เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 557-558
ตอนที่ 557 ปีศาจแวมไพร์(ตอนแรก)
หลินหยางลอบแปลกใจแตกตื่นสูงสุด เสื้อผ้าที่ชายผมยาวผู้นี้สวมใส่เป็นเพียงเสื้อสีขาวหม่นและกางเกงเฉกสีเดียวกันตัวใหญ่โคร่ง ดูแล้วปกติธรรมดายิ่งเห็นได้ทั่วไปและที่มาของมันก็มาจากห้องปริศนาหลังจากผ่านประตูสวรรค์นั่นแล ซึ่งตัวเขาเองก็สวมใส่เครื่องนุ่มห่มลักษณะเดียวกันกับมันเช่นกัน
ต่างจากมันแค่ลักษณะภายนอกเท่านั้นเนื่องจากชุดและกางเกงที่เขาสวมใส่มีร่องรอยของการต่อสู้อยู่เต็มไปหมด มันจึงสกปรกไม่สะอาดตาอยู่บ้าง แต่หากเอาชุดทั้งสองมาวางทาบกัน ก็จะพบว่าชุดทั้งสองมันเป็นเปรียบเสมือนฝาแฝดกันอย่างใดอย่างนั้น
เขาจึงรู้อย่างชัดแจ้งถึงสรรพคุณของชุดที่สวมใส่ มันเป็นเพียงชุดธรรมดามิได้หนามากและบางเกินไป มันพอดีสมส่วน แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือทั้งที่มันไม่มีคุณสมบัติใดๆ เหตุใดยามที่เขาต่อยชายผู้นี้ไปกลับกลายเป็นว่าหมัดของเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บแทนเสียนี่
หากชายผมยาวผู้นี้ใส่เกราะเหล็กหรือเกราะหนังที่มีความแข็งเขาก็คงไม่แปลกใจเพราะกำปั้นของเขาจะไม่สามารถมีชัยไปเหนือมันได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่าไม่ว่าจะมองยังไง ชายผู้นี้ก็มิได้สวมใส่เครื่องป้องกันชิ้นอื่นเอาไว้แต่อย่างใด มันมีเพียงชุดบางๆที่ปกคลุมอยู่บนร่างกายของมันเท่านั้น
และเสื้อผ้าที่ใส่อยู่บนตัวของมันนี้ อย่าว่าแต่หมัดที่มีความเร็วสูงของเขาต่อยออกไปเต็มแรงเลย มันไม่สามารถกันได้แม้แต่แรงดีดของนิ้วเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าแม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็สามารถฉีกมันขาดได้อย่างไม่ยากเย็น มันเป็นเพียงเครื่องนุ่งห่มกันความหนาวเย็นและมิให้โป๊เปลือยเท่านั้น
แล้วเสื้อผ้าชิ้นบางนี้กลับสามารถป้องกันการโจมตีเขาได้? แถมเป็นหมัดของเขาเองที่แทบจะแหลกสลาย? เรื่องเช่นนี้ย่อมไม่สามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นสิ่งใดล่ะที่ทำให้นิ้วมือของเขาเบี้ยวผิดรูป
หากแม้นมองไปยังบนร่างกายของมันยังไม่พบหนังสัตว์ แผ่นไม้ หรือกระทั่งเหล็กไหลที่แอบซ่อนอยู่ นั่นแสดงว่าสิ่งที่ทำให้นิ้วมือทั้งสองของเขาหักอย่างน่าสยดสยองก็คือคือผิวหนังของมัน!!
กระทั่งตัวเขาที่มีค่าสถานะป้องกันอันมีมากถึง 1.6 ซึ่งมากกว่าคนปกติธรรมดาถึงหกส่วนสิบ ทั้งยังมีทักษะกระดูกศิลาที่มีคุณสมบัติทำให้กระดูกทั่วทั้งตัวเขาแข็งแรงมากขึ้นกว่าคนปกติซึ่งมันเป็นทักษะระดับสองขั้นที่สาม
ซึ่งมันสามารถแสดงผลลัพธ์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าการเพิ่มค่าสถานะป้องกันเสียอีก หากนำค่าสถานะป้องกันและทักษะกระดูกศิลามารวมกันแล้วกระดูกของเขาสมควรแข็งแรงมากขึ้นกว่าปกติเกินกว่าสองเท่าเข้าไปแล้ว
ซึ่งทักษะดังกล่าวเป็นทักษะติดตัวโดยตัวทักษะเองจะแสดงผลอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ใช้โดยไม่มีเวลาหยุดพักแม้ตัวเขาจะนอนหลับพักผ่อนหรือยามตื่นก็ตาม
หากนับเรื่องกระดูกเพียงอย่างเดียวละก็ตัวเขาบัดนี้เมื่อไปเทียบกับคนธรรมดาสามัญจากโลกใบเก่า เขาคงไม่ต่างจากยอดมนุษย์ที่มีร่างกายดุจดั่งเหล็กกล้า
ตอนที่ 558 ปีศาจแวมไพร์(ตอนสอง)
อย่างเช่นที่ผ่านมาตัวเขาสามารถทนทานแรงคนที่เบียดเสียดทั้งพวกมันยังออกแรงกดดันผ่านร่างเขาที่เป็นตัวกลางผ่านไปยังชายผมยาวนี้ได้โดยที่กระดูกสักส่วนของเขายังไม่แตกหักไป หากเป็นคนปกติร่างกายของพวกมันคงจะบี้แบนเป็นมันบดไปนานโข
และถึงแม้เขาจะไม่ทราบความแข็งทนทานของกระดูกของตนเองอย่างแน่ชัดว่ามันแข็งมากเพียงใด มันอาจจะไม่แข็งแกร่งหากเทียบกับสิ่งของอย่างเช่นท่อนเหล็ก แต่มันย่อมไม่แตกหักอย่างง่ายดายอย่างแน่นอน แม้จะใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าใส่เต็มแรงก็ตาม
แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่เขาชกหมัดใส่มันด้วยความแรงเต็มที่เพื่อหวังจะทำร้ายฝ่ายตรงข้ามที่กำลังตั้งตนเป็นศัตรูด้วยใบหน้านิ่งเฉยนี้ กลับเป็นกระดูกมือของเขาเองที่หักจนเบี้ยวดูน่าสยดสยอง
หลินหยางเงยหน้ามองปฏิกิริยาของชายผู้ถูกกระทำรายนี้มันกลับไม่มีทีท่าแสดงออกถึงความเจ็บปวดอันใดเลย อย่าว่าแต่อาการเจ็บปวดเลย แม้แต่กระดิกตัวมันยังมิทำ!!
แต่เสี้ยววินาทีนั้นเองชายผมยาวรายนี้ค่อยๆเบียงศรีษะหันมาทางด้านขวาอย่างช้าๆ ทำให้หลินหยางสามารถมองเห็นลักษณะของมันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าโดยรวมของมันยังถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมกว่าครึ่งหน้า
ชายผมยาวก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับว่ามันกำลังจ้องมองหลินหยางลอดผ่านเส้นผมที่บดบังอยู่ ราวกับการกระทำของหลินหยางมีผลกระทบต่อมัน มันขยับไปด้านขวาเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างตัวขึ้นแม้จะมีระยะห่างไม่ถึงหนึ่งนิ้วก็ตาม
นั่นก็เพียงพอสำหรับหลินหยางแล้ว
เขาไม่รอช้าขยับตัวโน้มช่วงบนและศรีษะกลับขึ้นยืนทันที
ตอนนี้เขาสามารถหลุดพ้นออกจากบ่วงกรรมที่ประสบพบเจออย่างหวุดหวิด คนรอบข้างเองก็หยุดส่งแรงผลักดันแล้วพวกมันกลับเข้าประจำที่เดิมของตนเอง
นอกจากเสียงกร่นด่าที่ยังดังขึ้นมาพวกมันที่ได้รับผลกระทบเมื่อครู่ จึงนับว่าสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั้นได้อย่างยุติลงเป็นที่เรียบร้อย
ชายทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันไม่มีวาจาคำกล่าวใดออกมาจากปากพวกมันทั้งสอง
“…” คนรอบตัวพวกเขาเองก็ไม่มีใครปริปากเช่นกัน พวกมันล้วนแต่มองปฏิกิริยาและบรรยากาศรอบกายของทั้งสองคนที่เหมือนกับจะปะทุได้ทุกเมื่อ ราวกับพวกมันทั้งสองกำลังเขม่นกันอย่างใดอย่างนั้น
การกระทำต่อจากนี้ไปกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของหลินหยางบัดนี้นิ่งขรึมไม่มีรอยยิ้มเป็นมิตรอย่างที่เคยมีมาแต่ก็มิได้บึ้งตึงจนออกนอกหน้าเช่นกัน ซึ่งนั้นเป็นสีหน้าที่แสดงออกให้คนรอบกายเห็น
ยกเว้นเสียแต่ชายผมยาวรายนี้ที่สายตาของเขามองไปยังมันด้วยแววตาเย็นชา
“เห้ยอย่ามาตีกันตรงนี้นะโว้ย” เสียงชายคนนึงดังขึ้นมา
“ไหนๆใครทะเลาะกัน” มีอีกกลุ่มที่มีน้ำเสียงตื่นเต้นสนุกสนานราวกับอยากให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน
“จะเบียดทำไมวะ ที่ก็แคบจะตายห่า!!” อีกเสียงนึงระเบิดความในใจ
ตอนนี้มีเสียงการสนทนาจากหลากหลายคนดังกระหึ่มพูดคุยกันไม่ได้ศัพท์
‘ฮึ่ม’ หลินหยางเก็บสงบสติอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีแม้คำกล่าวขอบคุณที่ชายผมยาวผู้นี้ขยับตัวทำให้ตนหลุดจากการถูกบีบอัด