เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 259-260
ตอนที่ 259 วิกฤต(ตอนจบ)
หลินหยางนำโล่เหล็กภายในมือให้ชายผู้บาดเจ็บถือไว้ เพื่อป้องกันการโจมตีที่จะมาถึง ส่วนตัวเขานั้นมีเพียงหอกคู่ใจเพียงด้ามเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความคล่องแคล่วรวดเร็วที่ตนถือครองเขายังสามารถหลบหลีกการโจมตีระยะไกลจากธนูเหล่านี้ได้
อนึ่งเพราะศัตรูของเขานั้นยังเป็นมือใหม่ที่มิได้สันทัดการใช้อาวุธโบราณเหล่านี้เท่าที่ควร เพราะพวกมันคือเผ่าธุ์มนุษย์เสียส่วนใหญ่ที่ใช้ธนูในการโจมตีเขาเมื่อครู่
แต่สำหรับเหล่ามนุษย์หมาป่าและมนุษย์กิ้งก่านั้นแตกต่างออกไป โลกที่พวกเขาจากมานั้นสมควรมิใช่โลกเดียวกันที่เขาเคยอาศัยอยู่
ในอดีตเขาเคยพูดคุยกันเหล่ามนุษย์หมาป่า ในช่วงเวลาที่เว้นว่างจากการฝึกฝนหรือเดินทาง เหล่ามนุษย์หมาป่าทั้งหลายตั้งแต่เกิดจนเติบโตพวกเขาได้ต่อสู้กันอยู่เกือบตลอดเวลา
จากการโจมตีบุกรุกของศัตรูเผ่าพันธุ์อื่นหรือแม้กระทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันเพื่อแก่งแย่งอณาเขตปกครอง อาหารเอา ชีวิตรอด นี่คือที่มาของฝีมือในการต่อสู้ที่ได้รับการขัดเกลามาอย่างดีเยี่ยม
อาศัยต้นไม้ใบหญ้าในการพลางตัวจัดการกับคู่ต่อสู้ บวกกับความชำนาญในภูมิประเทศรอบบริเวณ ทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดได้เรื่อยมา ส่วนใหญ่จะใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรโดยอำพลางตนเองเข้ากลมกลืนกับผืนป่า
แต่กระนั้นเมื่อข้ามผ่านประตูสู่โลกใหม่บนสวรรค์แห่งนี้ ราวกับพระเจ้าเล่นตลกทักษะการต่อสู้ที่พวกเขาชำนาญที่สุดและสมรภูมิที่เป็นใจนั่นคือป่าที่รกร้าง แต่บนสวรรค์นี้กลับมีแต่พื้นที่ราบ ทำให้ความคล่องตัวที่ตนเองมีนำออกมาใช้ได้มิเต็มที่ การลอบโจมตีที่ตนถนัดนั้นมิสามารถนำออกมาใช้ได้อีกเลย
เพราะทั่วทั้งผืนแผ่นดินบนนี้ล้วนมีเพียงทุ่งหญ้าที่ขนาดสูงเพียงข้อเท้าเท่านั้น แต่ฝีมือการต่อสู้ก็ยังคงติดตัวพวกเขาอยู่ อาวุธที่ถนัดคือดาบสั้นที่พกพาง่ายด้วยน้ำหนักที่บางเบาจึงมิถ่วงน้ำหนักตัวหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ
ส่วนเหล่าเอลฟ์นั้นก็เช่นกัน พวกเขาเชี่ยวชาญการต่อสู้โดยใช้ธนูปลิดชีวิตศัตรูในระยะไกล แต่เอลฟ์ส่วนใหญ่จะรักสงบหลีกเลี่ยงการบาดหมางกันระหว่างเผ่าพันธุ์
จึงมักเก็บตัวอยู่ภายในเขตปกครองของตนเอง และใช้ธนูในการหาอาหารล่าสัตว์เสียส่วนใหญ่
เผ่าพันธุ์ทั้งสองนี้เมื่อมาข้ามผ่านประตูสวรรค์มา พวกเขานับว่ามีเปรียบเหนือกว่าเผ่ามนุษย์มากนัก อย่างน้อยก็มนุษย์จากโลกของหลินหยาง เพราะพวกเขาส่วนใหญ่มิได้มีฝีมือในการต่อสู้ อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธที่ทันสมัย
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงมั่นใจว่าเผ่ามนุษย์กิ้งก่าเองก็ต้องมีฝีมือในการต่อสู้ติดตัวสืบต่อกันมาแน่นอน ดูจากอาวุธที่พวกมันล้วนถือติดมือนั้นเป็นหอกเหล็กที่เลือกเฟ้นมาจากห้องหลังจากผ่านประตู
เมื่อเห็นพวกมันเงื้อง้างแขนตั้งท่าปาหอกหลินหยางจึงถอยหนีเข้ามาภายในถ้ำ เขามิต้องการเอาตนเองเข้าไปทดสอบฝีมือของมนุษย์กิ้งก่าเหล่านี้ แต่ดูแล้วทักษะการปาหอกของเขาคงเทียบกับพวกมันมิได้แน่ โล่โลหะที่มีคงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกมันได้
ตอนที่ 260 ถอยทัพ(ตอนแรก)
การโจมตีในระยะกลางนั้นปฏิเสธมิได้ว่าหอกคือหนึ่งในอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด โดยที่ธนูหรือหน้าไม้เทียบไม่ติด แม้แต่ตัวเขาเองแม้จะพึ่งฝึกฝนการปาหอกมาได้มิถึงหนึ่งปีเต็ม เขาก็มั่นใจว่าสามารถปาทะลุโล่โลหะได้อย่างแน่นอน
นับประสาอะไรกับเหล่ามนุษย์กิ้งก่าที่ผ่านการต่อสู้เอาชีวิตรอดเป็นทุนเดิมมาจากโลกเก่าก่อน
นอกเสียจากว่าโลกที่กิ้งก่าพวกนี้จากมาจะมียุทโธปรณ์ที่ทันสมัยอย่างเช่นปืน…
ตุ่บๆๆ
มีเสียงดังมาจากข้างหลังของเขา เมื่อเห็นต้นตอเสียงก็พบว่าเป็นคนของเขานั่นเองมันวิ่งมาด้วยใบหน้าแตกตื่น เมื่อมันเห็นหลินหยางมันเร่งฝีเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทว่าก่อนที่มันกำลังจะได้เปิดปากพูดอะไรมันก็มองเห็นตรงปากถ้ำที่มีลูกธนูพุ่งเข้ามาปักลงบนพื้นมิหยุดหย่อน
“ขบวนรบเป็นยังไงบ้าง” หลินหยางกล่าวถาม
“ใกล้ถึงแล้วครับ” มันตอบกลับใบหน้าวิตกกังวล
“แล้วเราจะเอาไงกันดีครับ” มันถามต่อ
“รอให้ขบวนรบกลับมาก่อน” หลินหยางตอบ
ตอนนี้ลำพังพวกเขามีกันแค่สามคนคงฝ่าออกไปมิได้แน่ แม้เขาจะอยากออกไปมากเพียงใดก็ตามที ข้างนอกนั้นมีจำนวนศัตรูกว่าร้อยชีวิตที่รอจัดการปลิดชีวิตพวกเขาเพื่อแย่งชิงแหล่งเพิ่มพูนระดับอันโอชะแห่งนี้
แต่ตอนนี้หลินหยางมิได้สนใจถ้ำแห่งนี้อีก เขาห่วงเมืองของตนมากกว่าสิ่งใด แม้ถ้ำค้างคาวที่มีมอนสเตอร์ระดับสี่และหกหลายพันตัวนี้จะสามารถเพิ่มพูนระดับได้อย่างมหาศาลก็ตามที แต่ชีวิตพวกพ้องของเขาต้องมาก่อนเสมอ
ตอนนี้ผ่านมาราวสิบนาทีแล้วตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงหวานใสเตือนดังขึ้นมาเกี่ยวกับศัตรูที่กำลังจะบุกเมืองของเขาในอีกสามชั่วโมง บัดนี้เวลาเริ่มนับถอยหลังลงแล้วพวกเขาเหลือเวลาอีกเพียงสองชั่วโมงห้าสิบนาทีเท่านั้น การเดินทางจากถ้ำค้างคาวกลับเมืองใช้เวลาเพียงสามสิบนาทีเท่านั้นหากพวกเขาเร่งฝีเท้า
แต่หากเป็นเช่นนั้นเมื่อกลับถึงเมืองพวกเขาสมควรเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพราะพึ่งผ่านการต่อสู้มาหยกๆและยังต้องวิ่งกลับเมืองอีก ฉะนั้นหลินหยางจึงต้องการกลับไปเมืองก่อนเวลาที่กำหนดเพื่อให้เหล่าพลทหารมือดีของเขาได้พักผ่อนเตรียมรับศึกหนักครั้งนี้
แต่การที่จะสามารถกลับไปได้นั้นพวกเขาต้องฝ่ากองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาออกไปให้ได้เสียก่อน รวมถึงฝูงค้างคาวอีกหลายพันตัวที่ตีตลบไล่หลังมาไม่หยุดหย่อน
“ไปนำคนมาสิบคน” หลินหยางกล่าวกับชายผู้ที่วิ่งมาบอกข่าวสาร โดยมิสนใจแม้แต่น้อยว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด เพราะเขาจะให้คนเจ็บเป็นผู้ไปส่งข่าวก็มิได้เช่นกัน..
“ครับ!” มันตอบรับและออกวิ่งหายเข้าสู่ความมืดกลับไปยังส่วนลึกของถ้ำทันที
ผ่านไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับชายฉกรรจ์สิบคนที่ถืออาวุธครบมือ โดยมีหอกและโล่เหล็กอยู่ในมือทั้งสองข้าง
หลินหยางจับกลุ่มกับคนทั้งสิบวางแผนตอบโต้อยู่ชั่วครู่
และส่งชายคนหนึ่งกลับไปบอกแผนการให้แก่ขบวนรบ บัดนี้มันเองนับว่ากลายเป็นม้าเร็ววิ่งส่งข่าวของหลินหยางโดยปริยาย..
“เริ่มเลยไหมครับ?” ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยใบหน้ากดดัน เพราะทั้งหน้าและหลังล้วนถูกปิดล้อม แถมเวลายังลดลงเรื่อยๆ