เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 589-590
ตอนที่ 589 ถึงคิว
กระดูกกองย่อมๆวางกองสะเปะสะปะทับถมกันอยู่ข้างกายแวมไพร์ปีศาจ หากดูจากสภาพตอนนี้กับจำนวนคนที่ยังเหลืออยู่ตรงจุดนี้อีกราวสิบชีวิต ระยะเวลาที่เคยกดดันพวกเขาสำหรับการล่าถอยกลับไปยังส่วนลึกของถ้ำ บัดนี้มิจำเป็นต้องเร่งรีบดังเก่ายังมีเวลาพอเหลือให้พวกมันไปกลับได้อีกเป็นรอบเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้นเรื่องเวลาที่จำกัดจึงมิใช่ปัญหาอีกต่อไป
แม้อาหารตรงหน้าจะใกล้หมดลงเต็มที แต่ดูเหมือนว่าเจ้าแวมไพร์ตนดังกล่าวก็ยังมิให้ความสนใจแก่ผู้คนรอบข้างมันเช่นเดิม ตั้งแต่เริ่มรับประทานอาหารมันแทบไม่ขยับตัวออกจากจุดเดิมเลยด้วยซ้ำ
สายตาที่มันใช้มองผู้บุกรุกทั้งหลายหาได้มีความหวาดกลัวให้ค่าพวกเขาไม่ มันมองพวกเขาเปรียบเสมือนมดปลวกตัวเล็กๆไร้พิษสง เป็นเพียงเหยื่อที่รอคอยให้ผู้ล่าอย่างมันเก็บเกี่ยว
ยังไม่มีใครทราบถึงเจตจำนงของมันที่ปลอมแปลงตนแอบแฝงกายอยู่ในหมู่มวลมนุษย์ ไม่มีใครทราบถึงความต้องการของมันและเหตุผลที่มันต้องทำเช่นนั้น
แต่สำหรับตอนนี้สถานการณ์ยังมิได้เลวร้ายลงอย่างที่คิด หากไม่นับหนึ่งชีวิตจากชายขี้ขลาด แวมไพร์ปีศาจตนนี้ก็ยังมิได้สร้างความลำบากให้แก่พวกเขามากเท่าใดนัก
หลินหยางยังคงประจำอยู่ในจุดเดิมนั่นก็คือด้านหลังของศัตรูซึ่งเป็นมุมอับ คอยยืนโบกไม้โบกมือพัลวันสร้างสัญญาณให้พวกมันเคลื่อนย้ายร่างกายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
บัดนี้มาถึงคิวของชายร่างท้วมที่ซึ่งเป็นผู้นำทีมเข้าร่วมปะทะกับฝูงค้างคาวจากแนวหน้า บนร่างกายของมันมีของที่ระลึกจากการต่อสู้ฝากเอาไว้หนึ่งแห่ง บนบาดแผลนั้นยังมีเลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุดเป็นหลักฐานว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากปีกของค้างคาวปีกเหล็กนั่นเอง
ความเจ็บปวดของบาดแผลที่ได้จากการโจมตีจากค้างคาวปีกเหล็กซึ่งมีทักษะติดตัวควบคู่ไปด้วยนี้ สามารถยืนยันได้จากทีมระยะใกล้ที่ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งดุจหินผา จิตใจแน่วแน่เหนือสิ่งใดเปรียบ แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังมิวายร้องอวดครวญดั่งอิสตรีเมื่อถูกปีกอันคมกริบของค้างคาวตัวจ้อยบาดเข้าแม้เพียงน้อยนิด มันเจ็บแสบไปถึงทรวงเลยทีเดียว
มิต้องถามถึงชายร่วงท้วม แม้มันจะเคยผ่านการฝึกฝนร่างกาย ผ่านสมรภูมิรบมาบ้างไม่มากก็น้อย ทว่านับแต่มันและพักพวกข้ามผ่านประตูสวรรค์มา พวกมันแทบมิได้ฝึกฝนการสู้รบหรือแม้กระทั่งออกกำลังกายใดๆเลยเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้นความเจ็บปวดจึงแสดงออกมาทางสีหน้ามันอย่างชัดเจน บางครามุมปากของมันก็บิดเบี้ยวผิดรูป บ้างก็สูดลมหายใจรุนแรงเฮือกใหญ่บรรเทาความเจ็บปวด
เหล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่รอคิวกลุ่มนี้ บนร่างกายของพวกมันก็มิได้ต่างไปจากชายร่างท้วมเท่าใด ทุกนายล้วนมีคราบเลือดเกาะอยู่บนร่างกายแทบทั้งสิ้น หากมิใช่ของเจ้าตัวก็สหายร่วมรบหรือของศัตรู
ชายร่างท้วมปาดเหงื่อบนใบหน้าของตนหนึ่งคราสูดหายใจลึกจนเต็มปอด พร้อมกับเคลื่อนตัวเข้าประจำตำแหน่ง ยืดขาของตนออกพร้อมกับก้าวเท้าไปข้างหน้าจนสุดความยืนหยุ่น
ตอนที่ 590 เสร็จสิ้น
เมื่อปลายเท้าของมันเหยียบลงบนพื้นเป็นที่เรียบร้อย มันรีบเขย่งปลายเท้าข้างนั้นมิยอมให้เท้าทั้งหมดของตนเหยียบลงบนพื้น พลางโถมตัวไปด้านหน้าให้ปลายเท้าข้างนั้นรับน้ำหนักตัวทั้งหมดของตนเองเอาไว้
เมื่อสามารถพยุงตัวอย่างคงที่ได้แล้วมันรีบใช้เท้าด้านหลังโน้มก้าวไปอีกข้าง เมื่อถึงตอนนี้มันก็ทำบางอย่างที่ผู้พบเห็นต้องตาค้าง เพราะจู่ๆมันก็กระโดดตัวลอยขึ้นสูงจนศรีษะของมันเกือบจะปะทะกับเพดานถ้ำ
มันกระโดดโดยใช้แรงส่งจากขาเพียงข้างเดียว และยิ่งไปกว่านั้นมันใช้เพียงปลายเท้าเท่านั้น!
ร่างของมันถลาลอยบนอากาศบางเบาราวกับปุยนุ่นค่อยๆลดระดับลงอย่างช้าๆส่งสองขาแตะลงบนพื้นอย่างมั่นคง มันสามารถก้าวข้ามผ่านคอขวดที่มีร่างของปีศาจเป็นจุดกึ่งกลางได้สำเร็จด้วยการย่างก้าวเพียงสองครั้ง!
มันผงกหัวหนึ่งคราพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของตนให้แก่หลินหยางก่อนจะรีบสาวด้วยปลายเท้าวิ่งเหยาะๆผ่านหลินหยางและหายไปในความมืด กลับไปยังส่วนลึกของถ้ำทันทีสีหน้าแสดงออกถึงความดีใจโล่งอก
บัดนี้มันคงหลงลืมบาดแผลที่ฝากไว้จากค้างคาวปีกเหล็กไปแล้ว
‘…’ หลินหยางตกตะลึงในความสามารถยืดหยุ่นร่างกายของชายร่างท้วมรายนี้ มันสามารถย่นระยะที่แต่เดิมต้องใช้ถึงสี่ก้าวสำหรับคนปกติจึงจะสามารถกาวข้ามผ่านมาได้ แต่มันกลับใช้เพียงแค่สองก้าวเท่านั้น
น่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่มันสามารถยืดขาของตนจนสุดความยาวโดยไม่ฉีกขาดและใช้เพียงปลายนิ้วเหยียบเป็นฐานในการเคลื่อนย้ายร่างกายที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ของมันกระโดดผ่านห้วงอากาศราวกับขนนก บางทีนี่อาจจะการก้าวขาที่ยาวที่สุดตั้งแต่มันเกิดมาก็เป็นได้
ไม่นานห่างจากกันมากนัก ชายผู้น่าสงสารซึ่งได้รับมอบหมายงานแกมบังคับให้เป็นม้าเร็วส่งข่าวอย่างไร้ทางเลือก ก็สามารถผ่านจุดที่เป็นปัญหามาได้อย่างไร้กังวล ตอนนี้ใบหน้าของมันยิ้มแย้มไม่มีวี่แววของความสั่นกลัวตัวสั่นอีกต่อไป มันมองหลินหยางครู่นึงก่อนที่จะวิ่งเหยาะๆตามชายร่างท้วมไปติดๆ
แปด หก สี่คน จำนวนคนลดลงเรื่อยๆทีละสองคนจากฝั่งซ้ายและขวา และคู่สุดท้ายก็มาถึง พวกมันกดดันอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลายมาเป็นสองคนสุดท้าย
นั่นเท่ากับว่าพวกมันทั้งสองคือคนที่ยืนจ้องมองเจ้าปีศาจกัดแทะร่างสดๆของสหายร่วมเผ่าพันธุ์ไปทีละนิดละน้อยนานที่สุดหากมินับหลินหยาง
แต่เหนือความกดดันคือการอยากออกไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด
พวกมันก้าวเท้าเหยียบขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า มิต้องรอให้ตนเองได้ทรงตัวมั่น มันรีบใช้เท้าอีกข้างก้าวผ่านเคลื่อนย้ายลำตัวไปอีกก้าวทันที เมื่อถึงตอนนี้ตัวของพวกมันทั้งสองยืนอยู่ในจุดเดียวกับแวมไพร์ปีศาจในแนวเดียวกันพอดิบพอดี
ไม่ปล่อยให้เวลาร่วงเลยผ่านแม้แต่เสี้ยววินาที ขาทั้งสองข้างของมันทำงานโดยอัตโนมัติสาวเท้าวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ขาทั้งสองข้างของตนจะทำได้
พวกมันแทบหลงลืมว่าการกระทำของตนเองจะทำให้เกิดเสียงซึ่งจุดประกายความสนใจแก่เจ้าปีศาจแวมไพร์ มันทั้งสองวิ่งผ่านหลินหยางไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงลมกรรโชกที่พัดผ่านตามหลังของมันไป…