เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 311-312
ตอนที่ 311 สิบนาที
เวลาค่อยๆผ่านไปตอนนี้ใกล้ช่วงเวลาที่ได้รับแจ้งเตือนเข้ามาเรื่อยๆ เหล่าผู้คนทั้งมนุษย์ เอลฟ์ และมนุษย์หมาป่าทั้งหมดยืนรวมตัวกันอยู่หลังประตูเมือง บางคนก็ยืดเส้นยืดสายวอมร่างกายเพื่อเตรียมรับศึก
บ้างก็จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกปาก ชายชาตรีบางคนก็คอยส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมองไปยังสาวสวยที่ตนเองหมายปองหวังจะได้นางมาครอบครอง ไม่บ่อยนักที่พวกเขาจะมีโอกาศใกล้ชิดกันเช่นนี้
“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม” หลินหยางกล่าว
“พร้อมครับ/ค่ะ” เสียงตอบรับกลับมาอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาปรับเปลี่ยนสีหน้าที่รื่นเริงกลับสู่ความเข้มขรึมจริงจัง
“ดี! เปิดประตูเมือง”
ครืนน~
ประตูเมืองค่อยๆเปิดอ้าออกด้วยกลไกลและแรงส่งจากเหล่าเวรยาม ตั้งแต่พวกเขามาเป็นเวรยามคอยเปิดประตูเมืองขนาดใหญ่นี้ กล้ามแขนของพวกเขาขึ้นมาเป็นมัดๆเลยทีเดียว
หลินหยางจับอาวุธเดินนำออกไปทันที เหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมตบเท้าตามหลินหยางออกไปภายนอกเมืองเป็นขบวนแถวเรียบร้อย ด้วยกำลังใจที่ฮึกเฮิม
ในมือซ้ายล้วนถือโล่เหล็กทรงกลมขนาดครึ่งลำตัว มือขวาถือหอกเหล็กคู่กาย พร้อมกับดาบสั้นเสียบไว้ที่สีข้างเพื่อนำออกมาใช้ในยามวิกฤต โดยพวกเขาจับแบ่งทีมกันสี่คนช่วยกันลากตาข่ายทั้งแผงไปตามพื้น
แต่กระนั้นในสมาชิกที่มีถึงแปดสิบคนนั้นกลับมีตาข่ายเพียงห้าผืนเท่านั้นมิได้เพียงพอต่อความต้องการแต่อย่างใด
ตาข่ายที่สร้างขึ้นจากเถาวัลย์และเศษผ้าที่นำมาม้วนเชื่อมกันนั้น การระดมคนมากกว่าสามร้อยชีวิตร่วมกันสร้างตาข่ายขึ้นมาได้เพียงสิบห้าผืนเท่านั้น
ด้วยระยะเวลาที่จำกัด แม้จะเหลือวัตถุดิบเหลือพอจะสร้างได้อีกราวสิบผืนก็มิสามารถสร้างต่อไปได้ ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่ศัตรูของพวกเขาจะบุกมาแล้ว
ตาข่ายที่ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมนำออกไปนั้นพวกเขาใช้คนถึงสี่คนในการลากถูมันไปหากตาข่ายปกติคงมิได้มีน้ำหนักมากมายอันใด
แต่ทว่าตาข่ายที่พวกเขาลากมันไปนี้ทั้งหมดดูเหมือนเปียกชื้นคล้ายกับเปียกน้ำ ตามเส้นทางที่ถูกลากถูไปทั้งพื้นดินและใบหญ้าล้วนถูกชโลมความชื้นของตาข่ายเหล่านี้
บนกำแพงเมืองประจำการไปด้วยทีมระยะไกล ทีมก่อสร้าง เหล่าเวรยาม เหล่าชายหญิงชรา และเหล่าเอลฟ์ กำลังตระเตรียมสิ่งของกันอย่างขมักเขม่นเพื่อเตรียมความพร้อม พวกเขามีตาข่ายห้อยแขวนอยู่ทั้งสิ้นสิบผืนเช่นกัน
เรียกได้ว่าคนแทบทั้งหมดติดอาวุธครบมือพร้อมสู้รบ มิใช่เพียงแค่ทีมใดทีมหนึ่งอีกต่อไป หลินหยางตั้งใจจะยุติการต่อสู้โดยไวมิยืดเยื้อ เนื่องจากวันนี้คนของเขาสิ้นเปลืองแรงกันไม่น้อย หลังจากรับศึกอย่างต่อเนื่อง เขาจึงให้กำลังพลทั้งหมดสู้รบอย่างเต็มที่
ตอนนี้บนกำแพงมีผู้คนอยู่หลากหลายชีวิตเกือบสองร้อยคนเลยทีเดียว แม้แต่เหล่าเวรยามเองก็ต้องจับอาวุธเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะใช้ธนูและหน้าไม้นั่นเอง
ผู้คนส่งเสียงพูดคุยกันอย่างครึกครื้นไม่ต่างจากช่วงเวลาปกติในตอนกลางวันเลยทีเดียว
‘ผึ้งแคระระดับ 3 จำนวน 1000 ตัวจะมาถึงเมืองของท่านในอีก 10 นาที’
และแล้วเสียงหวานใสก็ดังขึ้นมาหยุดเสียงรบกวนทั้งหมดจนสิ้น
ตอนที่ 312 เมฆครึ้ม
หลังจากเสียงแจ้งเตือน ความคึกคักคึกครื้นที่เคยมีหายวับไปกลับความเงียบ จดจ่อสมาธิไปยังท้องฟ้าแสนห่างไกล
“เตรียมตัว” หลินหยางตะโกน
ทีมจู่โจมและทีมระยะใกล้ทั้งหมดวางทิ้งตาข่ายที่ตระเตรียมมาไว้บนพื้น ถือโล่โลหะกระชับหอกในมือตั้งท่าเตรียมป้องกัน
พวกเขาสร้างแนวป้องกันทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ทว่ามีเพียงสามด้านเท่านั้น หนึ่งคือแถวหน้าที่มีจำนวนคนมากที่สุดคือสามสิบคน อีกสองคือซ้ายขวาอย่างละสิบห้าคน
มิใช่ว่าพวกเขาเปิดช่องว่างทางด้านหลังให้เปิดโล่งแต่อย่างใด เพราะพวกเขาอยู่ติดกับกำแพงเมืองนั่นเอง กำลังพลที่เหลืออีกยี่สิบชีวิตนั้นอยู่ใจกลางแนวป้องกันสี่เหลี่ยมผืนผ้านี่ หนึ่งในนั้นคือหลินหยาง
พวกเขาทั้งหมดรอคอยอย่างจดจ่อจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดแสนห่างไกล เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆเนิบนาบ ท้องฟ้าที่มืดมิดบดบังการมองเห็นต่างจากเวลากลางวันที่แสงสอดส่อง ตอนนี้ระยะการมองเห็นของพวกเขาลดลงไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
“มาแล้ว” หลินหยางกล่าว ด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยวทำให้การมองเห็นกว้างไกลขึ้นมากกว่าคนทั่วไป นั่นทำให้เขาสามารถมองเห็นพวกมันได้ก่อนผู้ใดในที่นี้
“มันมาแล้ว” จิ่นเหอที่อยู่ข้างกายตะโกนถ่ายทอดคำพูด ปลุกระดมจิตใจให้แก่พลทหาร
“มาแล้ว” ผู้คนส่งเสียงทอดยาวต่อๆกันไป
เมื่อได้ยินพวกเขาจับอาวุธของตนเองแน่น
มองไปยังขอบฟ้าที่มืดมิด มีแสงจันทร์สาดส่องเล็กน้อย พบเจอเข้ากับกลุ่มก้อนสีดำทมิฬบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆมิได้รวดเร็วอันใด
มองเห็นเช่นนั้นมันคล้ายกับเมฆครึ้มก้อนหนึ่งเท่านั้นแต่ทว่าด้วยท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเมื่อถูกกระทบกับแสงจันทร์ กลุ่มสีดำนั้นจึงแสดงตัวตนออกมาพวกมันคือฝูงผึ้งนั่นเอง
ฝูงผึ้งทั้งหนึ่งพันตัวบินเกาะกลุ่มกันไม่แตกแยก
บินตรงมายังเมืองของเขา พวกมันเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนร่างกายของผึ้งแคระนี้มีขนาดตัวเกือบเท่ากับลูกฟุตบอลเลยทีเดียวนับตัวโตผิดหูผิดตาคล้ายสัตว์ประหลาดเสียมากกว่า
ส่วนร่างกายมิได้แตกต่างจากผึ้งปกติมากนัก ส่วนล่างของใบหน้ามีบางอย่างยื่นออกมาคล้ายกับคีม ลำตัวมีปีกใสกางออกยาวราวหนึ่งฟุตเมื่อกระทบกับแสงจันทร์ที่สอดส่องช่างดูสวยงาม ส่วนหางของมันโตกว่าลำตัวเล็กน้อย ทุกอย่างคล้ายกับผึ้งปกติ
ต่างกันตรงที่ร่างกายของพวกมันมีสีดำทั้งหมด โบยบินมาด้วยความเร็วคงที่มิช้าและไม่เร็ว อัตราการเคลื่อนที่ของพวกมันคล้ายความเร็วในการบินผึ้งปกติ แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของพวกมันจึงทำให้พวกเขาสามารถสังเกตุเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นตัวตนของผึ้งแคระศัตรูในครั้งนี้นับว่าไม่ต่างจากที่หลินหยางคาดคิดเอาไว้มากนัก ตอนนี้ผึ้งฝูงนี้อยู่ห่างกับพวกเขาราวห้าร้อยเมตรและกำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ผึ้งแคระจะเป็นดังภาพที่เขาวาดเอาไว้ในหัวแต่เมื่อพบเจอจริงๆใบหน้าเขาก็มิได้ดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะพวกมันเป็นศัตรูรายแรกที่สามารถโบยบินอยู่บนอากาศ นับตั้งแต่ถูกโจมตีหมายยึดเมืองมาทั้งหมดสามครั้งนี่คือครั้งแรกที่พบเจอกับศัตรูทางอากาศเช่นนี้