เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 616
คึก~~ ชายหนุ่มส่งเสียงที่มีสามารถกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ได้ ฟันบนและล่างขบแน่นเสียดสีกันไปมาพร้อมกับฟองน้ำลายเล็ดลอดออกมาจากมุมปาก ความเจ็บปวดนี้เกิดกว่ามนุษย์จะทานทนไหว แม้จะเตรียมใจรับสภาพเอาไว้แล้วก็ตามแต่เมื่อเผชิญกับความเจ็บปวดสุดแสนถูกเหล็กร้อนนาบบาดแผลที่สร้างความเจ็บปวดเป็นทุนเดิมจากทักษะโลหิตคลั่ง ทําให้ร่างกายของเขาตอบสนองกับความเจ็บที่ยากจินตนาการนี้โดยมิสามารถห้ามไหว
พรืด~~
เขาทาบดาบร้อนไว้บนบาดแผลเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลั้นใจดึงมันออก เมื่อมันหลุดออกมาจากบาดแผลจึงมีเสียงน่าสยดสยองเกิดขึ้นมันมาจากผิวหนังชั้นนอกที่ถูกเหล็กร้อนเผาพลาญจนถึงสุกกึ่งดิบติดกับใบดาบ เมื่อเขากระชากมันออกอย่างรวดเร็วผิวหนังส่วนนั้นจึงหลุดติดออกมากับตัวดาบสั้นทั้งแผง!
“ฮือ” หลินหยางผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ที่กลั้นเอาไว้มานมนาน ตอนนี้ดวงตาของเขาแดง บนหน้าหากมีเส้นเลือดปดโปนเด่นชัดอย่างน่ากลัว เขายกหัวไหล่ขึ้นปาดใบหน้าของตนเชีดคราบเหงื่อที่ไหลอาบจนเปียกชุ่มพร้อมกับคราบน้ําลายที่เปรอะเปื้อนคางของตนออก
มองไปยังบาดแผลตอนนี้มันสมานติดกันแล้ว แต่มันก็ยังมีบางจุดที่เผยอห่างออกจากกันมิได้ ต่อติดจนสมบูรณ์ทั้งยังมีเลือดไหลซึมออกมาเป็นบางจุดแต่ก็นับว่าน้อยนิดอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ สภาพบาดแผลเดิมที่เป็นรอยกรีดบางเรียบเนียนกลายเป็นแผลเหวอะหวะน่าสยดสยอง
ความเจ็บปวดจากทักษะโลหิตคลั่งถูกบรรเทาลงและถูกแทนด้วยความปวดแสบปวดร้อนจากการถูกนาบด้วยเหล็กร้อน แน่นอนความเจ็บปวดนี้ย่อมดีกว่าเพราะมันเป็นเพียงอาการชั่วคราวเท่านั้นมิช้ามินานมันก็ค่อยหายไปทีละนิด
โชคดียิ่งที่การโจมตีจากค้างคาวตัวจิ๋วยังมีอีกมากมิสามารถเจาะทะลวงชั้นกล้ามเนื้อและไขมัน รอยกรีดดังกล่าวยังมีถึงช่องท้องนั่นเอง หากมันล็กจนถึงช่องท้องเมื่อใดแม้หลินหยางจะสมานแผลด้วยการนาบจากเหล็กร้อนก็คงมีเป็นผล เพราะภายในช่องท้องของเขาก็ย่อมมีเลือดตกและสร้างความเจ็บปวดมากกว่านี้นับหลายเท่า
ในเมื่อบาดแผลได้รับการรักษาเฉพาะหน้าเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับกลายเป็นหลินหยางเอง เรี่ยวแรงหดหายอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ร่างกายของเขาซีดขาวไร้สีสันราวกับคนไร้เรี่ยวแรงใกล้เป็นลมล้มหมดสติ จนถึงตอนนี้เรียวแรงที่ถูกสูบหายไปจากการใช้ทักษะระดับต่ําต่อเนื่อง ทั้งทักษะหลอมไฟและพิษผึ้ง ทั้งยังตกอยู่ในสภาวะกดดันถึงขีดสุดจําต้องเพ่งสมาธิถึงขีดจํากัดทาง ร่างกายเกินขีดจํากัด และในครานี้เมื่อเขาถูกโจมตีด้วยศัตรูตัวจ้อยเมื่อผสานความเจ็บปวดจากบาดแผลกับความเหน็ดเหนื่อยเข้าด้วยกันทําให้ร่างกายของเขาทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว
แขนขาของเขาสั่นเทาแสดงถึงความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อแต่ละจุด ลมหายใจเข้าออกแต่ละคราแห้งผากเสียดสีกับลําคอให้ความรู้สึกเจ็บแสบ น้ำลายในปากเหนียวหนืด เม็ดเหงื่อเริ่มน้อยลง แม้ร่างกายจะร้อนลุ่ม ร่างกายต้องการความชุ่มชื่นหิวกระหายน้ำหล่อเลี้ยงร่างกายอย่างยิ่ง สภาพภายนอกแตกต่างราวกับเป็นละคนละ ผมเผ้ายุ่งเหยิงผิวกายหยาบกร้านเสื้อผ้าเปอะเปรื้อนไปด้วย สิ่งสกปรกโสมมทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างยิ่งสภาพร่างกายของเขาดูไม่ได้เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าตอนนี้เขาแทบไม่หลงเหลือพิษสงที่เคยมี แม้พลังจิตใจจะกล้าแข็งเพียงใดแต่ก็มีสามารถต้านทานปฏิกิริยาของร่างกายที่มีตอบสนองต่อความต้องการได้
เมื่อดูจากสมรรถภาพที่ต้อยลงของตนแล้วมันยังแย่ยิ่งกว่าในตอนที่เผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วในครั้งแรกเสียอีก ซึ่งมันแน่นอนว่าเขาไม่สามารถใช้ทักษะที่กินพละกําลังสูงอย่างทักษะราชสีห์คํารามและทักษะสะบั้นพสุธาที่เป็นทักษะการโจมตีอันรุนแรงและเป็นไม้ตายปราการสุดท้ายได้อีกต่อไป แม้แต่ทักษะระดับต่ําอย่างหลอมไฟก็จําต้องคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนหากจะใช้ออกสักคราเพื่อ มิให้สิ้นเปลืองพละกําลังที่มีอยู่น้อยนิด หาไม่แล้วคงไม่ต่างไปจากคราก่อนที่สิ้นสติรับรู้ นอนเป็นผักหลังจากใช้ทักษะเกินกําลังนั่นเองและครานี้คงไม่โชคดีตั้งคราวก่อนอีกแล้วเพราะดูเหมือนก้อนเนื้อแวมไพร์จะให้ความสนอกสนใจอยากลิ้มลองรสชาติเนื้อของเขามากเสียเหลือเกิน
“คูคู”
ก้อนเนื้อแวมไพร์ส่งเสียงทุ้มต่ำหัวเราะร่า สีหน้าของมันที่ตรึงเครียดดุร้ายเมื่อครู่ถูกทดแทนด้วยควมปิติยินดี มันฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อการโจมตีจากลูกสมุนของคนแตะต้อง ถูกตัวของเป้าหมายยิ่งมันเห็นหลินหยางหาทางรับมือเมื่อถูกฤทธิ์ของทักษะโลหิตศลั่งโดยใช้ความร้อนนาบผิวหนังตนเพื่อสมานปากแผล ความสุขของมันยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีก
หลินหยางหาได้สนใจเสียงหัวร่อของก้อนเนื้อเน่าด้านหลังไม่ เขาใช้มือซ้ายกุม บาดแผลเอาไว้พร้อมยึดกุมตาบสั้นในมือขวามั่นจนเกรง ชายหนุ่มก้าวขาไปข้างหน้าหนึ่งข้างก่อนที่จะย่อเข่าทั้งสองข้างลงต่ําในระดับเดียวกัน ตอนนี้เขากําลังตั้งท่าเตรียมโจมตีเป็นฝ่ายบุกอยู่นั่นเอง
หลินหยางมิอาจปล่อยให้ตนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบคอยตั้งรับและโจมตีแบบครึ่งๆกลางๆได้ อีกต่อไป เขาไม่มั่นใจว่าหากถูกโจมตีตัวยทักษะดังกล่าวอีกคราตัวเขาจะสามารถกัดฟันใช้การสมานแผลด้วยความร้อนได้อีกหรือไม่ บางที่ร่างกายของตนคงไม่สามารถรับความเจ็บปวดขนาดนั้นอีกคราวได้
ชายหนุ่มฉีกชายเสื้อที่ขาดวิ่นออกจากการถูกปีกเหล็กของค้างคาวตัวจิ๋วกรีดเมื่อครู่เพื่อมิให้ มันเกะกะขัดขวางการเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมทั้งเอามันมาใช้ประโยชน์ โดยเขานําเศษผ้าดังกล่าวมาประคบทาบไปบนบาดแผลเพื่อห้ามเลือดซึ่งมันก็ได้ผลอยู่ส่วนนึ่ง
เมื่อเห็นว่ามนุษย์หนุ่มตั้งท่าเตรียมโจมตี เจ้าก้อนเนื้อแวมไพร์หยุดหัวเราะโดยพลันมันใช้สายตาจ้องมองร่างหลินหยางชั่วครู่ด้วยความตื่นตัวที่จู่ๆมนุษย์ตัวน้อยเปลี่ยนท่าที่อย่างฉับพลัน ก่อนที่จะละสายตามองไปยังลูกสมุนของตนพร้อมกันนั้นเองตัวตนค้างคาวตัวจิ๋วก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันกระพือปีกตอากาศหนึ่งครั้งก่อนจะระดับความสูงขึ้นจนเฉียดเพดานถ้ำไม่ใกล้ไม่ไกล
เพื่อเสริมการโจมตีของมันเจ้าค้างคาวตนนี้เมื่อดิ่งโจมตีจากมุมสูงลงต่ำมันจะสามารถเร่งความเร็วมากขึ้นได้เกือบเท่าตัวในระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงเวลานั้นความเร็วของมันบางทีอาจมากกว่าผู้เป็นนายของตนอย่างแวมไพร์ปีศาจหรือมากกว่าหลินหยางเสียอีก แต่กลับกันมันก็มิสามารถดึงความคล่องตัวของตนออกมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบเช่นกันเป็นการยากที่จะเปลี่ยนวิถีการโจมตีทั้งที่อยู่ในความเร็วสูงสุดของตนมันต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อยเพื่อจะทําเช่นนั้นได้ แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะทุกคราที่มันเผชิญหน้ากับมนุษย์หนุ่มตรงหน้าระยะห่าง ราวหนึ่งเมตรระหว่างมันทั้งสองนั้นใช้เวลาเพียงมากสุดแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้นที่คู่ต่อสู้ทั้งสองจะเข้าประชิดกัน
ฉะนั้นเหตุที่เจ้าค้างคาวตัวจิ๋วเปลี่ยนมาใช้การโจมตีจากมุมสูงนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องการใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดเพียงแค่การโจมตีเดียวเพื่อสร้างความเสียหายต่อชีวิตของชายหนุ่ม!
ครืด
ขณะที่ค้างคาวตัวจ้อยกําลังเพิ่มระดับความสูงอยู่นั้น หลินหยางชิงโอกาศไม่ปล่อยให้ศัตรูได้เป็นฝ่ายบุก ขาที่ก้าวไปข้างหน้าของตนก่อนหน้านี้ออกแรงปักหลักลงบนพื้นอย่างมั่นคงจนทําให้แผงเลือดที่หุ้มผืนถ้ำเอาไว้เกิดรอยยุบเป็นรูปฝ่าเท้าของตน พร้อมกันนั้นร่างกายของเขาโน้มไปข้างหน้าลดระยะห่างระหว่างตนและคู่ต่อสู้ลงอย่างรวดเร็ว
ก้อนเนื้อแวมไพร์ดวงตาเบิกโตแทบถลน มันตกใจกับการบุกครั้งแรกของมนุษย์หนุ่มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มันไม่คาดคิดว่าหลินหยางจะเป็นฝ่ายบุกโจมตีแทนที่จะตั้งรับหลังรับการโจมตีไปหยกๆ ความตกใจมาเยือนมันแค่เสี้ยววิเท่านั้น ดวงตาคู่ยักษ์ของมันแปรเปลี่ยนลดต่ําลงมองไปยังอากาศว่างเปล่าด้านล่างของค้างคาวตัวจิ๋ว ฉับพลันนั้นเองเจ้าค้างคาวตัวจ้อยแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสายตาของผู้เป็นนาย มันหุบปีกขนาดใหญ่แนบลําตัวของตนทันทีพร้อมกับส่วนศรีษะข งมันงอมติ้งลงพื้นถ้ํา
ฟุบ
หลินหยางแทงตาบสั้นในมือขวาฝ่าอากาศอย่างรวดเร็วทว่าจุดที่เขาที่มแทงออกไปนั้นกลับกลายเป็นอากาศว่างเปล่าซึ่งมันคือที่อยู่ก่อนหน้าของค้างคาวตัวจิ๋ว โดยบัดนี้เป้าหมายของเขาดิ่งลงต่ำจนอยู่ในระดับเดียวกับหน้าท้องของตน
“!?” ใบหน้าหลินหยางประดับไปด้วยความแปลกใจ การโจมตีของเขาที่เริ่มลงมือไปแล้วย่อม ไม่สามารถหยุดยั้งได้อย่างทันท่วงที่แม้จะเห็นในช่วงเวลาที่ค้างคาวตัวจ้อยหลบเลี่ยงการปะทะโดยลดระดับความสูงก็ตาม
พึบ
เมื่อหลบหลีกการโจมตีได้เป็นผลสําเร็จ มันตีปีกอย่างรุนแรงหนึ่งคราพร้อมกันพุ่งตรงในระนาบเดียวกับช่วงลําตัวหลินหยางมุ่งตรงดุจดั่งลูกธนูพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว