เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 317-318
ตอนที่ 317 ผึ้งแคระ(ตอนห้า)
ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมเมื่อเปลี่ยนมาใช้ดาบ การต่อสู้ช่างราบรื่นเป็นใจยิ่งนักแม้แต่พลทหารเผ่ามนุษย์ที่มิได้เพิ่มสถานะใดไปที่ความรวดเร็ว พวกเขาก็สามารถหลบหลีกการโจมตีจากผึ้งแคระได้อย่างไม่ยากเย็น
หากผึ้งแคระโจมตีเข้ามาตัวเดียวโดดเดี่ยวแล้วละก็นับว่าไร้ภัยอันตรายเลยทีเดียว เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะโจมตีเข้ามายังมุมอับของพวกเขา
ฉึก!
“อั่ก” ชายคนนึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด บนไหล่ของเขานั้นมีผึ้งแคระตัวหนึ่งปักเหล็กในเข้าใส่บนไหล่ส่วนหลังของชายคนนั้น
ฉึบบ~
เมื่อได้ยินเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดหลินหยางหันมามองต้นเสียงทันทีและฟันดาบในมือเข้าใส่ผึ้งตัวดังกล่าวส่งมันตกตายลง
“เป็นอะไรไหม” หลินหยางกล่าวถามโดยที่ยังคงต่อสู้กับผึ้งที่อยู่ในระยะโจมตีของตนไม่ลดละมิเปิดช่องว่าง พร้อมกับคุ้มกันชายคนดังกล่าวให้รอดปลอดภัยจากการถูกโจมตีซ้ำ
“ไม่เป็นไรครับ” ชายคนนั้นตอบกลับ เขาคือจิ่นเหอนั่นเอง ตัวเขาที่พัวพันอยู่กับศัตรูตรงหน้ามิทันได้สังเกตุว่ามีผึ้งแคระพุ่งโจมตีเขาจากด้านบน
ผึ้งแคระตัวนั้นมันตั้งใจจะเข้าโจมตีผู้คนที่ประจำการอยู่บนกำแพงแต่ทว่ามิมีช่องว่างให้มันแทรกตัวเข้าไปในฝูงผึ้ง จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเป็นผู้คนที่อยู่บนพื้นดินแทน ด้วยประการนี้จิ่นเหอที่มิได้ระวังหลังของตนจึงตกเป็นเป้าหมาย
แต่กระนั้นเมื่อผึ้งตัวนั้นเข้าใกล้กำลังจะเสียบเหล็กในของมัน เขาที่รู้สึกถึงอันตรายจึงเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็มิสามารถรอดจากเหล็กปลายแหลมของผึ้งตัวดังกล่าวที่กระชั้นชิดได้ โชคดีที่เหล็กในของมันมิปักลงลึกเท่าที่ควร
มองไปยังบาดแผลบนไหล่มีเพียงรูเล็กขนาดเท่านิ้วก้อยเท่านั้น เขามิได้ถูกเสียบเข้าไปจนมิดจึงมิได้เจ็บปวดมากมายอันใด เพียงแค่ตกใจจากการโจมตีที่มิได้คาดคิด หากเขารู้ตัวช้ากว่านี้บัดนี้ผึ้งตัวคงฝากบาดแผลฉกรรจ์ให้แก่เขาเป็นแน่
หลินหยางเมื่อเห็นว่าบาดแผลนั้นมิได้ใหญ่โตอันใดจึงผ่อนคลายลง กวัดแกว่งดาบในมือของตนเองจัดการกับผึ้งแคระต่อไป
การต่อสู้ในระยะใกล้นั้นมิได้ยากเย็นดังที่พวกเขาคิด แม้จำนวนจะมากกว่าก็มิใช่ปัญหา แต่ทว่าการต่อสู้บนกำแพงเมืองนั้นลำบากกว่าหลินหยางและพวกมากนัก เนื่องจากพื้นที่ที่มีจำกัดทำให้มิสามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก
หากพลาดท่าพวกเขาคงจะตกจากกำแพงลงไปกระแทกพื้นเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อศัตรูเข้ามาในระยะใกล้เช่นนี้ทำให้การโจมตีด้วยธนูและเครื่องทุ่นแรงอย่างเครื่องขว้างหินและรถยิงธนูนั้นลดทอนประสิทธิภาพลงไปมหาศาล
สำหรับเหล่าเอลฟ์ยังสามารถโจมตีด้วยธนูได้อย่างต่อเนื่อง เพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาสามารถต่อสู้ได้แม้ศัตรูจะอยู่ในระยะประชิดก็ตาม
การที่ฝูงผึ้งแออัดกันยั้วเยี้ยนี้เป็นคล้ายกับดาบสองคมของพวกมัน แม้จะมีพักพวกเยอะแต่ทว่าร่างกายที่ไร้การป้องกัน การยิงธนูของเอลฟ์หนึ่งครั้งสามารถปลิดชีวิตพวกมันได้อย่างแน่นอนหนึ่งชีวิต แต่บางศรก็สามารถฆ่าผึ้งแคระไปได้ถึงสองตัวเลยทีเดียวจากความรุนแรงในการโจมตีสามารถเจาะทะลวงร่างกายของศัตรูได้ไม่ยากเย็น
ตอนที่ 318 ผึ้งแคระ(ตอนหก)
เหล่าเวรยามสับเปลี่ยนอาวุธจากเดิมที่ใช้ธนูโจมตีสมทบ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นดาบยาวหรือขวานพร้อมกับโล่เหล็กในมืออีกข้างเพื่อปกป้องทีมระยะไกลและเหล่าเอลฟ์จากการโจมตีจากฝูงผึ้ง
เนื่องจากกำแพงเมืองที่รองรับผู้คนมากมายอยู่นั้นตกเป็นเป้าหมายของฝูงผึ้งที่ต้องการยึดครองตามเป้าหมาย จากความแออัดทำให้การหลบหลีกเป็นไปได้ยาก ทำให้หลายคนพลาดท่าถูกโจมตีจากผึ้งแคระเหล่านี้ด้วยเช่นกัน แต่บาดแผลนั้นมิน่าเป็นห่วงมิใช่บาดแผลฉกรรจ์อันใด
ผึ้งแคระตัวหนึ่งมันบินข้ามผ่านกำแพงเมืองบุกฝ่าเข้าไปภายในเมืองมันบินวนไปมาเสาะหาเหยื่อและก็พบเข้ากับที่พักแห่งหนึ่งที่สร้างจากไม้
หน้าที่พักแห่งนั้นมีเด็กชายชาวมนุษย์และมนุษย์หมาป่ากว่าห้าคนยืนถือดาบสั้นภายในมือทั้งสองข้าง มิรอช้าสยายปีกโบยบินเข้าหาเป้าหมายตัวน้อยทั้งห้าอย่างรวดเร็ว
มันบินบนอากาศเหนือศรีษะของเด็กชายทั้งห้าทำให้พวกเขามิได้ทันสังเกตุเห็น ผึ้งแคระค่อยๆงอตัวหมายจะปักอาวุธของตนลงบนร่างกายของศัตรู
“ย๊าก”
ฉึบบ~
แต่ทว่ามิทันได้ประชิดตัว ถูกฟันเข้าที่ศรีษะจนแบะออกร่างกายค้างติดอยู่บนใบดาบตกตายอย่างอนาถ
“ระวังข้างบนด้วย” เด็กชายชาวมนุษย์คนหนึ่งกล่าวพลางสบัดดาบสั้นในมือส่งร่างไร้วิญญาณของผึ้งแคระที่ปักคาอยู่กระเด็นกลิ้งลงไปบนพื้นดิน
เด็กน้อยคนนี้มีชื่อว่า ซานอี้ เขาคือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเมืองที่ถูกก็อบลินบุกโจมตี และถูกหลินหยางช่วยเหลือออกมานั่นเอง
“ขอบใจนะ” มนุษย์หมาป่าตัวน้อยผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายกล่าวออกมาอย่างโล่งอก มันมิรู้ตัวเลยว่าตนเองตกเป็นเป้าหมายของผึ้งแคระตัวนั้นจนกระทั่งซานอี้ปลิดชีวิตผึ้งแคระไปเป็นที่เรียบร้อย
หน้าที่พักแห่งนี้มีมนุษย์หมาป่าทั้งหมดสามตนและมนุษย์สองคน พวกเขาล้วนแต่เป็นเด็กที่มีอายุราวสิบถึงสิบสี่ปี ร่างกายยังมิโตเต็มวัยและโชคร้ายมันจะมิโตไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่นั่นมิใช่ปัญหาสำหรับการฝึกตน พวกเขาล้วนจับถืออาวุธในมือพร้อมต่อสู้กันทั้งสิ้น
ซานอี้นั่นนับตั้งแต่ถูกหลินหยางช่วยเหลือมาจากเมืองเดิมเขาหมายมั่นเอาหลินหยางเป็นแบบอย่าง ฝึกฝนร่างกายกับครูฝึกซิ่นก้งทุกวันคืน
ตอนนี้เขายังมิได้เข้าร่วมกับหน่วยสำรองของทีมระยะใกล้ที่มีสมาชิกเป็นมนุษย์หมาป่าตัวน้อยแต่อย่างใด เนื่องจากฝีมือของเขายังมิถึงขั้น แต่เขาเองก็มิย่อท้อฝึกฝนอย่างต่อเนื่องไม่หวาดหวั่น
ด้วยศัตรูที่สามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองมาได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง ทำให้ทุกผู้คนในเมืองหลินหยางต้องจับอาวุธยึดถือปกป้องชีวิตตนเอง แต่ก็มีบางส่วนเช่นกันที่มิสามารถต่อสู้ได้ ดังเช่นผู้คนที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านพักข้างหลังเด็กตัวน้อยทั้งห้านั่นเอง
ผู้ที่หลบอยู่ภายในล้วนแล้วแต่เป็นชายหญิงแก่ชราผมหงอกขาวมิได้มีเรี่ยวแรงมากพอจะสามารถจับอาวุธต่อกรกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไหว หลินหยางจึงให้พวกเขาแอบอยู่ในที่ปลอดภัย
และเพื่อสั่งสมประสบการณ์ไปในตัวเขาจึงให้เด็กน้อยที่กำลังอยู่ในช่วงฝึกฝนทั้งห้าคนคอยคุ้มกันบ้านพักให้อยู่รอดปลอดภัยจนจบการต่อสู้