เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 155-156
ตอนที่ 155 สามสิบนาทีก่อน
สามสิบนาทีก่อนหน้านี้เมื่อมาถึงยังโพรงกระรอกหลินหยางส่งคนออกไปทุกทิศทางเพื่อตามหาเบาะแสร่องรอยของทีมจู่โจมและเหล่าเวรยามที่หายไปจนเวลาผ่านไปยังมิมีผู้ใดกลับมาส่งข่าว
จนกระทั่งกลุ่มของฉือเทียนเดินทางมาถึงจึงได้ส่งคนออกไปอีกครานั่นคือเจียวซิ่นและผู้ติดตามอีกสองคน พวกเขาทั้งสามล้วนเป็นมนุษย์หมาป่าที่อยู่ในทีมระยะใกล้มาอย่างยาวนานระดับจึงสูงกว่าทีมจู่โจม ค่าสถานะล้วนเน้นไปที่ความเร็ว
เมื่อได้รับคำสั่งจากหลินหยาง เจียวซิ่นและพวกแยกตัวออกไปทำทีหลอกล่อกลับไปที่เมืองของตนเพื่อมิให้มันผิดสังเกตุ แต่เมื่อพ้นสายตาของพวกมันเขาจึงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงแกะรอยกลับไปยังเมืองของฉือเทียน
มนุษย์หมาป่าหนุ่มทั้งสามพุ่งตรงไปยังเมืองของฉือเทียนอย่างมิหยุดพัก การแกะรอยเป็นไปอย่างง่ายดายเนื่องจากขบวนทัพของฉือเทียนที่มีคนกว่าสองร้อยคนไม่ว่าจะเดินทางผ่านไปยังหนแห่งใดผืนหญ้าที่พวกมันเหยียบย่ำก็ทรุดลงเป็นรอยเท้า
พวกเขาใช้เวลาในการหาเมืองของฉือเทียนเพียงห้านาทีเท่านั้นก็เจอจุดหมายปลายทาง เมืองตรงหน้าเป็นเมืองมนุษย์ธรรมดามิได้แต่งเสริมเติมแต่งใดๆ
มีเวรยามประจำเมืองยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าเมืองสองคนร่างกายพวกมันแก่ชราอายุขัยไม่ต่ำกว่าหกสิบถือหอกแนบกายยืนหาววอดอยู่
มนุษย์หมาป่าทั้งสามมิบุ่มบ่ามบุกเข้าไปดื้อๆเนื่องจากมิทราบจำนวนของศัตรูภายใน พวกเขาเดินห่างไปไกลอ้อมไปยังหลังเมืองที่เป็นจุดอับสายตาและมิมีเวรยามคอยเฝ้าอยู่ ค่อยๆย่องเท้าเข้าหาอย่างเชื่องช้า
เมื่อถึงยังที่หมายพวกเขา เข้าประชิดกำแพงเมืองแนบตัวติดและต่อตัวปีนขึ้นไปเพื่อยืนยันเป้าหมายเนื่องจากเป็นกำแพงเมืองตามธรรมชาติที่เป็นเพียงต้นไม้เรียงกันเป็นแนวเท่านั้นจึงมิใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา
เมื่อพ้นแนวกำแพงจึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายในเมืองอย่างถนัดถัดถี่ ในสายตาเจียวซิ่นบัดนี้มันมองเห็นชายที่มีผมสีขาวแทรกกลบผมสีดำบนศรีษะไม่ต่ำกว่าแปดคนภายในเมืองยืนล้อมกลุ่มคนที่ถูกมัดแขนขาแม้กระทั่งปากของพวกเขาก็ถูกเศษผ้ามัดพันธนาการเอาไว้
มิสามารถพูดคุย ขยับเขยื้อนใดๆได้ ร่างกายของคนกลุ่มนี้บ้างนั่ง บ้างนอนเกลื่อนกันอยู่บนผืนหญ้า ตามใบหน้าร่างกายล้วนมีบาดแผลฟกช้ำดำเขียว บ้างมีแผลปริแตกเลือดไหลออกเป็นทาง
เมื่อเจียวซิ่นเห็นดังนั้นเขาโกรธแค้นจนควันออกหูเส้นเลือดปูดโปนดวงตาแดงก่ำคล้ายกับจะร้องไห้ เพราะคนที่ร่างกายฟกช้ำมีบาดแผลตามตัวเหล่านี้คือคนที่มันคุ้ยเคยเป็นอย่างดี นี่คือเหล่าเวรยาม และเผ่าพันธุ์พวกพ้องพี่น้องสายเลือดเดียวกับมัน เหล่ามนุษย์หมาป่าทีมจู่โจม!!
ปั่กก~
ตุบบ~
กลุ่มคนที่ยืนล้อมพวกมันยังคงทุบตีเหล่ามนุษย์หมาป่าอย่างโหดเหี้ยม บางตนถูกเตะต่อยจนสงบเลือดไหลอาบ หากถูกซ้อมอย่างต่อเนื่องเช่นนี้พวกเขาคงยื้อชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน
เขารีบปีนกลับลงอย่างรวดเร็วเพื่อสงบสติอารมณ์มิให้ระเบิดออก
เจียวซิ่นพยักหน้าเป็นสัญญาณ การกระทำเหล่านี้มิได้ส่งเสียงใดๆออกมาแม้แต่น้อย
มนุษย์หมาป่าทั้งสามปีนขึ้นไปพร้อมกันทันที เมื่อพ้นกำแพงเมืองพวกเขาทิ้งตัวลงอย่างบางเบาพุ่งเข้าใส่คนคุมที่แก่ชรายืนพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
ฉึก!
อั่กก!
จู่ๆก็มีดาบแทงจนทะลุร่างกายของมันปลายดาบโผล่ออกมาตรงหน้าอก ชายชราผู้ตกเป็นเป้าหมายมองปลายดาบที่ทิ่มแทงทะลุออกมาจากอกของตนพลางทรุดตัวลงกับพื้นพ่นเลือดกองโตออกมา
“เห้ย” ชายผมขาวที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเมื่อครู่ ตกใจกับเหตุการที่เกิดขึ้นกระทั่งร่างสหายของมันล้มลงจึงเห็นผู้ที่ลงมือปลิดชีวิต นั่นคือเจียวซิ่นและมนุษย์หมาป่าอีกสองตนนั่นเอง เขาดึงดาบที่ปักอยู่คาร่างไร้วิญญาณของชายแก่ออกมามิพูดพร่ำทำเพลงพุ่งเข้าใส่ศัตรูตรงหน้ามิให้พวกมันได้ทันตั้งตัว
ชายชราที่เหลือมีหรือจะสามารถต่อต้านได้ สุดท้ายพวกมันเหล่านี้ล้วนตกตายภายใต้ความโกรธแค้นของมนุษย์หมาป่าทั้งสามที่ยังคงกระหายเลือด!
ตอนที่ 156 สมรภูมิ(ตอนแรก)
ปัจจุบัน
“เห้ยพวกแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คนของฉือเทียนตะโกนโหวกเหวกอย่างตกใจขวัญเสีย เพราะเจียวฮั่นถูกจับกุมมัดแขนขาจนมิสามารถขยับเขยื้อนได้อยู่ที่เมืองของมัน พร้อมกับมีผู้คนคอยคุมพวกมันอยู่กว่าสิบคน แม้จะมีเพียงสิบคนแต่สำหรับคนสี่สิบคนที่ถูกมัดมือเท้ามิสามารถเคลื่อนไหวต่อต้านได้เช่นนี้ก็ไม่ต่างจากกระสอบทราย
แต่ตอนนี้เจียวฮั่นที่ควรอยู่ที่เมืองกับยืนตะหง่านอยู่ต่อหน้ามัน จะมิให้มันตื่นตกใจได้เช่นใด
ข้างตัวเจียวฮั่น มีมนุษย์หมาป่าคนหนึ่งที่มันเคารพรักดั่งพี่ชายของตนยืนอยู่นั่นคือเจียวซิ่นนั่นเอง
“พี่หยางทุกคนปลอดภัยดีครับ” เจียวซิ่นตะโกนจากที่ห่างไกล
หลินหยางมองไปยังพวกเขาเมื่อเห็นคนของเขาทุกคนปลอดภัยจึงโล่งใจลงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสภาพร่างกายของพวกเขาทำให้อารมณ์ความโกรธแค้นปะทุขึ้นมา
ทีมจู่โจมและเวรยามชุดก่อนคงไม่สามารถเข้าร่วมสมภูมิสนามรบครานี้ได้ เพราะร่างกายพวกเขามีแต่รอยฟกช้ำบางคนถึงขั้นมีแผลปริแตกตามร่างกายเลือดไหลอาบเสื้อผ้า ดูท่าพวกเขาจะผ่านวันคืนอันโหดร้ายมาอย่างยากลำบาก
หลินหยางโบกมือให้สัญญาณแก่เจียวซิ่น เพื่อนำพาพวกเขาไปยังที่ปลอดภัยออกห่างจากสนามรบที่กำลังจะปะทุ
เจียวซิ่นเมื่อได้รับสัญญาณมันจึงพาพักพวกที่โชคร้ายถูกจับเป็นเชลยเหล่านี้ถอยห่างออกไปห่างไกลจากสายตา เจียวซิ่นคือผู้ที่ไปช่วยพวกเขาออกมาจากเมืองของฉือเทียนนั่นเอง
เขาได้รับคำสั่งจากหลินหยางนำคนแยกตัวออกไปเพื่อตามหาเมืองต้องสงสัย มันจึงย้อนรอยเส้นทางเดินสวนแกะรอยไปยังเมืองต้นตอ และเข้าไปช่วยพักพวกออกมาจากเงื้อมมือมนุษย์ที่โหดร้ายทารุณทุบตีร่างกายพักพวกของมันได้สำเร็จ
แม้จะมีเวรยามเฝ้าคุ้มกันเมืองฉือเทียนเอาไว้กว่าสิบคน แต่พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนชราไม้ใกล้ฝั่งพวกเขาคงไม่มีกำลังมากพอจะเดินทางร่วมรบกับคนหนุ่มสาวได้จึงถูกทิ้งเอาไว้เพื่อคุมเชลยที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายไร้หนทางต่อต้านนี้
เจียวซิ่นเมื่อพาพักพวกที่บาดเจ็บเหล่านี้ออกมานอกระยะจนเห็นว่าปลอดภัยสำหรับพวกเขา มันจึงวิ่งมุ่งตรงเข้าไปเสริมในขบวนทัพของหลินหยาง
ด้วยใบหน้าโกรธแค้นกระหายเลือด เพราะเมื่อเห็นสารรูปของพวกพ้องไม่ว่าจะมนุษย์หมาป่าหรือมนุษย์ บนร่างกายล้วนแต่มีรอยฟกช้ำเลือดไหลจากบาดแผล แม้แต่เจียวฮั่นที่มันนับถือดั่งน้องชายของตนบนใบหน้าของมันบวมเป่ง หนังตาปิดไปหนึ่งข้าง มิทราบพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด
“หึ่ม พวกแกคิดว่าจะสู้พวกข้าได้หรอ” ฉือเทียนแม้จะเสียเชลยที่ใช้ข่มขู่หลินหยางไปมันก็ยังมิได้เปลี่ยนแปรงเจตจำนงของตน ในสายตาของมันมองกองกำลังเล็กๆของหลินหยางเป็นเพียงหนูที่หาญกล้ามีใจแต่มีหรือจะสู้กับกองทัพของมันได้
หลินหยางมิได้ตอบกลับอันใด
“ยิงธนู” ฉือเทียนออกคำสั่งด้วยความโกรธแค้น
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งมีชายฉกรรจ์กว่าสามสิบคนถืออาวุธระยะไกลภายในมือ ทั้งหน้าไม้และธนูพร้อมกับคันศรเล็งมาที่กองกำลังของหลินหยางและยิงโจมตีออกไปอย่างพร้อมเพรียง
ฟุ่บ~
ฟุ่บบ~
“ป้องกัน” หลินหยางให้สัญญาณทันทีเมื่อเห็นลูกศรพุ่งเข้ามาเพื่อโจมตีพวกเขา ทันใดนั้นเองก็มีโล่ไม้ขึ้นมาปกคลุมช่องว่างด้านบนที่เปิดโล่งบัดนี้ถูกปิดกั้นจนมิดชิด!