ก็คือหลีซิ่นนั่นเอง
“พี่น้องปีศาจสีเงินทั้งสี่เคยเป็นเครื่องจักรสังหาร ในหมู่พรรควรยุทธโบราณไม่ว่าใครได้ยินชื่อพวกเขาต่างก็กลัวจนหัวหด ก่อนหน้านี้สี่คนนี้ฆ่าคนไปสองพันกว่าคนในเวลาเพียงชั่วลมหายใจ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเรียกได้ว่าอาวุธฟันแทงไม่เข้า แม้แต่ลูกปืนก็ยิงไม่เข้า ไม่มีใครทำอะไรได้ เย่เทียนเฉิน ฉันจะรอดูว่าครั้งนี้แกยังจะรอดไปได้หรือเปล่า” หลีซิ่นพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงดุดัน ถ้าหากด่าออกมาได้ไม่รู้ว่าเขาจะด่าออกมามากขนาดไหน
สี่พี่น้องปีศาจสีเงิน ก่อนหน้านี้เป็นลูกศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณ เป็นศิษย์สายในของพรรคที่ใช้ปราณแข็ง เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกเขาเป็นพวกอารมณ์แปรปรวนตั้งแต่เกิด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพละกำลังมากมาย มีความกระหายเลือดอยู่มาก หลังจากฝึกลมปราณจนมีร่างกายที่อาวุธฟันแทงไม่เข้าก็เริ่มเปิดฉากสังหาร เริ่มด้วยกันฆ่าอาจารย์ของพวกเขา จากนั้นจึงฆ่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขาจนหมดแล้วจึงเดินทางเข้ามาที่เมืองหลวง เสพสุขกับโลกศิวิไล
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าสี่พี่น้องที่ดูผิวเผินเหมือนชายฉกรรจ์ทึมทื่อจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ เมื่อปีนั้นโลกของวรยุทธโบราณเกิดการฆ่าฟันครั้งใหญ่ ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ ปราณแข็งของพวกเขาก็ไม่มีวิธีสกัดกั้น ไม่สามารถทำลายได้เลย ทำให้ยอดฝีมือหลายคนถูกพวกเขาฆ่าสังหาร พระอาจารย์ฟางเจิ้งแห่งวัดเส้าหลินจึงออกมาลงมือเพราะคิดถึงคนทั่วไป ใช้ฝ่ามือพันกรที่แข็งแกร่งห้าวหาญที่สุดในพรรคต่อสู้กับสี่พี่น้องจนต้องหนีออกจากโลกวรยุทธโบราณ แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ เห็นได้ว่าพลังลมปราณของพวกเขาทั้งสี่ร้ายกาจขนาดไหน นับว่ามีร่างกายดั่งเหล็กกล้าเลยทีเดียว
หลีซิ่นพบกับสี่พี่น้องปีศาจสีเงินด้วยความบังเอิญและต้องการดึงมาเป็นพวกทันทีโดยเสนอค่าตอบแทนปีละสี่ร้อยล้านเพื่อให้สีพี่น้องปีศาจสีเงินมาเป็นบอดี้การ์ดของเขา เขาจะได้หาเรื่องได้ทุกที่
ตู้มๆๆ …
เย่เทียนเฉินถูกสี่พี่น้องปีศาจสีเงินล้อมเอาไว้ เขาย่อมสัมผัสได้ว่าคนทั้งสี่ที่ดูเหมือนชายฉกรรจ์ธรรมดาร้ายกาจขนาดไหน สี่คนนี้มีพละกำลังมหาศาล เพียงฝ่ามือเดียวก็มีพลังนับพันจินแล้ว ในขณะเดียวกันก็มีปราณแข็งอยู่ทั้งร่าง ดูเหมือนจะไม่สามารถทำลายได้ คล้ายกับคนเหล็กอย่างไรอย่างนั้น หมัดเดียวของพวกเขาก็ทำให้คุณทนไม่ได้แล้ว ถ้าคุณต่อยไปก็จะรู้สึกเหมือนต่อยไปบนเหล็กกล้าอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจขนาดไหนก็ยังรับมือได้ยาก
เย่เทียนเฉินหลบไปพลางโจมตีด้วยความรวดเร็วไปพลาง เขาพบว่าทุกหมัดและฝ่ามือของเขาที่ซัดลงบนร่างกายของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินจะทำให้เขารู้สึกราวกับมือของตนปะทะเข้ากับภูเขาใหญ่อย่างไรอย่างนั้น แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่สามารถทำลายได้โดยสิ้นเชิง คนที่ฝึกร่างกายจนมาถึงขั้นนี้ได้นับว่าหาได้ยากจริงๆ
พลั่ก!
สี่พี่น้องปีศาจสีเงินเองก็รู้สึกรับมือได้ยากเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาสี่คนร่วมมือกันแล้วจะไม่สามารถสังหารเย่เทียนเฉินได้อีก แม้พวกเขาจะโจมตีออกไปมากขนาดไหน แต่ละหมัดก็มีพละกำลังนับพันจิน ถ้าเป็นยอดฝีมือระดับสูงโดนเข้าไปก็สามารถถูกซัดตายได้เลยทีเดียว แต่เย่เทียนเฉินกลับปะทะซึ่งหน้า ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ
“โล่ทองคำ!”
ในเวลาเพียงชั่วพริบตาบริเวณซ้ายขวาหน้าหลังของเย่เทียนเฉินก็มีกำแพงสีทองปรากฏขึ้น สี่พี่น้องปีศาจสีเงินชะงักไป กัดฟันใช้พลังทั้งหมดโจมตีปะทะเข้าไป คิดจะทำลายการป้องกันของเย่เทียนเฉินให้แหลกเป็นผุยผง
เคร้ง…เสียงสี่เสียงดังสนั่นทำให้บ้านเดิมตระกูลเย่ทั้งหมดสั่นสะเทือน แต่สี่พี่น้องปีศาจสีเงินก็ยังไม่สามารถทำลายโล่ทองคำนี้ได้ พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ถึงพวกเขาจะใช้ปราณแข็งและพละกำลังอันมหาศาลเข้าต่อสู้แล้วก็ยังไม่เพียงพอที่จะสังหารเย่เทียนเฉินที่มีการป้องกันแข็งแกร่งนี้ได้
ฉูดๆๆๆ!
เลือดสดๆ สี่สายพุ่งกระฉูด ในตอนที่สี่พี่น้องปีศาจสีเงินเข้าปะทะโล่ทองคำนั้นเอง เย่เทียนเฉินก็เรียกกระบี่ไท่อาออกมา ประกายกระบี่สี่สายส่องสว่าง บริเวณหน้าอกของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินถูกฟันไปคนละครั้ง ต่อให้ปราณแข็งของพวกเขาจะร้ายกาจขนาดไหนก็ไม่สามารถขัดขวางพลังแห่งเดชานุภาพของกระบี่ไท่อาได้ ต่างถูกฟันกันทั้งสิ้น
“แก…” ปีศาจสีเงินผู้เป็นหัวหน้ามองไปยังหน้าอกของตนที่มีเลือดไหลออกมา สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พูดอะไรไม่ออก
“ปราณแข็งของพวกแกยังอ่อนไปนะ” เย่เทียนเฉินพูดเสียงเย็น
“งั้นพวกเราจะลากแกไปตายเป็นเพื่อน…ฝ่ามือเทพทรายเหล็ก!”
ชั่วพริบตาเดียว ปีศาจสีเงินผู้เป็นหัวหน้าตะโกนออกมา ปีศาจสีเงินอีกสามคนก็พุ่งทะยานไปอยู่เบื้องหลังปีศาจสีเงินผู้เป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็ว เข้าแถวเรียงหนึ่ง ใช้ฝ่ามือทั้งสองประกบลงไปที่หลังของคนข้างหน้า ขณะนั้นบนเวทีเกิดระเบิดขึ้นมาจนถล่ม หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินขวางอยู่ด้านหน้า เมื่อพลังอันรุนแรงทั้งสี่สายระเบิดขึ้นมาเกรงว่าบ้านเดิมตระกูลเย่ทั้งหมดคงราบเป็นหน้ากลองแล้ว
เย่เทียนเฉินตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินจะใช้วิธีการแข็งกร้าวเช่นนี้ ทันใดนั้นจึงรีบเก็บกระบี่ไท่อาเข้ามาในร่างกาย กระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิของตนออกมาในพริบตา ฝ่ามือทั้งสองมีพลังสายฟ้าพลุ่งพล่าน แปรเปลี่ยนจากหมัดอัสนีสวรรค์เป็นฝ่ามืออัสนีสวรรค์ โจมตีไปยังปีศาจสีเงินผู้เป็นหัวหน้า
พลั่ก!
พลั่ก!
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน เย่เทียนเฉินถูกโจมตีจนรู้สึกราวจะกระเด็นออกไป ลมหายใจและโลหิตทั้งร่างแทบไหลย้อน เขาใช้พลังของคนเพียงคนเดียวต่อต้านการโจมตีสุดกำลังของสี่พี่น้องปีศาจสีเงิน ความกดดันทั้งหมดหล่นทับอยู่บนร่างของเขาเพียงคนเดียว ถ้าหากเขาผ่อนคลายหรือหลบเลี่ยง บ้านเดิมตระกูลเย่ทั้งหมดคงถูกทำลาย ทุกคนที่อยู่ที่นี่คงตายจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ในตอนนี้เองคนที่อยู่ล่างเวทีต่างมองภาพนี้ด้วยอาการปากอ้าตาค้าง พวกเขารู้สึกถึงความอันตรายได้ตามสัญชาตญาณ แน่นอนว่าพวกเขามองไม่เห็นลมปราณอันรุนแรงบ้าคลั่งเช่นนี้ หลายคนเริ่มถอยออกไป คนบางส่วนมีสายตาเชื่อมั่น คิดว่านี่เป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งทั้งหมดต่างสูดหายใจเย็นยะเยือก บนร่างของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินมีไอสังหารปะทุออกมา ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงจริงๆ