เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 627
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 627 สัญชาตญาณ
หลินหยางยืนนิ่งกับที่มองไปเบื้องหน้าด้วยดวงตาเหม่อลอย ความนึกคิดขาวโพลนไปหมดมองกลุ่มควันดําหลอมรวมกันเป็นก้อนกลมก่อนที่จะกลายเป็นรูปร่างที่คุ้นเคยอย่างยิ่งลําตัวขนาดเล็ก ปีกเหล็กเรียบเนียนบางเฉียบขนาดใหญ่ไม่เหมาะกับลําตัว และรูปหน้าที่เห็นจนคุ้นชิน
“ค-ค้างคาวตัวจิ๋ว!” หลังจากนิ่งไปชั่วครู่หลินหยางอุทานออกมาด้วยความแตกตื่น เขาพี่งจะมีช่วงเวลาแห่งความปิติไปเพียงสองถึงสามนาทีหลังจากสั้นเส้นใยชีวิตของศัตรูของคมดาบถึงมันจะตกตายหรือหายสาบสูญไม่แน่ชัด แต่อย่างน้อยสภาพของมันก็ไม่สมควรจะกลับเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกเป็นครั้งที่สองทําให้ชายหนุ่มเบาใจยกภูเขาออกจากอกไปได้ลูกหนึ่ง
ทว่าในครรลองสายตาของตนบัดนี้มีร่างค้างคาวตัวจิ๋วปรากฏอยู่โดยที่มีสภาพสมบูรณ์พร้อมเต็มสิบส่วนไม่มีส่วนใดของร่างกายบุบสลายเลยแม้แต่ขนสักเส้น
ค้างคาวตัวจิ๋วมิได้มีเพียงตัวเดียวงั้นหรือ? แค่เจ้าตัวก่อนหน้าก็นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสําหรับหลินหยางแล้ว โชคดีที่การโจมตีครั้งสุดของตนสามารถสร้างบาดแผลฉกรรจ์สุดหยั่งให้แก่มันได้ราวกับฟ้าประทาน มิฉะนั้นก็มิทราบว่าจะต้องใช้อีกกี่แผนการ ใช้เรี่ยวแรงอีกเท่าใดจึงจะปราบมันลงได้
แต่ตอนนี้เขากําลังเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วตนใหม่ที่มีร่างเพรียบพร้อมสําหรับการต่อสู้ในขณะที่สภาพร่างกายของเขานั้นย่ําแย่เต็มที่ ตอนนี้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงส่วนที่กักเก็บเอาไว้เพื่อจัดการกับแวมไพร์ปีศาจ โดยใช้การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างคุ้มค่าที่สุดมุ่งเน้นไปที่พลังโจมตี
ขณะนั้นเองควันดําที่ระเหยออกมาจากร่างของแวมไพร์ปีศาจหาได้หมดไปจนสิ้นไม่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่หลอมรวมเข้าหากันก่อเกิดเป็นค้างคาวตัวจิ๋ว ยังมีบางส่วนที่ยังหลงเหลือปกคลุมร่างกายของก้อนเนื้อแวมไพร์ให้ขุ่นมัว และหมอกควันส่วนที่หลงเหลืออยู่นั่นเองก็มีปฏิกิริยาบางอย่างคล้ายคลึงกับควันกลุ่มแรกมันค่อยๆลอยเข้าเกาะกลุ่มกันเบื้องหน้าปีศาจแวมไพร์เป็นก้อน กลมก่อนที่จะอัดแน่นเข้าหากันอย่างช้าๆในระดับความสูงเดียวกันกับค้างคาวตัวจิ๋วอีกตนที่กํา ลังกระพือปีกพยุงตัวกลางอากาศ
“1” หลินหยางตื่นตัวทันทีหากสิ่งที่เขาคิดไว้ไม่ผิดละก็ กลุ่มก้อนควันสีดําทมิฬนี้จักรวมตัวกันกลายเป็นค้างคาวปีกเหล็กตัวจิ๋วตนที่สอง!
ครืด
ชายหนุ่มแทบมิคิดไตร่ตรอง ร่างกายเขาพุ่งออกไปข้างหน้าอัตโนมัติราวกับเครื่องจักรระยะ ห่างร่วมสองเมตรระหว่างแวมไพร์ปีศาจและมนุษย์หนุ่มถูกลดลงในไม่กี่ลมหายใจ
ก้อนเนื้อแวมไพร์ส่งเสียงแห่งความตื่นตระหนก เมื่อพบร่างของผู้บุกรุกอยู่ห่างจากมันมีถึงหนึ่งก้าวซึ่งนี่ก็คือระยะโจมตีของมนุษย์ผู้นี้ มันพยายามสั่นสะเทือนร่างกายอย่างรุนแรงกระเด้งตัวขึ้นบนและลงล่างจนกระแทกกับเพดานถ้ํา ทว่า…ดูเหมือนมันจะหลงลืมไปแล้วว่าขนาดตัวที่เคยใหญ่โตมโหฬารของตนนั้นเป็นเพียงแค่อดีตที่พัดผ่าน ตอนนี้มันมีขนาดตัวลดลงเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น!
และน้ําหนักของมันก็ลดลงตามขนาดลําตัวด้วยเช่นกัน ฉะนั้นไม่ว่ามันจะกระโจนขึ้นลงขยับตัวรุนแรงมากเพียงใดก็มสามารถทําให้พื้นถสั่นสะเทือนไปตามการเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
เมื่อเข้าถึงระยะโจมตีหลินหยางไม่ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปอย่างเสียเปล่า ดาบสั้นในมือขวาเบี่ยงมุมหมุนส่วนคมขึ้นในแนวขวางในระดับความสูงเดียวกันกับค้างคาวตัวจิ๋วและในระดับความสูงเดียวกันทางด้านซ้ายก็มีร่างเคร้าโครงค้างคาวตัวจิ๋วอีกตัวที่กําลังจะกําเนิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของหมอกสีดํา
ฟันขวางจากขวาไปซ้ายโจมตีใส่ร่างค้างคาวตัวจิ๋วที่พึ่งจะลืมตาอ้าปากได้สดๆร้อนๆ
แวมไพร์ปีศาจร้องเสียงหลง มันกําลังจ้องเขม็งเพ่งเล็งมองร่างค้างคาวตัวจิ๋วที่กําลังจะถูกคมดาบเลือนร่าง รอบดวงตาของมันมีเส้นเลือดปูนโปนเด่นชัดอย่างน่าเกลียดน่ากลัวภาย ในดวงตากลมโตของมันเองก็มีเส้นเลือดปูดออกมาเช่นกัน ลักษณะของแวมไพร์ปีศาจตอนนี้หากเทียบกับมนุษย์คล้ายกับว่ามันกําลังใช้สมาธิจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างมากจนเกินความจําเป็น
พรึ่บ
ช่วงเวลาเดียวกันเมื่อถูกสายตาจากผู้เป็นนายจับจ้อง ค้างคาวตัวจิ๋วตนดังกล่าวตีปีก รุนแรงดันลมไปข้างหน้าส่งร่างของตนถลาถอยหลังเข้าหาแวมไพร์ปีศาจ ส่งผลให้มันสามารถหลุดรอดพ้นวิกฤตจากคมดาบของคู่ต่อสู้ได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อเป้าหมายหายไปจากจุดเดิมพ้นระยะโจมตีไปจนสิ้น แต่ดาบในมือหลินหยางหาได้หยุดนิ่ง ไม่ทั้งใบหน้าท่าทางของเขามิได้มีความสะทกสะท้านกับการหลบหลีกของศัตรูแม้เพียงนิดคมดาบยังคงเคลื่อนต่อไปในแนวโจมตีเดิม แต่มิใช่เพราะชายหนุ่มมหยุดมือหรือหยุดมทัน แต่เป็นเพราะยังมีเป้าหมายอีกจุดที่กําลังจะถูกดาบสั้นเล่มนี้ขย้ํา!
มันคือกลุ่มควันโขมงที่กําลังอัดแน่นกันเป็นก้อนกลมเพื่อหลอมรวมร่างกลายเป็นค้างคาวตัวจิ๋วอีกชีวิต
เมื่อค้างคาวตัวแรกสามารถหลบการโจมตีพ้น ดวงตาของแวมไพร์ปีศาจจึงละออกจากมันไปจับจ้องกับกลุ่มควันที่ตกเป็นเป้าหมายใหม่ของคู่ต่อสู้ มันเพ่งดวงตาจ้องมองกลุ่มควันนั้นจนดวงตาปูดออกมาเกือบถลนหลุดจากร่าง
ทว่ากลุ่มควันที่ก่อตัวใกล้เข้ารูปเข้าร่างเต็มที่เห็นเคร้าโครงร่างค้างคาวตัวจิ๋วใกล้แจ่มชัดตนนี้กลับไม่ตอบสนองต่อแวมไพร์ปีศาจ มันไม่ขยับเขยื้อนไปทิศทางใดเลยหรือมีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยงตามความนึกคิด เมื่อมองดูจากปฏิกิริยาของแวมไพร์ปีศาจและกลุ่มควันสีดํานี้ เรียกได้ว่ามันขยับไม่ได้เสียมากกว่า เพราะปีกทั้งสองข้างของมันยังเป็นภาพขุ่นมัวยังมิเป็นรูปลักษณ์ที่ชัดเจนส่วน ใหญ่ยังคงเป็นควันสีดําอยู่
ดาบสั้นตัดผ่านกลุ่มควันนี้ไปอย่างง่ายดาย หลินหยางแปลกใจกับรสสัมผัสแรกเล็กน้อยคล้ายกับว่าสิ่งที่พึ่งฟันไปนั้นเป็นดั่งอากาศว่างเปล่า ก่อนที่ตัวดาบจะฝ่าไปถึงลําตัวซึ่งตรงจุดนี้เริ่มมีแรงต้านขึ้นมาเล็กน้อยแต่มันก็ยังอ่อนนุ่มไม่เหมือนผิวเนื้อของค้างคาวปีกเหล็กอยู่ดี หากให้เปรียบแล้วมันคล้ายกับไข่ไก่ที่ยังไม่ผ่านความร้อน
แผละ
ควันดําทั้งกลุ่มถูกฟันแยกออกเป็นสองส่วนบนล่าง เมื่อถูกแรงลมที่ตามมาจากการตวัดแขนของหลินหยางส่งผลให้ควันกลุ่มนี้ลอยละลิ่วเข้ากระแทกกับผนังถ้ําโดยไร้แรงต้านพร้อมกับส่งเสียงน่าขยะแขยงตามมา
มองไปยังจุดดังกล่าวมีของเหลวสีดําที่มีความยืดหยุ่นคล้ายกับเมือกย้อยลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างช้าๆ เมื่อพินิจมองให้ถี่ถ้วนยิ่งน่าขนลุกเพราะในกลุ่มของเหลวนั้นมีเศษอวัยวะของค้างคาวตัวจิ๋วปะปนอยู่แทบทั้งหมด ทั้งดวงตา ผิวหนังและอวัยวะภายใน
นี่มันเหมือนกับว่าเจ้าค้างคาวตัวจิ๋วที่โชคร้ายตนนี้ยังไม่สมบูรณ์เพรียบพร้อมคล้ายลูกไก่ที่ยังไม่ถึงเวลาฟักจะถือกําเนิดฟักออกจากไข่
คว้ากกก
ขณะที่ชายหนุ่มกําลังอยู่ในความสนอกสนใจต่อซากร่างค้างคาวตัวจิ๋ว ทันใดนั้นเองแวมไพร์ปีศาจที่อยู่ห่างไม่ถึงเมตรตะเบ็งเสียงกรีดร้องจนเสียดแทงแก้วหูดังสนั่น ดูเหมือนเสียงของมันจะแหลมคมทะลุทะลวงเข้าไปในศรีษะมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็น อาจเป็นเพราะขนาดตัวที่หดเล็กลงทําให้กระแสเสียงมหุ้มต่ําดังเดิม
หลินหยางกระโดดร่างถอยห่างอัตโนมัติ แม้จะมีเศษผ้าอุดรูหูช่วยป้องกันการรับฟังเอาไว้ส่วนหนึ่งแต่ทว่าก็มสามารถกันเสียงที่ดังขึ้นกว่าครั้งไหนๆของแวมไพร์ปีศาจได้ ส่งผลให้ศรีษะของเขารู้ สึกวิงเวียนปวดขมับจนต้องยกสองมือขึ้นกัดกุม
เมื่อสายตาของตนกระทบกับร่างค้างคาวตัวจิ๋วอีกหนึ่งที่สามารถหลบหลีกการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิดก็พบว่ามันไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงของผู้เป็นนายตนเลย ยังคงกระพือปีกผีลมทรงตัวอยู่เบื้องหน้าแวมไพร์ปีศาจ เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินหยางกระโดดถอยไกลห่างออกจากคู่ต่อสู้ทั้งสองตัวอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถมองเห็นร่างของพวกมันได้ด้วยตาเปล่าอีกต่อไป
เหตุที่ทําเช่นนี้เพราะเกรงว่าขณะที่ตนกําลังป้องกันการโจมตีอย่างเสียงร้องเสียดแทงโสทประสาทอย่างไม่ได้ตั้งใจของแวมไพร์ปีศาจนี้อยู่ อาจถูกค้างคาวตัวจิ๋วที่ไม่ได้รับผลกระทบลอบโจมตี ข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว และหากเป็นเช่นนั้นตนที่กําลังหัวหมุนไม่อยู่ในสภาพที่เพรียบพร้อมอาจพลาดท่าให้แก่ลูกสมุนของมันก็เป็นได้
และอีกประการ…เพราะเขาไม่สามารถทนเสียงร้องของแวมไพร์ปีศาจได้ไหว!