เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 217-218
ตอนที่ 217 กระจก
‘!?’ หลินหยางตกใจพลางมองไปยังรอบๆ
“เสียงอะไรน่ะ” เจียวซิ่นกระซิบถามบางเบา
หลินหยางส่ายหัวเขาเองก็มิทราบเช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆเขาก็ยังหาต้นตอของเสียงมิพบ
พวกเขาทั้งสองเพิ่มความระมัดระวังพลางมองดูรอบๆอย่างสงสัยเสาะหาต้นเสียง แต่ทว่าสิ่งที่มองเห็นก็มีเพียงผนังถ้ำและเพดานเท่านั้นพวกเขามิพบสิ่งใดที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
เมื่ออยู่ต่อไปก็มิได้ประโยชน์อันใดรวมถึงหวาดระเวงกับเสียงประหลาด หลินหยางจึงให้สัญญาณถอยกลับเขาเดินอย่างช้าๆไปยังเส้นทางเดิม
แคว๊กก~
พวกเขายังเดินมิพ้นทางโค้งตัน ยังอยู่ส่วนลึกสุดของถ้ำจู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกๆอีกครั้ง แต่ครานี้มันดังกว่าเดิมคล้ายกับว่าอยู่ใกล้พวกเขาทั้งสองยิ่งนัก
เจียวซิ่นสะดุ้งตกใจจับชายเสื้อของหลินหยางพลางมองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก หลินหยางเองก็เช่นกันเขาตกใจกับเสียงที่ได้ยินครานี้
ภายในถ้ำปริศนาแห่งนี้พวกเขาเดินเข้ามาจนสุดปลายทางมิพบสิ่งใดแม้แต่น้อยนั่นเท่ากับว่ามีเพียงพวกเขาทั้งสองคนอยู่ในถ้ำ แต่เสียงที่ส่งออกมานั้นแน่นอนย่อมไม่ใช่มาจากพวกเขาทั้งสองเป็นแน่ เสียงแปลกๆนี้คงมิใช่เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้วมันมาจากไหนล่ะ?
แคว๊กก~
แคว๊กกก~
หลินหยางกำลังครุ่นคิดพลางมองหาต้นเสียงไปรอบตัว
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้งแต่ทว่า..
มันมิใช่ครั้งเดียว ตอนนี้มีเสียงประหลาดนี้ดังขึ้นมาเรื่อยๆไม่เว้นช่วงจนรู้สึกหวาดกลัว
“วิ่ง” หลินหยางมิสนใจอันใดอีกหันไปกล่าวกับเจียวซิ่นเพื่อหนีออกจากถ้ำทันที
ตุ่บๆๆ~
พวกเขาทั้งสองใช้ความเร็วที่มีอยู่จนสุดความสามารถ คบไฟที่ไม่สามารถส่องสว่างต่อไปได้เมื่อพบเจอกับแรงลมมันจึงดับลงไปพวกเขาจึงสูญเสียการมองเห็นในที่มืด
บัดนี้ภายในถ้ำมีเสียงดังกระหึ่มแสบแก้วหูก้องสะท้อนไปทั่วภายในถ้ำปริศนาแห่งนี้มันคือเสียงที่พวกเขาหาต้นตอไม่พบ ครานี้มันดังขึ้นมาต่อเนื่องและประสานเสียงกันในที่สิ้น
หลินหยางและเจียวซิ่นรีบวิ่งหนีทันทีตอนนี้พวกเขาอยู่ช่วงกลางถ้ำแล้ว เนื่องจากมิมีแสงไฟสอดส่องเส้นทางตอนนี้เจียวซิ่นสามารถมองรอบๆตัวได้เพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น ส่วนหลินหยางนั้นสามารถมองรอบตัวได้ในระยะสองเมตรในความมืด ซึ่งเป็นผลมาจากทักษะดวงตาเหยี่ยวของเขานั่นเอง
“…”
ขณะที่พวกเขาวิ่งมาจนถึงช่วงกลางของถ้ำ เสียงปะหลาดที่ดังระงมเมื่อครู่ก็เริ่มเงียบลงจนไม่ได้ยินเสียงใดๆอีกเลย หลินหยางและเจียวซิ่นจึงค่อยๆลดระดับความเร็วลงเปลี่ยนจากการวิ่งเป็นเดินเร็วแทนและค่อยๆช้าลง
“เอาไงดีครับพี่หยาง” เจียวซิ่นกล่าวถาม
หลินหยางจุดไฟขึ้นมาอีกครา
พรึ่บบ~
“เหวออ” หลินหยางและเจียวซิ่นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเมื่อหลินหยางจุดคบไฟขึ้นมาแล้วทันใดนั้นภายในถ้ำเกิดแสงไฟสะท้อนจากคบไฟออกไปจนแสบตามิสามารถเบิกตาขึ้นมาได้
พวกเขาค่อยๆหลี่ตาขึ้นมา มองไปยังผนังถ้ำเป็นแสงไฟที่สะท้อนตกกระทบอยู่ เมื่อมองไปยังเพดานถ้ำหลินหยางก็พบกับต้นตอของสิ่งที่สะท้อนแสงไฟเข้า
บนเพดานถ้ำบัดนี้คล้ายกับเป็นกระจกใสทอดยาวครอบคลุมไปทั้วทั้งเพดาน หลินหยางรีบดับไฟลงทันที
“นี่มันคืออะไร” เจียวซิ่นมองมันอย่างสงสัยพลางเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสมัน
แคว๊กก~~
จู่ๆกระจกสะท้อนแสงบานนั้นกลับร้องออกมา!
ตอนที่ 218 ย่อง
หลินหยางรีบดึงมือของเจียวซิ่นกลับทันควัน พวกเขาจ้องมองสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ ตอนแรกเขาคิดว่ามันคือแร่บางอย่างเสียอีกจนกระทั่งเจียวซินไปแตะต้องมันเข้าพวกเขาจึงทราบต้นตอของเสียงประหลาดนั้นเสียที มันส่งออกมาจากเจ้าตัวที่เกาะเพดานถ้ำนี่อยู่
เมื่อมันส่งเสียงร้องออกมาแน่นอนคงไม่ใช่แร่ดังที่เขาคิด หลินหยางมิรีรอใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบมันทันที
ค้างคาวปีกเหล็ก ระดับ 4
พลังโจมตี 3
พลังป้องกัน 1
ความเร็ว 10
คำอธิบาย : ปีกที่แข็งแกร่งสามารถต้านทานพลังโจมตีได้ส่วนหนึ่ง
คำเตือน : การโจมตีจากค้างคาวปีกเหล็กมีผลทำให้ฟื้นฟูช้าเลือดไหลต่อเนื่อง
เป็นดังคาด เจ้ากระจกสะท้อนแสงนี้พวกมันคือมอนสเตอร์
‘ชู่ว’ หลินหยางให้สัญญาณแก่เจียวซิ่นเพื่อมิให้มันส่งเสียงใดๆออกมาและดับไฟจากคบเพลิงในมือตนเองลง พลางค่อยๆย่องอย่างเชื่องช้าไปยังทางออกซึ่งเหลือระยะทางอีกกว่าครึ่ง พวกเขาทั้งสองค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าก้มตัวลงต่ำเหยียบย่ำบนพื้นเพียงปลายเท้าเท่านั้น
‘ความเร็ว 10’ ความเร็วที่มีมากถึงสิบนี้หากเป็นสัตว์ตัวยักษ์ใหญ่โตหลินหยางคงไม่ต้องหวาดระแวงมากนักเนื่องจากร่างกายที่ใหญ่โตแม้จะมีความเร็วการจะขยับเขยื้อนแต่ละทีนั้นพวกเขาสามารถมองการกระทำของมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
แต่สำหรับค้างคาวปีกเหล็กนี้แม้จะไม่ทราบขนาดที่แน่ชัดของมันแต่ดูจากปีกของมันแล้ว ร่างกายของพวกมันคงมิได้ใหญ่โตมากนัก มีขนาดประมาณหมาแมวเท่านั้น เมื่อพวกมันมีขนาดเล็กเช่นนี้ความเร็วที่พวกมันถือครองอยู่นับว่าส่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ตัวของพวกมันอย่างสูงสุด
แคว๊กก~
ค้างคาวปีกเหล็กยังคงส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะ เมื่อมีตัวแรกร้องออกมาตัวอื่นๆก็ร้องตามกันไปเป็นลูกโซ่ หลังจากที่เขาใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจสอบมันแล้วดูท่าพวกมันคงจะตื่นขึ้นมาในเวลาอันใกล้นี้
ดูจากปีกเหล็กของมันที่สะท้อนแสงส่งออกมาอยู่เต็มผนังถ้ำเช่นนี้แสดงว่าพวกมันใกล้ตื่นขึ้นมาเพื่ออาหารเป็นแน่เพราะตามปกติแล้วมันเป็นสัตว์ที่ออกหากินเวลากลางคืน ดูจากเวลาที่เขาเข้ามาภายในถ้ำนั้นเป็นช่วงบ่ายซึ่งตอนขามานั้นพวกเขาก็จุดคบไฟอยู่ตลอดเช่นกันแต่กระนั้นก็มิพบว่ามีปีกเหล็กของค้างคาวสะท้อนแสงไฟออกมาเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้แม้จะไม่ทราบเวลาที่แน่ชัดแต่สมควรใกล้ค่ำแล้วเป็นแน่ดูจากค้างคาวปีกเหล็กที่เริ่มส่งเสียงร้องคล้ายกับคนที่พึ่งงัวเงียตื่นนอน
หลินหยางและเจียวซิ่นย่องเดินกันอย่างช้าๆเพื่อมิให้ส่งเสียงให้ค้างคาวเหล่านี้รับรู้ตัวตนของพวกเขาทุกการกระทำจึงเก็บเสียงเงียบเชียบ
หากต้องเจอกับฝูงค้างคาวจำนวนมหาศาลเช่นนี้ลุมโจมตีเข้ามาแม้จะเป็นหลินหยางก็ต้องตกตายลงเป็นอาหารให้แก่พวกมันเป็นแน่
ฟิ้วว~
ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีบางอย่างผ่านหน้าพวกเขาทั้งสองไป หลินหยางและเจียวซิ่นหยุดฝีเท้าลงอย่างตื่นตระหนก
‘อะไรน่ะ’ หลินหยางขมวดคิ้วเนื่องจากเมื่อครู่พึ่งมีบางอย่างพุ่งผ่านร่างกายของเขาไปแต่ความเร็วของมันทำให้เขามิสามารถระบุได้ชัดเจน