เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 581-582
ตอนที่ 581 ทางเลือก
ตอนนี้แม้หลินหยางจะไม่เห็นการกระทำของมันชัดเจน เพราะจุดที่ยืนอยู่ถูกแผ่นหลังของเจ้าตัวมันบังลับเกือบมิด แต่เมื่อดูจากสีหน้าของพวกมัน บวกกับคาดเดาการเคลื่อนไหวของแวมไพร์ก็พอจะเดาออกว่าเมื่อครู่มันทำสิ่งใด
‘เอายังไงดี…’ หลินหยางขมวดคิ้วครุ่นคิด ตอนนี้เจ้าปีศาจมันกำลังง่วนอยู่กับร่างไร้วิญญาณของชายขี้ขลาดโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง ตอนนี้เขาเห็นช่องว่างเต็มไปหมดสามารถลอบโจมตีมันได้อย่างง่ายดาย
รวมถึงตอนนี้เขาเองก็อยู่ด้านหลังของมันอีกด้วย หากแวมไพร์ตนนี้มิมีดวงตาข้างหลังก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะรู้สึกตัวหลบการโจมตีของเขา นี่เป็นโอกาศที่หาได้ยากยิ่ง บางทีเขาอาจจะปลิดชีพของมันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แต่ทว่า…
‘…’ ชายหนุ่มก้มลงไปมองอาวุธในมือ ข้างหนึ่งคือดาบสั้นซึ่งแน่นอนชื่อของมันก็เป็นไปตามสภาพ มันมีขนาดใบดาบยาวเพียงหนึ่งศอกประสิทธิภาพการโจมตีของมันเองก็เบากว่าดาบยาวเช่นกันเพราะความบางของใบดาบที่มีไม่ถึงครึ่งของดาบยาว
ส่วนมืออีกข้างนึงก็คืออาวุธกระดูกสันหลังมนุษย์ที่ดูจะไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง เหตุผลก็มาจากหมัดของเขานั่นเอง แม้แต่กระดูกมือหุ้มเนื้อหนังยังแตกหักจากการต่อยใส่แผ่นหลังของแวมไพร์ปีศาจ ทั้งที่เขามีทักษะเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกในร่างกาย
ไม่ต้องถามถึงอาวุธกระดูกที่ไม่ทราบอายุขัยตอนตายแน่ชัด แน่นอนมันคงไม่มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงอย่างตอนที่อยู่ในร่างกายเจ้าของเดิมเป็นแน่ ทั้งความเจ็บปวดจากการหักของกระดูกมือของเขาเองก็ยังมิได้บรรเทาลงแต่อย่างใด
แต่ว่าเขาจะปล่อยให้โอกาศนี้หลุดมือไปได้จริงๆหรือ? โอกาศทองที่หาได้ยากยิ่งนี้ไม่ทราบอาจจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายก็เป็นได้
แต่เขาก็ไม่มีความมั่นใจอย่างที่ควร
ความแข็งแกร่งของผิวหนังการป้องกันอันยอดเยี่ยมของแวมไพร์ปีศาจตนนี้ก็ยังมิได้รับการยืนยันว่ามันสามารถต้านทานใบดาบแหลมคมจะสามารถทิ่มแทงจะลุเนื้อหนังมันไปได้หรือไม่
หากการโจมตีของเขาไม่สามารถทำอันตรายให้แก่มันได้…หากเป็นแบบนั้นต้องเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน เพราะเขาจะเป็นตัวแปรกระตุ้นให้แวมไพร์ตนนี้เริ่มลงตอบโต้หรือสังหารหมู่กับเหล่าชายฉกรรจ์นั่นเอง
‘ฮูวว~’ หลังจากใช้เวลาคิดอยู่นานหลินหยางก็ส่ายหัวและเลือกข้อสรุป สำหรับตอนนี้แล้วเขาเลือกที่จะยืนมองมันเฉยๆมิได้เข้าโจมตี เขายอมปล่อยโอกาศทองทิ้งไปโดยไม่ใยดี เนื่องจากบัดนี้เขามิใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป ในเมื่อตนเองรวบรวมผู้เคาะห์ร้ายมากว่าครึ่งร้อยชีวิต
หากเขาตัดสินใจผิดพลาดฉวยโอกาศลอบโจมตีครั้งนี้ไว้และการโจมตีไม่ได้ผลจริงอย่างที่คิด ผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นเหยื่อมิใช่มีเพียงแค่เขาแต่รวมถึงชายฉกรรจ์ทั้งหลายที่ต้องมารับเคาะห์ร่วมด้วย
เขายังมิสามารถตัดสินใจเด็ดเดี่ยวโดยที่แบกรับชีวิตกว่าครึ่งร้อยเอาไว้ในมือได้
สองความคิดมีทั้งข้อดีและข้อเสียไม่มีฝั่งไหนถูกหรือผิด มีแค่ดีหรือดีกว่าเท่านั้น
ซึ่งหลินหยางเลือกที่จะใช้ช่วงเวลาที่มันไม่ให้ความสนใจคนรอบข้างในการลำเรียงเหล่าชายฉกรรจ์ถอยกลับไปยังส่วนลึกของถ้ำที่ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ตอนที่ 582 สถานการณ์เลวร้าย(ตอนต้น)
แคว๊ก~
อ๊ากก~
แนวหน้าของกลุ่มยังคงมีเสียงของการต่อสู้ดังขึ้นมาเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงร้องโอดโอยระบายความเจ็บปวดของฝ่ายเขามากกว่าจะเป็นเสียงของค้างคาวปีกเหล็ก
“มาช่วยทางนี้หน่อยสิวะ” เสียงชายคนหนึ่งตะโกนดังลั่นส่งมาจากแนวหน้า
ฟังจากเสียงพอคาดเดาได้ว่าตอนนี้ฝ่ายมนุษย์กำลังเสียเปรียบและถูกกดดันจากค้างคาวปีกเหล็กอยู่ ซึ่งมันก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วเพราะพวกเขาเองก็ไม่มีอาวุธและเครื่องป้องกันที่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้กับค้างคาวปีกเหล็กอย่างสมน้ำสมเนื้อ
ดูเหมือนว่าข่าวสารเกี่ยวกับการปรากฏตัวของแวมไพร์กลางวงล้อมยังส่งไปไม่ถึงพวกเขา
และนั่นไม่ทราบว่ามันดีหรือร้ายกันแน่
หากพวกเขาทราบว่าด้านหลังของตนมีปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าค้างคาวที่กำลังต่อสู้อยู่นับสิบหรือร้อยเท่า แน่นอนคงไม่มีกระจิตกระใจจะต่อสู้ต่อไปแน่
แต่หากพวกเขาไม่ทราบละก็ ถึงมันจะดีกับตัวพวกเขาที่ยังสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจต้านฝูงค้างคาวเอาไว้ได้ แต่ทว่าความจริงก็ยังไม่เปลี่ยนไป แวมไพร์ปีศาจก็ยังคงอยู่ด้านหลังพวกเขาในจุดเดิมไม่หนีไปไหน และนั่นจะทำให้การถอยทัพกลับส่วนลึกล่าช้ามากขึ้นไปอีกเช่นกัน
ใบหน้าของหลินหยางมืดหม่นเคร่งเครียดจากการใช้ความคิด เขาพยายามคิดหาทางออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด
ด้านหน้าของกลุ่มก็มีฝูงค้างคาวที่ไม่ทราบจำนวนกำลังปะทะกับแนวหน้าอยู่และด้วยความคับแคบของพื้นที่ทำให้กลุ่มที่มีสมาชิกห้าสิบชีวิตต้องยืนต่อแถวกันเป็นทอดยาว ยิ่งแย่ไปกว่านั้นเมื่อมีศัตรูตัวฉกาจกำลังยืนอยู่จุดกึ่งกลางของกลุ่มซึ่งแบ่งขบวนทัพของพวกเขาออกเป็นสองส่วน
แต่มันคงจะแย่กว่านี้หากแวมไพร์ปีศาจเจ้าปัญหาเข้าร่วมสมรภูมิรบเข้าร่วมวงต่อสู้ ซึ่งก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใด คงต้องหวังพึ่งร่างไร้วิญญาณของชายขี้ขลาดว่ามันจะสามารถยื้อเวลาทานอาหารของแวมไพร์ตนนี้ไปได้นานแค่ไหน
‘อย่าดันสิโว้ย’
‘รีบไปสิวะ’
มีเสียงกระซิบกระซาบกันระหว่างแถวที่กำลังต่อคิวกันเพื่อถอยไปรวมกับแนวหลังแว่วมาตลอดเวลา มักเกิดการกระทบกระทั่งทางคำพูดขึ้นระหว่างชายฉกรรจ์จากช่วงซ้ายและขวาของแวมไพร์
นั่นเพราะพวกมันนั้นร้อนลนอยากออกไปจากจุดนี้ให้โดยไวเนื่องจากจุดดังกล่าวที่พวกมันอยู่ ห่างจากร่างของเจ้าปีศาจมิถึงเมตรเสียด้วยซ้ำ จึงมิแปลกที่พวกมันร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้า
‘ทำไมยังไม่ไปอีก!’ หลินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน เป้าหมายของคำกล่าวของเขาก็คือกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของตน ซึ่งพวกมันควรจะรีบวิ่งกลับไปยังส่วนลึกของถ้ำให้ไวที่สุด แต่ทว่าตอนนี้เสมือนว่าขบวนทัพยังคงอยู่ตรงจุดเดิมไม่ได้ถอยล่นไปอย่างที่คาด
@&#^&*
มีเสียงอึกทึกมาจากปลายแถวแว่วมาให้ได้ยิน
ส่งผลให้คิ้วของหลินหยางขมวดเข้าหากันคร่ำเครียด