เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 277-278
ตอนที่ 277 ปะทะ(ตอนแปด)
ผู้นำชาวมนุษย์บัดนี้ใบหน้ามันเขียวคล้ำ โกรธแค้น อับอาบ เดือดดาล อาฆาต การมาครั้งนี้มันสูญเสียกำลังพลมากเกินไป
ส่วนพลทหารที่มันควบคุมกลับไม่ยอมทำตามคำสั่ง เหยียบย่ำศักศรีดิ์ของมันต่อหน้าผู้นำอีกสองตนอย่างไม่เหลือชิ้นดี
เพียงแค่กำลังพลที่ด้อยกว่าก็มากเกินพอแล้ว แต่นี่คนของมันยังไม่ยอมฟังคำสั่งเสียอีก
มิแปลก เนื่องจากพลเมืองชาวมนุษย์เหล่านี้พวกมันพึ่งมาถึงยังที่แห่งนี้มิได้นมนานอันใด จากโลกเก่าที่เป็นเพียงคนธรรมดาหาเลี้ยงชีวิตไปวันต่อวันกลับต้องจับอาวุธต่อสู้เอาชีวิตรอด และด้วยเวลาที่จำกัดทำให้พวกมันมิได้รับการฝึกอบรบที่ดีพอที่จะสามารถสร้างเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งได้
พวกมันจึงไม่ต่างจากกลุ่มคนที่มารวมตัวกันเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าชีวิตตนตกอยู่ในอันตรายสัญชาติญาณดิบความรักตัวกลัวตายที่ติดตัวมาแต่กำเนิดก็ป่าวร้อง ให้ถอยหนีห่างศัตรูรักษาชีวิตตัวเองให้รอดพ้นปลอดภัย
ต่างกับมนุษย์หมาป่า เอลฟ์ คนแคระ มนุษย์กิ้งก่า เนื่องจากโลกที่พวกเขาเป็นอันต้องจากมานั้นแต่เดิมพวกเขาต้องดิ้นรนสู้เอาชีวิตรอดมาแต่กำเนิด
จึงทำให้มีจิตใจกล้าแข็ง พร้อมทักษะการต่อสู้ที่ติดตัวมาไม่มากก็น้อย แม้ไม่ต้องฝึกฝนอันใดก็สามารถต่อสู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นนับว่าเสียเปรียบยิ่งนัก จากโลกเดิมการต่อสู้ทั้งหลายทั้งปวงสามารถทดแทนได้ด้วยการวิวัฒนาการยุทธโธปกรณ์ที่ล้ำสมัย มิต้องจับดาบ จับหอกเข้าต่อสู้อีกต่อไป
มีทั้งนิวเคลียร์ ระเบิด มีแม้กระทั่งกัมมันตรังสี อาวุธที่ทันสมัยเหล่านี้ลดข้อด้อยของมนุษย์ให้สามารถยืนหยัดเป็นผู้ปกครองโลกหล้า
แต่เมื่อต้องมาจับอาวุธล้าสมัยเช่นดาบ หอก ธนู ด้วยการที่มิได้ฝึกฝนมานั้นทำให้ความชำนาญต่ำ ขัดกับเหล่ามนุษย์หมาป่าหรือเอลฟ์ ที่ฝึกฝนติดตัวมาตั้งแต่รู้ความ
ด้วยเหตุนี้สำหรับโลกหลังประตูที่เรียกขานว่าสวรรค์ ก็เปรียบดั่งขุมนรกโลกันต์สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาสิ่งของภายนอกอย่างมนุษย์นั่นเอง..
“ท่านผู้นำ เหตุใดท่านไม่ส่งคนไปสมทบพวกเรา” ผู้นำชาวมนุษย์ที่เดือดดาลอยู่นั้นมันสังเกตุเห็นบางอย่าง การต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มีเพียงศัตรู และเผ่ามนุษย์หมาป่าและมนุษย์เท่านั้นที่กำลังต่อสู้กันอยู่
มันที่ถูกความโกรธครอบงำเป็นเหตุให้ความนึกคิดไตร่ตรองต่ำลงจนมิได้สังเกตุว่ามนุษย์กิ้งก่าผู้นำกองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์นี้กลับมิได้ส่งพลทหารแม้แต่นายเดียวเข้าไปล้อมรอบโจมตีกองทัพของหลินหยางแต่อย่างใด
“ข้าว่ามนุษย์คนนั้นพูดถูก เป้าหมายของพวกเราคือถ้ำค้างคาวตรงหน้า และผู้ที่ขัดขวางพวกเราก็กำลังจะล่าถอย เหตุใดพวกเราต้องยื้อยุดฉุดให้พวกเขาเข้าร่วมสงครามด้วย?” ผู้นำมนุษย์กิ้งก่าที่นิ่งเงียบมาตลอดกล่าวขึ้น
พลางมองไปยังมนุษย์คนหนึ่งที่หนีเอาชีวิตรอดจากศึกสงครามตรงหน้า เขาคิดว่าชายคนนั้นยังมีสติปัญญาสูงกว่าผู้นำชาวมนุษย์คนนี้เสียอีก เพราะมันถูกความโกรธแค้นครอบงำ และความโลภที่หมายปองครอบครองถ้ำที่เพิ่มพูนระดับแห่งนี้
ตอนที่ 278 ปะทะ(ตอนเก้า)
แน่นอนผู้นำมนุษย์กิ้งก่ามิใช่โง่งม มันที่สามารถขึ้นปกครองเผ่าพันธุ์มนุษย์กิ้งก่าของมันทั้งห้าสิบชีวิตได้นั้นสมควรมีพละกำลังสูงส่งและทักษะการต่อสู้ที่เหนือล้ำกว่าผู้ใด
แต่นั่นคือความสามารถเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งนั้นมาจากสติปัญญาที่สูงกว่าพักพวกตนใด มันมิได้โง่!
มันรู้ตัวดีว่าถูกผู้นำชาวมนุษย์พันธมิตรของตนเองเป่าหูให้คล้อยตามและเข้ายึดถ้ำค้างคาวแห่งนี้จากหลินหยาง แต่นั้นมิใช่เพราะมันมิรู้ความแต่เป็นความตั้งใจแต่เดิมของมันต่างหาก
ถ้ำค้างคาวแห่งนี้เป็นได้ทั้งแหล่งเพิ่มพูนระดับฝึกตนที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดการต่อสู้ที่บรรพบุรุษของพวกมันไม่สามารถก้าวถึงได้มาก่อน
รวมถึงแหล่งอาหารที่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตพวกมัน เพียงแค่ซากค้างคาวที่ตกตายนอนกองอยู่นอกถ้ำก็สามารถยืนยันได้ว่าข้างในถ้ำนี้มีอาหารเพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้องพวกมันไปได้อีกหลายเดือน!
การออกมาครั้งนี้หากพวกมันยึดครองถ้ำค้างคาวได้นับว่าได้ผลกำไรเกินกว่าคุ้มค่าเสียอีก แต่ทว่าสำหรับมนุษย์นั้นสามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงระดับจากการปลิดชีวิตมอนสเตอร์เท่านั้น มิสามารถนำร่างค้างคาวมาทำเป็นอาหารได้แต่อย่างใด
มีหรือมันจะปล่อยให้ที่แห่งนี้หลุดรอดเงื้อมมือมันไปได้ มันปล่อยให้ผู้นำชาวมนุษย์เปิดเส้นทางไปสู่การสู้รบใช้กำลัง ตัวมันเองเพียงเล่นตามน้ำไปเท่านั้น หากมันเปิดเผยฝีมือของตนเองเสียหมดย่อมมิมีหมากสำคัญใช้ต่อกรกับพันธมิตรที่โลภมากจ้องจะหักหลังกันอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้
“ข้าว่าท่านคงถูกพวกมันหลอกแล้ว ดูพวกมันสิแค่มีคนบาดเจ็บเพียงสิบคนมีหรือที่จะยอมถอยทัพกลับไปไม่สนถ้ำค้างคาวแห่งนี้” ผู้นำชาวมนุษย์กล่าวต่อ
“ข้าว่าต้องเป็นแผนของพวกมันแน่ หลอกให้พวกเราตายใจ เมื่อพวกเราเข้าไปในถ้ำแล้วพวกมันคงตีตลบหลังพวกเราเป็นแน่” มันชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อกล่องผู้นำมนุษย์กิ้งก่าให้เห็นด้วยกับความคิดของมัน
“ใช่แล้วข้าว่าต้องเป็นแผนของพวกมันแน่ๆ” ผู้นำมนุษย์หมาป่ากล่าวเสริม
ผู้นำทั้งสองพวกมันอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกันนัก เพราะสูญเสียกำลังพลไปจากการต่อสู้ครั้งนี้กันแล้วทั้งสิ้น
มีเพียงมนุษย์กิ้งก่าเท่านั้นที่มิได้สูญเสียพลทหารไปเลยแม้แต่รายเดียว นี่อาจเป็นเหตุผลที่มนุษย์กิ้งก่ามิสนใจจะเข้าร่วมการต่อสู้ก็เป็นได้
มนุษย์กิ้งก่าใช้ความคิดไตร่ตรองชั่วครู่ พลางหันไปมองหลินหยางที่ยืนอยู่แถวหลังของขบวนรูปลิ่มตรงหน้า สีหน้าของหลินหยางมิสู้ดีนักเท่าใดเนื่องจากความอ่อนล้าจากการใช้ทักษะระดับสูงต่อเนื่องนั่นเอง
คำกล่าวของผู้นำชาวมนุษย์นั้นยังคงมีเหตุผลที่สามารถรองรับ หากนี้เป็นแผนของหลินหยางและพวกมันหลงกลอาจจะเข้าไปติดกับตามที่ผู้นำมนุษย์กล่าวก็เป็นได้
หากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมันย่อมไม่ให้คนของตนเข้าไปเสี่ยงภัยอันตรายใดๆ
“หากพวกเราร่วมมือกัน พวกมันต้องพ่ายแพ้แน่นอน” ผู้นำชาวมนุษย์กล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าความคิดของตนมีผลต่อผู้นำมนุษย์กิ้งก่า ตัวมันอยากจะจับศัตรูทั้งแปดสิบชีวิตนี้มาสับเป็นชิ้นๆให้สาแก่ใจ บรรเทาความโกรธแค้น