เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 21-22
ตอนที่ 21 กบพิษ(ตอนปลาย)
การจู่โจมกระทันหันของกบยักษ์ ทำให้ผู้คนตกอยู่ในความแตกตื่น
“กระจายตัวออกไป อย่าให้มันเข้าใกล้ในระยะร้อยเมตร ระวังลิ้นของมันไว้” หลินหยางตะโกน
พวกเขาจึงได้สติ และรีบถอยห่าง
ฉึก!!
“อ้ากกก” มีเอลฟ์ตนนึงถูกลิ้นของกบพุ่งโจมตีบริเวณหัวไหล่ ร่างกายซีกขวาของเขาหายไปทั้งซีกราวกับไม่เคยมีอยู่และเสียชีวิตทันที
“ถ-ถอยออกนอกระยะเร็ว” หลินหยางตะโกนเร่ง
เจ้ากบยักษ์หดลิ้นกลับ พร้อมกับซากร่างกายซีกขวาของเอลฟ์ผู้เคราะห์ร้ายติดอยู่ที่ปลายลิ้นของมัน
กร๊วบ!!
เสียงมันกัดกินชิ้นส่วน เมื่อได้ยินก็ขนลุก น่ากลัว เสียจริงๆมันกำลังเคี้ยว’อาหาร’ภายในปาก พลางมองฝูงชนวิ่งถอยหนีจากมัน มิได้ไล่ตาม ราวกับมองดูแมลงตัวเล็กๆที่ดิ้นรนมีชีวิตรอด
“อย่าเข้าใกล้เว้นระยะห่างไว้ ทีมระยะใกล้ล่อมันไว้ เอลฟ์ใช้ธนูโจมตีคอยสะกัดการเคลื่อนไหวของมัน” หลินหยางตะโกน พลางวิ่งเข้าไปด้านหลังของกบ พร้อมใช้ทักษะหลอมไฟเตรียมโจมตี
แต่อนิจจา เมื่อเข้าใกล้ระยะสิบเมตรเจ้ากบยักษ์กลับหันมาทางเขา จึงต้องถอยล่นกลับพร้อมกับหลบการโจมตีจากลิ้นของมัน
“เอลฟ์ เล็งการโจมตีไปที่ดวงตาของมัน” หลินหยางตะโกน
จากที่ฟังดังนั้น เหล่าเอลฟ์จึงระดมยิง ไปที่ดวงตาของกบยักษ์ อย่างพร้อมเพรียง ด้วยความโกรธแค้น ที่มันได้คร่าชีวิตพักพวกของเขา
เนื่องจากการถูกโจมตีไม่ขาดสาย แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่หากตามันถูกโจมตี โลกของมันคงมืดบอด มันจึงหลับตาและยกแขนสั้นของมันขึ้นมาป้องกัน หลินหยางเมื่อเห็นโอกาศ เขาวิ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้งพร้อมทักษะหลอมไฟฟันเข้าไปสุดแรงที่ขาของมัน
ฉึบบบ!!
ก๊าซซซ
มันร้องด้วยความเจ็บปวด ขาของมันถูกฟันจนเกือบขาด ตอนนี้มันไม่สามารถหนีได้แล้ว
‘ฮึ่ม’ หลินหยางเค้นเสียง กระโดดไปข้างหลังของมันเขาใช้มุมอับสายตาของมันให้เป็นประโยชน์ และอ้อมไปฟันขาอีกข้างของมัน
ฉัววว!!
ก๊าซซซ~
ตึงง~
กบยักล้มลงพร้อมเสียงร้องโหยหวน
หลินหยางเห็นดังนั้นจึงพุ่งเข้าไปฟันที่ลำตัวของมัน เขาฟันเข้าไปหลายทีแต่กบยักษ์ก็ยังมิสิ้นฤทธิ์พยายามใช้ขาของมันปัดป้องและโจมตีกลับสุ่มๆ
ไม่นานลูกธนูก็หมด เมื่อมันไม่ต้องพะวงจากลูกธนูที่โจมตีดวงตามัน มันจึงโจมตีหลินหยางได้อย่างเต็มที่
แพล่บ~~
เสียงลิ้นของมันที่หวังจะปลิดชีวิตหลินหยาง แต่ก็มิสำเร็จหลินหยางรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว เห็นดังนั้นกบยักษ์จึงหยุดโจมตี แล้วมองรอบๆตอนนี้มันนอนหมดสภาพอยู่กลางวงล้อมศัตรู
ตอนนั้นเอง มันบ้วนน้ำลายออกมาจากปากขนาดเท่ากำปั้น พุ่งเข้าใส่เอลฟ์ตนนึงที่ใช้ธนูยิงใส่มันเมื่อครู่ เอลฟ์ตนนั้นเห็นจึงตกใจและหลบ แต่ก็โดนน้ำลายของมันเฉี่ยวแขนของเขาไปถูกพื้นหญ้าด้านหลังแทน
ฟู่~~
พื้นหญ้าที่ถูกน้ำลายกบตกใส่ หญ้าค่อยๆละลาย ผืนดินเปลี่ยนเป็นสีดำ
“ทุกคนเพิ่มระยะห่างอีก” หลินหยางตกใจ ตะโกนบอกพลางถอยห่างหลังจากเห็นมันยังโจมตีได้อยู่
เมื่ออยู่ห่างจากมันราวสองร้อยเมตรเขาจึงผ่อนคลายและนั่งพักลงอย่างเหนื่อยหอบ เนื่องจากเขาต้องสู้มาเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็มืดแล้ว เมื่อเห็นว่ากบยักษ์มิสามารถหนีได้อีกต่อไปจึงผ่อนคลายลงบ้าง
“อั่ก” จู่ๆเอลฟ์ตนที่ถูกน้ำลายกบยักษ์ โจมตี กระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดขาว
หลินหยางตกใจ เขาเห็นว่าเอลฟ์ต้นนี้หลบพ้นการโจมตี เพียงแค่โดนเฉียดเท่านั้น เหตุใดจึงกระอักเลือดกองโต
“คุณเป็นอะไรไหม” เขากล่าวพลางเข้าไปดูอาการของมัน
หลังสิ้นคำถามเอลฟ์ตนนั้นทิ้งตัวนอนแผ่หงายลงไปบนพื้น
“เขาตายแล้ว” หลินหยางขมวดคิ้ว เอลฟ์น้ำลายฟูมปาก
“พิษ!! มีใครถูกน้ำลายของมันอีกบ้าง”
“ไม่ มีเพียงแต่เขาเท่านั้น” เหล่าเอลฟ์ตอบด้วยใบหน้าเศร้า พวกเขาเสียพวกพ้องไปถึงสองตนแล้ว
“เจ้ากบนี่ ช่างน่ากลัวเสียจริง” ทีมระยะใกล้กล่าวด้วยใบหน้าหวาดกลัว หากถูกมันโจมตีพวกเขาคงมีสภาพเดียวกับเอลฟ์เคราะห์ร้ายทั้งสองรายเป็นแน่
หลังจากนั่งเฝ้าเจ้ากบยักษ์ที่นอนแน่นิ่ง จากที่เห็นพิษของมันแล้วหลินหยางก็มิกล้าเข้าไป
แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องฆ่ามันให้ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีน้ำดื่ม กินและตกตายไปจากการขาดน้ำในที่สุด
หลินหยางนั่งพักพลางมองกบยักษ์มาสองชั่วโมงแล้ว ยังคิดแผนเข้าไปปลิดชีวิตมันมิได้ ธนูก็หมด การโจมตีระยะไกลก็ไร้ผล ทว่าทันใดนั้นเองก็มีเสียงใสดังขึ้น
‘คุณฆ่ากบพิษ ระดับ 10 หนึ่งตัว’
‘ยินดีด้วยคุณเลื่อนระดับถึง 7 สำเร็จแล้ว ได้รับแต้มค่าสถานะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด’
‘ยินดีด้วยคุณเลื่อนระดับถึง 8 สำเร็จแล้ว ได้รับแต้มค่าสถานะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด’
ตอนที่ 22 ความสงบ
หลินหยางโล่งใจที่มันตกตายไปเอง เพราะเขาก็ยังไม่มีแผนและจะฆ่ามันยังไง สาเหตุการตายคาดว่ามันคงเสียเลือดมากเกินไป
‘เพิ่มค่าสถานะความเร็ว 0.2 เสร็จสิ้น’
‘ทักษะราชสีห์คำรามระดับ 1 ได้รับการเลื่อนขั้น 5/10 เรียบร้อยแล้ว’
‘ค่าสถานะ’ หลินหยางคิดแล้วมันก็ปรากฏขึ้นมา
ชื่อ หลินหยาง เผ่า มนุษย์
ระดับ 8
สถานะ
พลัง 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1.7
วิญญาณ 1
ค่าสถานะที่เพิ่มได้ —
ทักษะ หลอมไฟ ระดับ 1 5/10
ดวงตาเหยี่ยว ระดับ 3 3/10
ค่าทักษะที่เพิ่มได้ —
หลินหยางเพิ่มสถานะความเร็วทั้งหมด หากในตอนนี้เขาต้องสู้กับกบยักษ์อีกครั้ง เขามั่นใจว่าจะหลบการโจมตีของมันได้ไม่ยากเย็นดังเก่า
เขาเดินเข้าไปดูซากกบยักษ์ เลือดของมันไหลนองพื้นไม่น้อยเลยทีเดียว ข้างศพของมันมีเพียงเหรียญเงินกองอยู่ร่วมหนึ่งร้อยเหรียญ
เขาจึงแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม เขาผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีหนังสือทักษะออกมา
‘เจ้ากบตัวนี้คงจะกินไม่ได้ เพราะพิษของมัน’ หลินหยางคิด แต่เลือดของมันน่าจะใช้เป็นอาวุธได้
หลังจากเก็บหอกและลูกศรที่ปักอยู่บนร่างของกบแล้ว หลินหยางให้คนของเขาเอาถังมาตวงเลือดของกบ ซึ่งสามารถกักเก็บเลือดของมันได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเพราะเลือดของมันมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง พวกเขาคงต้องศึกษากันอีกทีเกี่ยวกับการเก็บรักษาเลือดพิษนี้
“ทุกคน ทำได้ดีมาก” เขายิ้มผ่อนคลายกล่าวออกไปและเดินไปแสดงความเสียใจกับเหล่าเอลฟ์ผู้ที่ได้รับการสูญเสียไปถึงสองตน ตอนนี้จำนวนเอลฟ์ภายในหมู่บ้านคงจะลดเหลือสี่สิบแปดตน
จากการต่อสู้ครั้งนี้ มีเอลฟ์สิบสามคนเลื่อนเป็นระดับ 2 และห้าคนเลื่อนเป็นระดับ 3
ส่วนทีมระยะใกล้ของเขานั้นมีเพียงสี่คนที่เลื่อนเป็นระดับ 3 คนที่เหลือยังคงอยู่ที่ระดับ 2 เช่นเดิมเนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้มากนัก
การต่อสู้ครั้งนี้นับว่าเอลฟ์ได้ผลประโยชน์อย่างคุ้มค่าทีเดียว แต่พวกเขาก็ต้องสังเวยเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ไปถึงสองตน
หลังจากการล่ำลา ก็แยกกันเดินทางกลับเมืองของตน
ภายในเมือง
“ตั้งแต่พรุ้งนี้ พวกเราไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำอีกต่อไป” หลินหยางกล่าวกับฝูงชน
“ทีมก่อสร้างให้แบ่งคนครึ่งนึงสลับกันออกไปตักน้ำและหาปลาทุกวันตอนเช้า จะมีทีมระยะใกล้สี่คนคอยคุ้มกัน เริ่มตั้งแต่วันพรุ้งนี้” เขากล่าว
“ครับพี่หยาง” ผู้คนตอบอย่างพร้อมเพรียง เมื่อทราบว่าพวกเขาจะไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารและน้ำไปอีกนาน พวกเขาก็ผ่อนคลาย
หลินหยางปลีกตัวมาพักผ่อน วันนี้เขาใช้ทั้งแรงกายและแรงใจจนเกือบหมด การต่อสู้กับกบยักษ์บาดแผลกว่าแปดในสิบที่ปลิดชีวิตมันนั้นมาจากเขา
เขาหลับสนิททีเดียว โดยมีเหมยเหมยนอนอยู่เคียงข้างเหมือนทุกคืน
ช่วงเช้ามืดเนื่องจากไม่มีอะไรต้องกังวลหลินหยางตื่นมาด้วยความสดชื่น เห็นเหมยเหมยนอนขดอยู่ข้างตัวราวกับแมวน้อยขี้เซา เขาลุกขึ้นเดินรอบๆเมืองที่ยังไม่มีใครตื่น เขาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์พลางมองการก่อสร้างกำแพงเมือง
ตอนนี้เสร็จสิ้นไปกว่าหนึ่งส่วนสี่แล้ว
เขานั่งอยู่คนกำแพงเมืองที่ดูแข็งแรง มองดูท้องฟ้าและพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น
“ตากับยายจะเป็นยังไงบ้างนะ” เขาพูดพลางคิดถึงใบหน้าของครอบครัวที่เหลืออยู่
“พี่หยาง มากินข้าวกัน” หลังจากเขานั่งคิดเพลินๆก็มีเสียงมาขัดจังหวะจากซิ่นก้งนั้นเอง
บัดนี้แสงแดดยามเช้าได้ปลุกทุกคนตื่นจากการหลับไหล
“อืม” หลินหยางยิ้มตอบ มองดูผู้คนภายในเมืองนั่งล้อมวงพูดคุยกันสนุกสนาน ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นยิ่งนัก
ช่วงสายหลินหยางเข้าร่วมฝึกซ้อมการยิงธนู โดยมีครูฝึกเหมยเหมยเป็นผู้สอนดูเธอจะร่าเริงกว่าปกติ
จากการต่อสู้กับกบยักษ์ เพราะเขายิงธนูไม่เป็นจำใจต้องใช้เพียงหอก หากเขายิงธนูเป็นการต่อสู้คงไม่ยากเย็นดังวันวาน
ทีมก่อสร้างที่ออกไปเอาน้ำและจับปลา กลับมาถึงเมืองหาปลามาได้เต็มกระบุงเลยทีเดียวพวกเขายิ้มด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ ราวกับได้ชัยชนะจากสงคราม