เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 543-544
ตอนที่ 543 ระแวง
แม้ตอนนี้ตัวเขาและกลุ่มจะสามารถออกมาจากจุดอันตรายมากที่สุดอย่างส่วนลึกของถ้ำแหล่งอาศัยของปีศาจแวมไพร์แล้วก็ตาม แต่ด้วยสถานที่อยู่ปัจจุบันยังไม่สามารถเรียกได้ว่าปลอดภัยได้เพราะเส้นทางส่วนนี้ก็ยังมิได้ห่างจากแหล่งกบดานเมื่อครู่มากนัก
หากเป็นถ้ำมดไฟ เพียงแค่ข้ามผ่านทางออกตรงส่วนลึกของถ้ำออกมาได้ก็คงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบถึงเพียงนี้ เพราะผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างนางพญามดไฟมีขนาดตัวใหญ่โตมโหฬารเกินกว่าจะมุดออกจากคอขวดตรงส่วนนั้นและไล่ล่าพวกเขาได้
แต่สำหรับแวมไพร์ปีศาจแล้วละก็ส่วนคอขวดทางเข้ารังของมันไม่เป็นปํญหาสำหรับมันแน่นอน เพราะขนาดตัวของมันแทบไม่ต่างจากมนุษย์เสียด้วยซ้ำ
‘…’ หลังจากหลินหยางกล่าวเร่งพวกมันไปได้เพียงครู่เดียว ขบวนแถวก็เคลื่อนที่ไวขึ้นกลับสู่สภาวะปกติได้เพียงไม่นาน ความเร็วก็ค่อยๆตกลงดังเดิม ส่งผลให้คิ้วทั้งสองข้างของหลินหยางขมวดเข้าหากัน
“พวกนายสองคนมัวทำอะไร! วิ่งต่อไปอย่าลดความเร็ว!” หลินหยางตะโกนตอนนี้เขาเริ่มมีน้ำโหแล้ว
ผู้นำขบวนทั้งสองเมื่อได้ฟังน้ำเสียงของหลินหยางพวกมันสะดุ้งและรีบกลับมาใช้ความเร็วสูงสุดของตนตามเดิมทันที ปัญหาความล่าช้านี้มาจากพวกมันทั้งสองคนซึ่งเป็นผู้นำของขบวนแถวนี้
ไม่ว่าส่วนกลางหรือท้ายขบวนอยากจะวิ่งเร็วมากเพียงใดก็มิสามารถทำได้หากหัวแถวยังคงชลอและกีดขวางอยู่เช่นนี้
“เอ่อ…” พวกมันทั้งสองมิได้ตอบกลับเสียงของชายหนุ่มแต่อย่างใด ฝืนบังคับเท้าของตนเองตามคำบัญชา
แต่ทว่ายังมิห่างจากจุดเดิมเกินร้อยเมตรความเร็วของพวกมันก็ลดลงอีกครา แถมเริ่มช้าลงเรื่อยๆเสียอีก อันเนื่องมาจากความหวาดระแวงของพวกมันทั้งสองนั่นเอง…
เดิมทีความมุ่งมั่นที่พวกมันมีเป็นแรงผลักดันให้แก่พวกมันอยากมีชีวิตรอด แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าตนเองไกลห่างออกมาจากส่วนลึกของถ้ำแล้ว พวกมันจึงเริ่มระมัดระวังยิ่งขึ้น เส้นทางภายในถ้ำอันมืดมิดสร้างแรงกดดันให้แก่พวกเขาทั้งหมด
แม้จะเป็นเส้นทางตรงไม่คดเคี้ยวแต่ทว่าระยะการมองเห็นที่มีเพียงหนึ่งเมตรส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่ที่พวกมันมองเห็นล้วนมีแต่สีดำที่มืดมิดเท่านั้น หากในระหว่างที่วิ่งอยู่นั้นกลับถูกโจมตีสวนมาจากศัตรูละก็พวกมันจะมีเวลาให้แก้สถานการณ์เพียงเสี้ยววิเท่านั้น
จึงมิแปลกที่ชายผู้อยู่หัวแถวทั้งสองคนจะลดความเร็วลงเพื่อความสบายใจและปลอดภัยของตัวมันเอง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีหากแต่มิใช่สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็วมากกว่า
การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ออกหากินในยามค่ำคืนเช่นนี้พวกเขาย่อมเสียเปรียบหากปะทะกับมันในความมืด หากพวกเขาสามารถเปลี่ยนสถานที่ออกไปจากถ้ำแห่งนี้เผื่อเผชิญหน้ากับมันด้านนอกถ้ำในที่โล่งกว้าง
แม้จะเสียเปรียบที่ศัตรูสามารถโบยบินบนอากาศได้แต่พวกเขายังไม่จนตรอกเท่าปัจจุบัน แม้จะเป็นกลางคืนก็ยังมีแสงเดือนและดาวส่องเพิ่มระยะการมองเห็น มิให้มืดมิดจนเกินไปเฉกเช่นที่เป็นอยู่
ตอนที่ 544 เดือด
นอกเสียจากว่าพวกเขาจะทำให้ถ้ำที่มืดมิดนี้มีแสงไฟส่องสว่างขึ้นมาด้วยการเผาไหม้หรือจุดไฟซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของตอนนี้คือพวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อออกไปจากถ้ำแห่งนี้เปลี่ยนสมรภูมิรบให้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“อย่าลดความเร็ว หากต่อสู้กันตรงทางเดินที่คับแคบเช่นนี้พวกเราจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หากมิอยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ตรงนี้ก็เร่งความเร็วซะวิ่งไปอย่าหยุดจนกว่าขาของนายจะหัก เท้าจะขาดสะบั้น สิ่งแรกที่พวกเราต้องทำคือออกไปจากที่นี้ให้ได้ก่อน”
“ต-แต่ว่า” ชายผู้มีระดับสี่ลังเลชั่วครู่ก่อนจะกล่าววาจาหมายจะหาข้ออ้างมารองรับให้แก่ตนเอง
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น!! นายลืมไปแล้วหรือไงว่ากลุ่มหลบหนีกลุ่มแรกก็ใช้เส้นทางเดียวกันนี้ในการเดินทาง ตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ของพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย นี่สามารถยืนยันได้ว่าเส้นทางต่อจากนี้ยังคงปลอดภัยและไม่มีศัตรูอยู่แน่นอน หากคนกลุ่มแรกสามารถรอดไปได้แล้วพวกนายล่ะ ป่านนี้พวกนั้นคงจะออกจากถ้ำนี้ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ นายจะมัวมารีรออะไรอยู่?” หลินหยางตะโกนลั่น ตอนนี้เขาเริ่มอารมณ์เสียแล้วกับการโลเลของชายผู้มีระดับสี่
“…” แม้หลินหยางจะกล่าวไปข้างต้นแล้วก็ตามพวกมันก็ยังคงหวาดระแวงการลอบโจมตีจากศัตรูอยู่ดังเดิม
ส่งผลให้ขบวนทัพเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า มันไม่สามารถเรียกได้ว่าการวิ่งเสียด้วยซ้ำ ความเร็วระดับนี้คงเหมาะกับคำว่าเดินไวเสียมากกว่า
“หยุด!!” หลินหยางตะโกนลั่นบ่งบอกถึงความอดทนของเขาที่มาถึงจุดสิ้นสุด
หลินหยางแทรกตัวจากด้านหลังของกลุ่มเดินผ่านคนแล้วคนเล่าจนขึ้นมาถึงหัวแถวซึ่งมีชายผู้มีระดับสี่และชายผู้มีระดับสามที่มีหน้าที่ถือโล่มนุษย์อยู่ในมือ
“เอาล่ะ..พวกนายทั้งสองคนไปอยู่ด้านหลัง คอยคุ้มกันให้พวกเขาจากด้านหลัง ส่วนด้านหน้าให้เป็นหน้าที่ของผมเอง แบบนี้พวกนายยังมีปัญหาอะไรอีกไหม?” หลินหยางกล่าวเสียงเย็นแก่พวกมันทั้งสอง เขาควบคุมสติตนเองอย่างรวดเร็วลดความเดือดของอารมณ์ลงอย่างทันท่วงที
“ค-ครับ” ชายทั้งสองตอบรับเป็นเสียงเดียวกันด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
หน้าที่เดิมทีของพวกมันอยู่ตรงส่วนหน้าแน่นอนว่ามันอันตรายกว่าผู้อื่น ถึงแม้จะมีโล่มนุษย์สิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกแต่สำหรับพวกมันก็เป็นเพียงแค่ขยะที่เรียกว่าเศษกระดูกมาประกอบต่อกันเท่านั้น
ตอนนี้หลินหยางต้องการให้พวกมันไปทำหน้าที่เฝ้าระวังหลังที่มีความอันตรายน้อยกว่าหลายเท่า มีหรือมันจะปฏิเสธ
“หากนายยังชักช้าอยู่อีกผมจะไม่เตือนอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อถึงตอนนั้นผมไม่ลังเลที่จะทิ้งพวกนายไว้ด้านหลัง…” หลินหยางกล่าวอย่างเด็ดขาด
เนื่องด้วยความหวังดีของเขาจึงรับหน้าที่ระวังหลังให้แก่พวกมัน เขาพยายามช่วยเหลือผู้รอดชีวิตผู้น่าสงสารที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันจึงทำให้เขาเสียเวลาไปมากโข
หากเขาเห็นแก่ตัวกว่านี้ละก็คงวิ่งหนีไปคนเดียวทิ้งพวกมันมองคล้อยตามหลังไปนานแล้ว ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานก็คงถึงจุดหมาย