เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 63-64
ตอนที่ 63 พักผ่อน
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงเดือน หลินหยางร่วมล้อมวงกับคนนับร้อยทานเนื้อกระรอกย่างตัวอวบอ้วนส่งกลิ่นหอมชวนเชิญชิม เป็นอาหารรสชาติใหม่ในรอบหนึ่งเดือนนอกจากเนื้อปลาและราชสีห์ตาเดียวที่ตอนนี้ได้แปรรูปเป็นเนื้อแห้งหมดรสชาติไร้ความอร่อยไปนานโข
เนื้อสดๆย่างไฟหอมๆดูจะทำให้หลินหยางพึงพอใจเป็นที่สุด โดยเฉพาะสาวน้อยเหมยเหมยที่นั่งแทะกระดูกอย่างมูมมามคล้ายกับแมวน้อยหิวโซ
“รั้วรอบโพรงกระรอกเสร็จไปเจ็ดส่วนสิบแล้วครับ”
“ผลลัพธุ์การฝึกของทีมระยะไกลวันนี้มีหลายคนที่เริ่มจับเคล็ดหลายรายเริ่มคุ้นชิน”
“ไม้ของเราหลอลงเรื่อยๆใกล้หมดลงเต็มที หากเรามิหาเพิ่มเกรงว่าจะไม่เพียงพอสำหรับสร้างที่พัก”
“มีเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างบุรุษสองคู่ ต้นสายปลายเหตุมาจาก…สตรี” ระหว่างดื่มด่ำกับเนื้อกระรอก เทียนหนิงเจี้ยนนั่งประกบกรอกหูหลินหยาง รายงานความคืบหน้าและความเป็นไปภายในเมืองอันสงบสุข ช่วงนี้เทียนหนิงเจี้ยนมันทำงานหนักมากเลยทีเดียว หลังจากที่มันปรับปรุงตัวเปลี่ยนเป็นคนใหม่ดูมันจะทุ่มเทความสามารถทั้งหมดในการให้บริการพลเมืองจนชนะใจผู้ที่เคยเกลียดชังมันได้
ลงลึกรายละเอียดจากการรายงานของเทียนหนิงเจี้ยนนอกจากเรื่องทะเลาะวิวาทที่เป็นปัญหาทั่วไปแล้ว หลินหยางยังคงกังวลเกี่ยวกับทีมระยะไกล หน่วยรบธนูสาวที่ตอนนี้ความคืบหน้าในการฝึกซ้อมของพวกนางแม้มิได้น่าผิดหวังแต่ก็มิเป็นที่พึงพอใจเสียเท่าไหร่ผิดกับทีมระยะใกล้หรือแม้แต่ทีมเยาชนที่หลินหยางส่งให้ไปฝึกกับซิ่นก้งมีแต่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นหลินหยางก็มิคิดที่จะเข้าไปรบเร้าเร่งการฝึกของพวกนางแต่อย่างใดปล่อยไปตามธรรมชาติให้เวลาช่วยขัดเกลาหญิงสาวที่ต้องพลัดมาต่างโลกเผชิญกับอสูรกาย
หลินหยาง หลิวเจี่ยและเทียนหนิงเจี้ยนแยกตัวออกมานั่งรวมกันสามคน
“พอจะลดปริมาณการใช้ไม้สำหรับก่อสร้างที่พักได้ไหม” หลินหยางกล่าวถาม
“อืม…มันก็ได้นะครับ ทว่าความแข็งแรงทนทาน….” หลิวเจี่ยกล่าวด้วยใบหน้าลังเล
“ไม่เป็นไร ที่พักขนาดเล็กเฉพาะบุคคลให้ล้มเลิกไปก่อน เพื่อประหยัดต้นทุนเปลี่ยนเป็นสร้างที่พักขนาดใหญ่ชั่วคราวให้มันเพียงพอจะกันลมกันฟนได้จนกว่าจะถึงแผ่นดินไหวครั้งต่อไปก็พอ ส่วนไม้ที่เหลือผมอยากให้นำมาสร้างรถยิงธนูและป้อมปราการบนกำแพงเมืองเพื่อรักษาความปลอดภัย” หลินหยางกล่าวต่อ
“รถยิงธนูและป้อมปราการ หากเราลดการใช้ไม้สำหรับบ้านเรือนลงแล้วจะเหลืออยู่ที่….” หลิวเจี่ยกล่าวตอบสรุปได้ว่า ไม้ที่มีอยู่ในตอนนี้หากทำตามความต้องการของหลินหยางพวกมันจะสามารถสร้างรถยิงธนูได้ราวห้าลำและป้อมปราการติดอยู่ด้านซ้ายและขวาของทางเข้าเมืองได้สองแห่ง
เทียนหนิงเจี้ยนคอยจดคำพูดของหลินหยางและหลิวเจี่ย พลางแสดงความเห็นตามความรู้ของมันสอดแทรกระหว่างสองนาย ตอนนี้หัวข้อสนทนาแปรเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นสิ่งปลูกสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่พลเมือง เป็นการเพิ่มระดับการป้องกันและเพิ่มกำลังรบซึ่งเป็นสิ่งที่พวกมันล้วนเห็นตรงกันว่าสำคัญมากยิ่งกว่า
และปัจจัยหลักที่มีผลเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกมันทั้งสามเห็นทีคงจะเป็นเพราะเหตุสูญเสียและผู้บาดเจ็บจากการต่อสู้กับออร์ค หากพวกมันมีรถยิงธนูมากกว่านี้การต่อสู้อาจจะง่ายขึ้นกว่าเก่า
การป้องกันเองก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังเช่นกองกำลังปริศนาที่มาจากการร่วมมือกันระหว่างสองเมือง บุกจู่โจมออร์คตัวยักษ์ จากการคาดเดาคิดว่าเหตุที่ทำให้พลเมืองที่อ่อนแอและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวลุกขึ้นสู้กับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ก็คงจะมาจากภาวะขาดแคลนอาหารและแน่นอนว่าคงมิใช่แค่พวกมันเท่านั้นที่ตกอยู่ในสภาพนี้เมืองใหม่ทั้งหลายที่ข้ามผ่านประตูสวรรค์มาพร้อมกันก็คงเผชิญปัญหาไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งโชคดีที่เป้าหมายของเมืองผู้หิวโหยเป็นออร์คแต่หากไม่มีแหล่งอาหารให้แย่งชิงแล้วล่ะก็หลินหยางมิอยากจะคิดว่าเมืองใหม่พวกนี้จะตัดสินใจทำอะไรบ้างในยามที่จนตรอก
ตอนที่ 64 ไม่เจียมตน
ตอนเช้า
ทีมก่อสร้างแหล่งรวมบุรุษร่างกายกำยำแข็งแรงกำลังเตรียมตัวขนไม้ใส่เกวียนเพื่อนำไปต่อเติมสร้างรั้วล้อมโพรงกระรอกปิดงานให้เสร็จสิ้น หลังจากการต่อสู้กับออร์คพวกมันต่างมีระดับเพิ่มขึ้นหนึ่งถึงสองเป็นอย่างน้อยและตอนนี้ระดับโดยเฉลี่ยของทั้งทีมอยู่ที่ระดับห้า ส่วนหลิวเจี่ยหัวหน้าทีมมีระดับสูงสุดอยู่ที่ระดับหก พวกมันคือทีมที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากค่าระดับของเจ้าออร์คตัวยักษ์
ทีมระยะใกล้รองลงมา ระดับค่าเฉลี่ยของพวกมันไม่ต่างจากทีมก่อสร้างมากนักนั่นคือระดับห้าและบางส่วนระดับสี่ ส่วนหลินหยางหัวหน้าทีมนั้นทิ้งกระโดดสหายไปไกลมีระดับถึงสิบห้าเลยทีเดียวแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียสมาชิกทีมไปหนึ่งราย
ส่วนทีมจู่โจมระดับโดยรวมของทีมอยู่ที่ระดับสาม หากดูจากตัวเลขนับว่าต่ำอย่างยิ่งแต่หากนับรวมจำนวนวันที่ยังมิถึงอาทิตย์หักลบกับระดับค่าสถานะเรียกได้ว่าพวกมันเติบโตรวดเร็วที่สุดเลยก็ว่าได้และเช่นเดียวกับทีมระยะใกล้ ทีมจู่โจมเองก็เสียสมาชิกไปสามรายจากการต่อสู้ทำให้จำนวนของพวกมันในตอนนี้รวมทั้งสิ้นยี่สิบเจ็ดตนและเฉลี่ยเป็นสามกลุ่มก็เหลือกลุ่มละเก้านาย
ส่วนผลลัพธุ์ของกลุ่มเอลฟ์ก็มิค่อยต่างไปจากทีมจู่โจมสักเท่าไหร่ พวกมันต่างก็เพิ่มระดับขึ้นหนึ่งถึงสองระดับกันโดยถ้วนหน้าและที่ต่างไปจากกองกำลังของหลินหยางนั่นก็คือพวกมันไม่เสียสมาชิกทีมเลยแม้แต่รายเดียวไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่เส้นผม พวกมันมีแต่ได้กับได้
ครืนนน
ทีมก่อสร้างลากเกวียนออกไปจากเมืองอย่างสง่าผ่าเผยส่งเสียงเฮฮาสนุกสนานอารมณ์ดี บางรายฮัมเพลงครึกครื้น ตามรายเส้นทางที่เคลื่อนผ่านกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที กลุ่มผู้รอดชีวิตมากหน้าหลายตาต่างก็จับจ้องคอยสอดแนมมองดูเมืองที่สามารถสังหารออร์คลงได้
“หืม? นั่นใครน่ะ!” จู่ๆหลิวไห่ผู้เดินนำขบวนส่งเสียงหยุดทัพเมื่อสายตาของมันตรวจพบชายฉกรรจ์รายหนึ่งกำลังวิ่งปรี่ตรงมาเข้ามาหาพวกมันและไม่นานนักมันก็เห็นรูปร่างคร่าตาของชายคนนี้และพบว่ามันคือหนึ่งในสมาชิกทีมจู่โจมที่หลินหยางได้มอบหมายให้ไปปกปักษ์รักษาเฝ้าโพรงกระรอกไว้ตั้งแต่คืนวาน
ขบวนเดินทางนอกจากทีมก่อสร้างแล้วยังมีหลินหยางที่นำทีมระยะใกล้จำนวนหนึ่งมาคอยรักษาความปลอดภัยให้แก่พวกมัน
“พี่หยาง!!” เสียงตะโกนของมนุษย์หมาป่าดังมาแต่ไกลจนกระทั่งมันวิ่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลินหยาง หอบหายใจเฮือกใหญ่
“มีเรื่องอะไร?” หลินหยางถามพลางขมวดคิ้ว การที่มนุษย์หมาป่าละทิ้งหน้าที่ออกมาจากตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ย่อมมิใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“ย-แย่แล้วครับ ที่โพรงกระรอก โพรง- แฮ่กก” มันเร่งร้อนเล่าอย่างเหน็ดเหนื่อย จับใจความได้ว่าเหล่ามนุษย์หมาป่าที่คอยเฝ้ายามอยู่ต่างก็ถูกล้อมวงตีกรอบโดยกลุ่มผู้รอดชีวิตที่บุกโจมตีออร์คตัดหน้าทัพหลินหยางและได้พ่ายแพ้หนีเตลิดไปเมื่อวานนี้โดยเป้าหมายของพวกมันก็คือโพรงกระรอก!
“อะไรนะ รีบไป!” หลินหยางตะโกนออกคำสั่งนำทัพวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุด้วยใบหน้าแตกตื่น
เมื่อมาถึงที่หมายสายตาหลินหยางมองกวาดโดยรอบอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนร่วมเจ็ดสิบชีวิตถือดาบกำหอกล้อมกรอบรอบต้นไม้เป็นวงกลม ภายในวงล้อมมีมนุษย์หมาป่าเก้านายถืออาวุธประจัญหน้าดวงสีหน้าที่มิสู้ดีนัก
‘พวกไม่เจียมตัว’ หลินหยางเค่นเสียง พวกมันเหล่านี้เกรงกลัวออร์ค แต่มิเกรงกลัวพวกเขาที่เป็นผู้ปราบมันหรือ?
“โจมตี!!” หลินหยางตะโกนลั่นแฝงไปด้วยความเดือดดาล สายตามองเห็นพรรคพวกที่ตกอยู่ในภัยอันตรายไม่มีเวลาให้วางแผนเตรียมตัว
เฮฮ~
กองกำลังหลินหยางส่งเสียงโห่ร้องก้องกังวาลไปทั่วผืนหญ้า