เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 49-50
ตอนที่ 49 ถ้ำประหลาด(ตอนกลาง)
“มันโผล่มาจากไหนเนี้ย!” หลินหยางอุทานเพราะเมื่อกี้เขายังเดินเข้ามาปกติกลับมิได้สังเกตุเลยว่าพวกมันอยู่ข้างๆ
เขาฟันหัวเจ้าตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดพลางถอยไปด้วย พวกมันแต่ละตัวถือดาบ บางตัวถือหอก มองเช่นนี้พวกนี้คงเป็นเหล่ากองทัพที่สิ้นชีวิตไปแน่ หากเขาสามารถเอาอาวุธที่พวกมันใช้กว่าร้อยตัวนี้กลับไปได้เขาคงต้องสร้างคลังแสงเพื่อเก็บอาวุธเหล่านี้คิดได้ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะฆ่าพวกมันให้หมด
เขาสับหัวและฟันลำตัวของพวกมันแค่ทีเดียวเหล่าโครงกระดูกนี้ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ได้อีกอาจจะเป็นเพราะกาลเวลาทำให้กระดูกของพวกมันผุกร่อนลงหรืออย่างไรไม่ทราบแน่ แต่มันก็เป็นผลดีสำหรับเขา
การต่อสู้กับพวกมันมิได้ยากเย็นอะไรเลยแต่เพราะมีความมืดเป็นอุปสรรคจึงมิอาจบุ่มบ่ามฆ่าได้หนึ่งตัวก็ถอยหนึ่งก้าว
เนื่องจากพวกมันเดินช้ากอปรกับความรวดเร็วของหลินหยางจึงได้เปรียบมิใช่น้อย หากเขาสามารถมองเห็นพวกมันได้ชัดเจนเขาคงจะเข้าไปโรมรันกับพวกมันเป็นแน่
‘คุณฆ่าปีศาจโครงกระดูกระดับ 4 ยี่สิบตัว’
‘ยินดีด้วยคุณเลื่อนถึงระดับ 11 สำเร็จแล้ว ได้รับแต้มค่าสถานะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด’
เมื่อคร่าพวกมันไปร่วม 20 ตัวเขาก็เลื่อนระดับขึ้น
‘เพิ่มค่าสถานะความเร็ว 0.1 เสร็จสิ้น’
‘ทักษะราชสีห์คำรามระดับ 3 ได้รับการเลื่อนขั้น 4/10 เรียบร้อยแล้ว
เขาเพิ่มค่าสถานะทันที และยังคงสู้ต่อไปมิได้หยุดพัก
‘คุณฆ่าปีศาจโครงกระดูกระดับ 4 แปดสิบตัว’
‘ยินดีด้วยคุณเลื่อนถึงระดับ 12 สำเร็จแล้ว ได้รับแต้มค่าสถานะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด’
เมื่อคร่าถึง 80 ตัวระดับของเขาก็เพิ่มขึ้น เมื่อระดับยิ่งสูงจำนวนที่ต้องฆ่านั้นก็สูงขึ้นด้วย
‘เพิ่มค่าสถานะความเร็ว 0.1 เสร็จสิ้น’
‘ทักษะราชสีห์คำรามระดับ 3 ได้รับการเลื่อนขั้น 5/10 เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ร่างกายเขาเริ่มอ่อนล้า มิทราบว่าต่อสู้มานานแค่ไหนแต่จำนวนของโครงกระดูกก็เหลือเพียงสามสี่สิบตัวเท่านั้นตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงเต็มทนแต่หากมาหมดแรงตอนนี้เขาได้สิ้นชีวีเป็นแน่ หลินหยางกัดฟันสู้ต่อไปมิมีโอกาศให้หยุดพัก
‘คุณฆ่าปีศาจโครงกระดูกระดับ 4 หนึ่งร้อยยี่สิบสามตัว’
และแล้วการต่อสู้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยหอบพลางยิ้มรื่นการเข้ามาในถ้ำครั้งนี้นับว่าคุ้มค่ายิ่งนักแม้จะมิได้อาหารกลับไปแต่ระดับเขาเพิ่มขึ้นถึงสองระดับและมีอาวุธที่โครงกระดูกพวกนี้ใช้กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
เมื่อพักจนหายเหนื่อยเขาก็ลุกขึ้นเดินไปรอบๆโครงกระดูกที่เสียจิตวิญญาณไปเรียบร้อยเพื่อมองหาเหรียญเงินและหนังสือทักษะ
หลังจากรวบรวมทั้งหมดแล้วเขาได้เหรียญเงินกว่าสามร้อยเหรียญและหนังสือทักษะสามเล่ม
เขาดูหนังสือทักษะภายในมือ
ทักษะ ระดับ 2 กระดูกศิลา
คำอธิบาย : ทักษะติดตัวมีความสามารถในการเสริมความแข็งแรงของกระดูก
หลินหยางแสยะยิ้มและใช้มันทันที
‘คุณได้เรียนรู้ทักษะกระดูกศิลาระดับ 2 เรียบร้อยแล้ว’
กร๊อบ~~
เมื่อเรียนทักษะใหม่ก็มีเสียงจากร่างกายราวกับว่ากระดูกของเขากำลังขยับมันให้ความรู้สึกที่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก
เขาลองถือดาบและฟันลงพบว่าความแรงของการโจมตีเพิ่มขึ้นนิดหน่อยอันเนื่องมาจากกระดูกที่แข็งแรงจึงทำให้พละกำลังเขาเพิ่มตามไปด้วย
เขามองทักษะภายในมือที่เหลืออีกสองเล่มและทดลองเปิดทักษะเล่มนึงขึ้น
‘ทักษะกระดูกศิลาระดับ 2 ได้รับการเลื่อนขั้น 2/10 เรียบร้อยแล้ว
“โฮ่ สุดยอดจริงๆ” เขาหยิบหนังสือทักษะอีกเล่มใช้ทันที
‘ทักษะกระดูกศิลาระดับ 2 ได้รับการเลื่อนขั้น 3/10 เรียบร้อยแล้ว
หากสามารถเพิ่มขั้นของทักษะด้วยทักษะที่เหมือนกันได้เขาย่อมเหลือแต้มทักษะไปใช้เพิ่มทักษะที่จำเป็น
ตอนที่ 50 ถ้ำประหลาด(ตอนปลาย)
หลินหยางจัดการรวบรวมอาวุธที่เหล่าโครงกระดูกใช้มารวมไว้เป็นกองเดียววางไว้ด้านข้างผนังถ้ำ เขาก็เก็บเหรียญเงินใส่กระเป๋าพลางยิ้มอย่างร่าเริงเพราะการต่อสู้ครั้งนี้เขาต่อสู้เพียงลำพังทักษะและเงินทั้งหมดจึงเป็นของเขาผู้เดียว
เขาเดินต่อเข้าไปภายในถ้ำหวังจะเจอเหล่าโครงกระดูกอีกเพราะถ้ำแห่งนี้ราวกับขุมทรัพย์ก็มิปานหลินหยางคิดเช่นนั้น
เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆมิพบโครงกระดูกมีเพียงแต่ความมืดมิด เขาเดินเข้ามาไกลแค่ไหนและใช้เวลาอยู่ในนี้นานเท่าไหร่ก็มิทราบเพราะมีเพียงแต่ความมืดเขาจึงมิรู้วันคืนผ่านไปแค่ไหนแล้ว
เมื่อเดินต่อได้อีกไม่นานเขาก็เห็นแสง ทว่ามิใช่แสงของดวงตาโครงกระดูกแต่มันราวกับแสงอาทิตย์สาดส่องทำให้เริ่มมองเห็นทางต่อไปข้างหน้า
‘แสงมันเข้ามาได้ยังไง’ ตอนนี้เขาอยู่ในถ้ำกลับมีแสงส่องออกมาจากส่วนลึกของถ้ำทำให้เขาสงสัยอยู่ไม่น้อย
เขาเดินไปทางต้นตอของแสงเรื่อยๆเริ่มมองเห็นพื้นดินและผนังถ้ำบ้างแล้ว เขารู้สึกว่าทางเดินมันเดินต่ำลงไม่ได้ราบเรียบเช่นเดิม
ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น มันมิใช่แสงที่ส่องจากดวงอาทิตย์แต่มันเป็นประตู ประตูสีทองอร่ามมีแสงเรืองรอง บนประตูมิได้มีลวดลายอันใดเป็นประตูเรียบๆ มีเพียงลูกบิดประตูเท่านั้น
‘ประตูในถ้ำ? นี่มิใช่ถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมรึ?’ หลินหยางขมวดคิ้ว
เขามิทราบอะไรจะอยู่ด้านหลังประตูใบนี้ แก้วแหวนเงินทอง ตอนนี้เขามิได้ต้องการ เหตุผลที่ทีมสำรวจออกมาครานี้คืออาหาร แต่เขาก็ทนต่อความอยากรู้อยากเห็นมิได้ ตัดสินใจหมุนลูกบิดสีทองบนประตู
ครืน~~
เมื่อเขาหมุนลูกบิดราวกับว่าประตูถูกเปิดขึ้นด้วยตัวมันเอง หลินหยางตกใจจึงปล่อยมือและถอยออกห่างประตูบานนั้นมันค่อยๆแง้มออกมาอย่างช้าๆจนเปิดออกกว้าง ด้านหลังประตูมีแสงส่องออกมาสว่างจ้าจนแสบตายากจะมองตรงๆได้
หลินหยางเดินเข้าไปแอบที่หลังบานประตูและชะเง้อมองข้างใน กลับเห็นเพียงแค่แสงสว่างที่แสบตาเท่านั้นไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดอย่างอื่นได้เลย
‘มาถึงขนาดนี้คงต้องเข้าไปแล้วล่ะ’ หลินหยางตัดสินใจค่อยๆเข้าไปภายใน
“โฮ่ เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตรายแรกที่ข้าเจอในรอบพันปี” เมื่อหลินหยางเข้ามาเขายังมิทันได้มองดูสิ่งใดก็มีเสียงที่ทรงภูมิและมีอายุดังกังวาล
หลินหยางตกใจมองไปรอบๆ ที่เขาอยู่ในตอนนี้ราวกับออกมาจากจินตนาการก็มิปาน ท้องฟ้าสดใส มีดอกไม้ทุ่งหญ้าและบ้านไม้เก่าแก่หลังและมีคนนั่งอยู่บนเก้าอี้สวมชุดคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้ามิสามารถมองเห็นใบหน้าและร่างกาย
‘ที่นี่ที่ไหน? เมื่อกี้เรายังอยู่ในถ้ำอยู่เลยแล้วเรามาโผล่ที่ไหนเนี้ย’ หลินหยางขมวดคิ้วครุ่นคิดหาคำตอบ
“ข้ามิได้ตั้งใจบุกรุกบ้านของท่าน ข้าขอตัวลา” หลินหยางรีบหันตัวกลับทันทีเพราะจากที่ได้ยิน เขาบอกว่ามีอายุกว่าพันปีแล้ว ฉะนั้นหากไม่เป็นเทพเจ้า ปีศาจ ก็คนบ้า..
“พ่อหนุ่มจะรีบไปไหน” ทันใดนั้นเองหลินหยางที่กำลังจะเดินกลับออกไป ประตูบานนั้นกลับปิดลงและอันตธานหายไปต่อหน้าต่อหน้าเขา
“อย่างที่บอกข้ามิได้เจอใครกว่าพันปีแล้ว เจ้าไม่สงสารตาแก่ที่อยู่ตัวคนเดียวบ้างหรือ” คนที่นั่งอยู่กล่าวขึ้น
“…” หลินหยางขมวดคิ้ว
‘อะไรกันตาแก่นี้ แล้วทำไมไม่ออกไปข้างนอกเล่า มาหมกตัวอยู่ในถ้ำคงจะได้เจอคนหรอก’ หลินหยางคิด
“เอ่อผู้อาวุโสข้ามิได้ตั้งใจล่วงเกินท่าน” หลินหยางกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่อ้อนวอน เขายังจำได้หากทำให้เทพเจ้ามิพอใจเพียงแค่ปรายตามองก็เหลือเพียงแค่เศษเนื้อดังเช่น จูเกิงเฉิน อดีตคนในเมืองของเขา
“ฮ่าๆ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” เขาพูดพร้อมกับเอาผ้าคลุมออกไปจากร่างกาย
หลินหยางมองเห็นอย่างนั้นก็ลมแทบจับเพราะรูปร่างของชายชราคนนี้หาใช่มนุษย์ไม่
‘มันบ้าอะไรกัน’ หลินหยางคิด