เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 39-40
ตอนที่ 39 ผู้เริ่มต้น(ตอนปลาย)
“เอ่อ…” หลินหยางมิทราบควรทำเช่นไรในเวลานี้ แต่ก่อนอื่นเห็นทีคงต้องระงับเหตุการณ์ที่กำลังจะบานปลายนี้เสียก่อนชายหนุ่มเสนอวิธีการเจรจาบอกกล่าวให้ทั้งสองฝั่งลดอาวุธ
“พวกเราเห็นด้วยกับท่าน” เอลฟ์กล่าวเสริม
“ไม่! หากต้องการแย่งแหล่งน้ำนี้ก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่” ผู้นำมนุษย์หมาป่ากล่าว
หลินหยางขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาพาทีมระยะใกล้มาเพียงครึ่งเดียว ซึ่งรวมตัวเขาก็มีสิบเอ็ดคนเพื่อมาสร้างพันธมิตรกับเมืองรอบๆ แต่กลับมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ หากมนุษย์หมาป่ายังยืนยันจะใช้กำลังในการตัดสินปัญหา หลินหยางและพวกคงไม่สามารถสู้กับพวกมันได้หมด พวกมันมีกว่าสี่สิบคนยกโขยงกันมาเกือบทั้งเมือง หากเขาเข้าไปแทรกแซง เมื่อสถานการณ์เลวร้ายเขาอาจจะต้องเป็นศัตรูกับเอลฟ์อีกเมืองก็เป็นได้
คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มมิต่อปากต่อคำนำทัพถอย
หลังจากนั้นสิบนาที หลินหยางมิได้จากไปไหนไกลนักซุ่มมองการเคลื่อนไหวของเอลฟ์และมนุษย์หมาป่าอยู่ห่างๆซึ่งจนถึงบัดนี้พวกมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปรองดองหรือใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา พวกมันตั้งขบวนรบอยู่กันคนละฟากฝั่งจ้องหน้ามองตากันเขม็งเพียงเพื่อแย่งแหล่งน้ำ…ทว่า นั่นมันแหล่งน้ำของเขา!
หลินหยางเมื่อเล็งเห็นว่าอย่างไรพวกมันก็คงไม่ฟังคำสนทนาเป็นแน่โดยเฉพาะมนุษย์หมาป่าและในเมื่อใช้วาจามิอาจสื่อสารชายหนุ่มจึงตัดสินใจตอบสนองต่อความต้องการของมันโดยนำทีมกลับเมืองหมายวกกลับมาพร้อมกำลังพล ในระหว่างทางแวะเวียนไปหมู่บ้านเอลฟ์เล่าเหตุการณ์และขอกำลังเสริมและก็ได้ลี่จูและเอลฟ์ส่วนหนึ่งติดตามหลินหยางมุ่งหน้ากลับเมืองไปด้วย
ณ เมืองหลินหยาง
“พี่หยางผมว่าเราควรส่งหน่วยระยะประชิดไปจัดการเจ้ามนุษย์หมาป่านั่น” หลิวไห่เขายังโกรธแค้นมนุษย์หมาป่าที่แม่น้ำยังไม่หาย
“ข้าว่าพวกเราควรจะแบ่งน้ำและปลาให้พวกเขา” เอลฟ์ลี่จูกล่าว
เริ่มแรกเดิมทีหลินหยางเขาก็คิดเช่นเดียวกับลี่จูแต่ตอนนี้มีผู้บริโภคปลาในแม่น้ำนั้นกว่าคนต่อวันซึ่งในแต่ละวันก็ยังมีปลาสดเหลือบ้างมิมากมาย
จากการตรวจสอบและคำนวนอย่างถี่ถ้วนพบว่าจำนวนปลาในแต่ละวันจะเพียงพอต่อคนร้อยห้าสิบคนหรือก็คือสามเมืองนั่นเอง แต่จากที่เห็นเมืองผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดแบบนี้คงมีคนไม่ต่ำกว่าพันคนเป็นแน่และอย่างน้อยๆที่มีประเด็นกันอยู่ตอนนี้ก็คือเอลฟ์กลุ่มใหม่และมนุษย์หมาป่าเลือดร้อนซึ่งเหมารวมแล้วมีจำนวนทั้งสิ้นร้อยชีวิต
แน่นอนว่าจำนวนนี้เมื่อมาบวกลบกับพลเมืองที่จำเป็นต้องบริโภคปลาในแม่น้ำแห่งนี้แล้ว…มันไม่เพียงพอ
“เราไม่สามารถแบ่งให้พวกเขาได้ พวกเขาสองเมืองมีสมาชิกกว่าร้อยคนถึงแม้จะพวกเราจะเหลือปลาที่มีเพียงพอต่อสามสิบคนแต่หากเราแบ่งให้พวกเขาก็แปลว่าคนของเราอีกเจ็ดสิบคนต้องอดอาหารเพื่อให้พวกเขากินอิ่ม? คงไม่ดีแน่” หลินหยางกล่าว
พวกเขาหลายคนคิดมิตก มิทราบทางออก
ณ ตอนนั้นเอง มีคนวิ่งเข้ามาในเพิงพักที่พวกเขากำลังหารือกันอยู่
“พี่หยางพวกมันสู้กันแล้ว!!” คนที่เข้ามาคือคนที่หลินหยางคอยให้เขาสอดแนมกลุ่มเอลฟ์และมนุษย์หมาป่าที่แม่น้ำ
“หืม? ไปเร็ว” หลินหยางรีบพาทีมระยะใกล้ออกเดินทางไปที่แม่น้ำทันทีเหล่าเอลฟ์ก็ติดตามไปเช่นกัน
เมื่อมาถึงพวกเขาเห็นเหล่าเอลฟ์และมนุษย์หมาป่ากำลังรบรา
หลินหยางเมื่อคิดว่าหากไม่มีทางออก คงต้องได้ต่อสู้กับพวกเขาเช่นกันเขาจึงมิได้เข้าไปห้าม ให้พวกมันเข่นฆ่ากันเองเหลือกำลังพลหน่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่อยไปแทรกแซงก็ยังมิสาย
“เจียวฮั่น?” อยู่ๆมนุษย์หมาป่าเจียวซินข้างๆหลินหยางก็เอ่ยปากขึ้น
“พี่เจียวซิน” หัวหน้ามนุษย์หมาป่าหยุดชะงักในบัดดลมองหาต้นตอของเสียงที่เพรียกเรียกนามของตนก่อนจะเอ่ยนามของมันผู้นั้นกลับไป
“พี่เจียวซินจริงๆ พวกเรารอดแล้ว”เหล่ามนุษย์หมาป่าเมื่อเห็นเจียวซินก็โห่ร้องยินดี
ณ ตอนนั้นเอง
“นั่นเจ้าใช่ลี่เฉินใช่ไหม” จู่ๆเอลฟ์ลี่จูที่อยู่ด้านข้างหลินหยางก็กล่าวพร้อมกับมองไปยังผู้นำเอลฟ์ที่กำลังต่อสู้กับมนุษย์หมาป่า
“ท่านลี่จู”เอลฟ์ตนนั้นเมื่อเห็นลี่จูก็ดวงตาลุกวาว
“ท่านลี่จู มีท่านลี่จูพวกเราก็ไม่ต้องกลัวพวกมนุษย์หมาป่าอีก” เหล่าเอลฟ์ก็ป่าวร้องใบหน้ายิ้มแย้ม
“….” หลินหยางยืนงง
ตอนที่ 40 แก้ปัญหา
ตอนนี้หลินหยางและเหล่ามนุษย์กำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเผ่าเอลฟ์กับมนุษย์หมาป่า
“พี่เจียวซินเจ้าเอลฟ์พวกนั้นมันคิดจะแย่งแหล่งน้ำไปจากพวกเรา” มนุษย์หมาป่าเจียวฮั่นกล่าว
“แหล่งน้ำนี่ใช่ของเจ้าสักเมื่อไหร่ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่แห่งนี้ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าแล้วนี่ไง” เจียวซินตอบ
“มนุษย์? พี่พวกเราแย่งมันมากันเถอะหากมีพี่กับพี่เจียวจ้านช่วยพวกเราต้องยึดที่นี่ได้สำเร็จแน่” เจียวฮั่นกล่าว
บทสนทนาเช่นนี้มิลื่นหูสำหรับหลินหยางเอาซะเลย
“นั่นไม่จำเป็นหรอก ตอนนี้ฝูงมนุษย์หมาป่าของเราอาศัยอยู่ร่วมกันภายในเมืองของพี่หยาง ส่วนเจียวจ้าน….เขาตายแล้ว” เจียวซินยิ้ม
“อะไรนะ!!” เหล่ามนุษย์หมาป่าต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เจียวจ้านคือผู้ที่เก่งการต่อสู้ที่สุดในฝูงของพวกเขา ผู้นำรุ่นก่อนก็พ่ายแพ้ก็แก่เจียวจ้านเช่นกัน
“ตอนนี้พวกเราอยู่ภายในการปกครองของพี่หยางและคลองน้ำแห่งนี้ก็เป็นเขาเช่นกันที่พิชิตมันมาได้จากกบยักษ์” เจียวซินกล่าว
“พวกเจ้าอย่าไปสนใจเหล่าเอลฟ์ขี้ขลาดนั่นเลย พวกเราเคยบุกเมืองพวกมันมาแล้วหากไม่ได้พี่หยางมาช่วยพวกมันก็พ่ายแพ้แก่เราไปเป็นที่เรียบร้อย” เจียวซินกล่าวด้วยใบหน้าภูมิใจพร้อมกับพ่นลมออกจมูก
“ฮ่าๆ ข้าว่าแล้วเชียวพวกมันที่รูปร่างบอบบางไหนเลยจะสู้กับพวกเราได้” เหล่ามนุษย์หมาป่าแปรเปลี่ยนอารมณ์ได้ว่องไวยิ่งนัก พวกมันหูผึ่งรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันตา
ทางด้านของเอลฟ์
“ท่านลี่จู พวกมนุษย์หมาป่ามันต้องการครอบครองแหล่งน้ำแห่งนี้ไว้คนเดียว” เอลฟ์ลี่เฉินกล่าว
“ใช่ๆพวกมันช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก” เหล่าเอลฟ์ส่งเสียง
“คลองน้ำนี้มิใช่ของพวกมัน พวกเราร่วมมือกับท่านหลินหยางเพื่อพิชิตมันมาได้กว่าสามเดือนแล้ว” ลี่จูกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ท่านหลินหยาง คือมนุษย์คนนั้นเขาเป็นพันธมิตรกับเมืองของเรา พวกมนุษย์หมาป่ากลุ่มนั้นก็อยู่ภายใต้การปกครองของเขา” ลี่จูกล่าวพลางมองไปที่เจียวซิน
“ผู้นำมนุษย์หมาป่าที่โง่เขลา เคยบุกมาโจมตีหมู่บ้านเอลฟ์ของเราแต่พวกมันก็ได้พ่ายแพ้กลับไป ฮ่าๆ” ลี่จูยิ้มร่า
“โห่ เป็นแบบนี้นี่เอง” เหล่าเอลฟ์ได้ฟังก็รู้สึกภูมิใจในเผ่าพันธุ์ของตน
“…” หลินหยางที่ยืนอยู่ระหว่างกลางของสองเผ่าพันธุ์ไม่ทราบว่าต้องทำตัวเยี่ยงไร
‘นี่พวกมันรู้จักกันหรอกเรอะ!’ หลินหยางพึ่งจะประติดประต่อเรื่องราวได้หลังจากพินิจฟังบทสนทนาของทั้งสองเผ่า
“ลี่จู เจียวซินขอคุยด้วยหน่อยสิ” หลินหยางเรียกทั้งสองคนมา
“พี่หยางเจียวฮั่นเป็นหมาป่าในฝูงของเราพวกเราแบ่งแหล่งน้ำให้พวกเขาเถอะ” เจียวซินกล่าวโน้มน้าว
“ท่านหลินหยางลี่เฉินเขาเป็นคนจากอาณาจักรเอลฟ์เช่นเดียวกับพวกเรา พวกเราแบ่งแหล่งน้ำให้พวกเขาเถอะ”เอลฟ์ลี่จูโน้มน้าวเช่นกัน
“เอ่อ..ปลาภายในน้ำมันมีจำกัดอยู่ เราสามารถแบ่งให้ได้เพียงไม่มากเท่านั้น” หลินหยางกล่าวอย่างลำบากใจ ซึ่งก่อนหน้านี้มันก็ได้บอกรายละเอียดแก่ทั้งสองฝ่ายไปแล้วแต่ดูเหมือนพวกมันทั้งคู่จะมิสนใจเรื่องพวกนั้นเสียเท่าไหร่
ตอนนี้เนื่องจากพวกเขายังมีเนื้อราชสีห์ตาเดียวอยู่ซึ่งสามารถกินไปได้อีกประมาณหนึ่งเดือนตอนนี้พวกเขาก็สามารถแบ่งปลาให้ได้แต่หากเนื้อราชสีห์ตาเดียวหมดแล้ว หลินหยางก็ไม่อยากให้คนของเขาอดมื้อกินมื้อเช่นกัน ดูจากเหล่าเอลฟ์และมนุษย์หมาป่าที่พึ่งมาใหม่พวกมันคงมีอาหารกินได้อีกสองถึงสามวัน
อืม….หลินหยางนั่งขมวดคิ้วเคร่งเครียดมิพูดจาอยู่นานนม
“เอาเถอะ ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้ก็คงไม่มีทางเลือก” ชายหนุ่มกล่าวแต่การแบ่งอาหารเป็นเพียงแค่วิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
แต่ก็ใช่ว่าจะหมดหนทางเสียเมื่อไหร่ หลินหยางเรียกระดมความคิดจากเหล่าผู้นำแต่ละฝ่ายและผลสรุปแก้วิกฤตขาดแคลนอาหารในครั้งนี้ก็ออกมาหลังจากผ่านไปหลายนาที พวกมันต่างก็คิดเห็นตรงกันว่าต้อง….หาแหล่งอาหารแห่งใหม่!