เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 433-434
ตอนที่ 433 สติแตก
“ไอ้โง่! ค้างคาวด้านหลังโว้ย” จิ่นเหอสบถกร่นด่ามันพร้อมกับชักดาบออกมาจากเอววิ่งผ่านร่างมันฟันเข้าใส่ค้างคาวปีกเหล็กตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองสังเกตุให้ดีจะพบว่ามันคือค้างคาวระดับหกนั่นเอง
ฉับบบ!
หัวของค้างคาวระดับหกตัวนั้นแหว่งออกจากร่างกายของมันทันทีส่งร่างของมันสองส่วนแยกออกจากกันตกลงสู่พื้นไปคนละทิศทาง
“ห๊า มันมาได้ไงว่ะ” ตอนนี้หลิวไห่มันรู้ตัวแล้วเมื่อเห็นร่างของค้างคาวปีกเหล็ก
ที่พวกมันเหล่านี้แปลกใจอันเนื่องมาจากสิ่งพวกมันเห็นมิสมควรมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้
หากเป็นไปตามที่แผนการได้วางเอาไว้สิ่งที่ควรจะเห็นก่อนเป็นอันดับแรกคือผู้นำของพวกมันหลินหยางนั่นเอง แต่ทว่าบัดนี้กลับมีค้างคาวปีกเหล็กที่ออกมาก่อนหน้าหลินหยาง
หรือว่าหลินหยางพลาดท่าไปเสียแล้ว?
นี่คือสิ่งที่พวกมันคิด
#@!%@^
‘?’ เทียนหนิงเจี้ยนที่นั่งหลบมุมอยู่ในที่พักชั่วคราวมันหยุดมือมิวาดเขียนต่อ
ตอนนี้มันได้ยินเสียงโหวกเหวกดังขึ้นมารบกวนสมาธิ มันชโงกศรีษะมองลอดออกไปมองภายนอกด้วยความสงสัย
แคว๊ก~
ว๊ากกกก~
จู่ๆก็มีสัตว์ประหลาดบางตัวพุ่งเข้ามาภายในที่แห่งนี้ปะทะเข้าชนกับใบหน้าของมันอย่างจัง
มันกรี๊ดลั่นมิห่วงภาพพจน์ของตนเองหงายหลังตึงด้วยความตกใจ
ทำให้คนที่กำลังพักผ่อนกันอยู่ภายในที่พักแห่งนี้สะดุ้งตกใจสุดขีดกับเสียงกรี๊ดของเทียนหนิงเจี้ยนที่เสียดแทงเจาะเข้าสู่ระบบประสาทของพวกมันจนแสบแก้วหู..
แม้แต่เจียวซิ่นที่นอนซมอยู่ยังมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกสะดุ้งตกใจกับเสียงกรีดร้องของมัน..
“นั่นมัน!” เจียวฮั่นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมันเห็นร่างของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นที่ชนเข้ากับใบหน้าของเทียนหนิงเจี้ยนมันคือค้างคาวปีกเหล็กระดับหก
เจ้าค้างคาวตัวนี้ดูเหมือนมันเองก็มิได้คาดคิดเช่นกันว่ายามที่มันบินเข้ามาในกระโจมแห่งนี้จะกระแทกชนเข้าใส่ใบหน้าของชายผู้หนึ่งเข้าอย่างแรงราวกับชนเข้ากับหินก้อนโตก็มิปาน
มันถูกแรงปะทะกระเด็นหมุนตลบกลิ้งลงไปอยู่บนพื้นหญ้าอย่างหมดสภาพ
“เหวออ”
ตุบ~
ตุบบ~
มิช้ามันก็ตกตายลงด้วยฝีมือของมนุษย์หมาป่าตนหนึ่งมันคือหนึ่งในสี่มนุษย์หมาป่าที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลินยหยางไปเมื่อครู่
ครู่นี้มันกำลังนั่งบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับถ้ำค้างคาวให้แก่เทียนหนิงเจี้ยนอยู่
มันลุกขึ้นพรวดพราดร้องอย่างตกใจสติกระเจิงใช้เท้าข้างหนึ่งกระหน่ำเหยียบย่ำลงไปบนร่างของค้างคาวระดับหกราวห้าถึงหกที
ยามเมื่อมันถอนเท้ากลับร่างของค้างคาวตัวนั้นก็เละแบนติดผืนดินไปเสียแล้ว
‘ฮู่ว~’ มนุษย์หมาป่าตนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อครู่มันตื่นตกใจจนขนที่ขึ้นปกคลุมบนร่างกายตั้งชี้ฟ้า
“อะแฮ่ม” มันกระแอมทำหน้าระรื่นพลางปรับเปลี่ยนสีหน้าจัดการกับทรงผมปัดขนให้เรียบเนียนกลับมาเป็นปกติดังเดิม มันทำเหมือนคนที่สะดุ้งตกใจจนสติแตกเมื่อครู่มิใช่มัน…
ตอนที่ 434 เว้นระยะ
“อุ๊” เทียนหนิงเจี้ยนดันตัวลุกขึ้นนั่งใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าของตนอยู่
เมื่อมันเอามือที่ปิดบังใบหน้าออกจะพบว่าตอนนี้เลือดกำเดาของมันกำลังไหลรินอยู่ เกิดจากแรงปะทะกันนั่นเอง
ใบหน้าของมันก็หนาใช่ย่อยแม้จะถูกค้างคาวปีกเหล็กระดับหกที่มีน้ำหนักเกินกว่าสิบกิโลชนเข้าใส่ด้วยความเร็วเกือบสูงสุด
ใบของมันที่ตกเป็นเป็นเป้ากลับได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยมิบุบสลายไปเลย
“เอ่อ..นายเป็นอะไรไหม?” กลุ่มมนุษย์หมาป่าทั้งสี่ตนกล่าวถามเมื่อเห็นว่ามันได้เลือดจากการโจมตี
เทียนหนิงเจี้ยนส่ายหัวตอบกลับว่าตนเองยังปลอดภัย พลางใช้เสื้อผ้าของตนซับเลือดที่ไหลรินออกมาด้วยใบหน้าที่มิค่อยสู้ดีนัก
ถูกแรงปะทะจนถึงขึ้นเลือดออกแน่นอนย่อมมีความเจ็บปวดตามมา ทันใดนั้นเองมันคล้ายกับนึกบางอย่างขึ้นได้
“แย่แล้ว” มันมิสนใจเลือดที่จมูกของตนมันลุกขึ้นรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อมันออกมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกทำให้คิ้วของมันขมวดเป็นปมเข้าหากัน เพราะตอนนี้มันย่ำแย่จริงๆแล้ว
มองไปยังปากถ้ำมีค้างคาวทั้งระดับหกและสี่ทยอยกันออกมาทีละสี่ห้าตัวไม่ขาดสาย
เหล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่หน้าปากถ้ำเหล่านี้กำลังพัวพันใช้ดาบและหอกฟาดฟันทิ่มแทงขึ้นไปบนอากาศเพื่อจัดการกับค้างคาวที่บินว่อนคอยโฉบเฉี่ยวลงมาโจมตีพวกเขาในแนวดิ่ง!
‘บัดซบ’ มันส่งเสียงสบถในลำคอตอนนี้พวกเขานับว่าพบเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินกว่าจะขาดคิด
เดิมทีพวกมันได้เตรียมแผนการตั้งรับเพื่อจัดการค้างคาวเหล่านี้เอาไว้แล้ว แต่นั่นคือต้องมิให้พวกมันได้กางปีกโบยบินได้อย่างเป็นอิสระมิเช่นนั้นแม้พวกเขาจะมีคนมากกว่านี้อีกสองเท่าก็ยังคงเสียเปรียบอยู่ดี
ค้างคาวเหล่านี้หากลองให้มันได้สยายปีกเป็นอิสระอยู่บนท้องฟ้าต่อให้ใช้สิ่งใดก็คงฉุดเอามันลงมามิได้
มองไปยังหอคอยไม้ที่พึ่งสร้างขึ้นมาเสร็จหมาดๆแม้จะมีทีมก่อสร้างขึนไปประจำการอยู่ด้านบนพร้อมกับอาวุธระยะไกลอย่างธนูและหน้าไม้ มันกลับแสดงฝีมือออกมาอย่างไม่น่าพึงพอใจนัก
ไม่ว่าพวกมันจะยิงโจมตีเข้าใส่มากเพียงใดก็มีเพียงลูกศรไม่กี่ดอกที่จะปักเข้าใส่ร่างกายของค้างคาวปีศาจพวกนี้
พวกมันสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีด้วยอาวุธระยะไกลได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สร้างช่องว่างเพิ่มระดับความสูงของตนมากขึ้นไปอีก
บนท้องนภาบัดนี้มีค้างคาวนับร้อยตัวที่บินอยู่สูงกว่าสี่ร้อยห้าร้อยเมตรจากระดับพื้นดิน
เมื่อมันสร้างระยะห่างเช่นนี้สมาชิกทีมระยะใกล้ที่ประจำการอยู่บนหอคอยก็มิสามารถโจมตีพวกมันได้ถึง อย่าว่าแต่สี่ร้อยเลยแม้แต่สามร้อยเมตรบนพื้นดินพวกมันก็แทบจะยิงมิถึงอยู่แล้ว
นับประสาอะไรกับศัตรูที่ลอยอยู่เหนือหัวของพวกมัน หากในระยะที่เท่ากันระหว่างพื้นดินและบนฟ้าการจะโจมตีขึ้นไปด้านบนต้องฝืนแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติเข้าไปด้วย
ฉะนั้นพวกมันยิ่งต้องเงื้อง้างเพิ่มแรงยิงเข้าไปอีกซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกมันที่มิถนัดถัดถี่ในเรื่องการต่อสู้