เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 630
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 630 เปล่าประโยชน์
ซึ่งสําหรับประสบการณ์การเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วแล้ว เป้าหมายของพวกมันส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่หน้าท้องและลําตัวซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ง่ายแก่การโจมตี
แต่เมื่อมันเบี่ยงออกขวาไปเช่นนี้ทําให้เป้าหมายดังไม่อยู่ในจุดโจมตีอีกต่อไป และระยะที่กระชั้นชิดเช่นนี้ก็เป็นการยากที่มันจะเปลี่ยนแนวการบินให้กลับเข้าสู่จุดเดิมได้เช่นกัน
การกระทําของมันทําให้หลินหยางแปลกใจอย่างยิ่ง ชายหนุ่มที่เตรียมท่าโจมตีอย่าง เพรียบพร้อมก็เป็นอันล้มเลิกความคิดไปโดยปริยาย เพราะร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่เบี่ยงมาทางซ้ายของตนจนพ้นระยะโจมตีจากดาบสั้นในมือขวาไปเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงเบี่ยงตัวถอยเข้าติดผนังถ้ําทางด้านขวาเพื่อหลบอยู่นอกรัศมีการโจมตีของค้างคาวตัวจิ๋วทันที
วูบ
ค้างคาวตัวจิ๋วแม้จะเห็นว่าเป้าหมายหลบไปทางด้านซ้าย แต่ทว่ามันก็ยังไม่เปลี่ยนวิถี การบินของตนปล่อยร่างไหลไปตามการเคลื่อนที่พุ่งผ่านอากาศอันว่างเปล่า ผ่านร่างหลินหยางไปอย่างเรียบเฉย คล้ายกับว่ามันมิได้เจาะจงโจมตีตั้งแต่แรก
ค้างคาวตัวจิ๋วมิได้บินไปต่อ เมื่อมันผ่านร่างหลินหยางเป็นที่เรียบร้อยมันกางปีกคู่โตของตนโต้อากาศชลอความเร็วของตน ก่อนที่จะกระพือปีกหมุนกายหันกลับมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อีกครั้ง
หลินหยางแม้จะสับสนแต่ก็มิได้เก็บมาใส่ใจ เขาหันกายเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋ว ที่บัดนี้ มันแทนที่อยู่เดิมของตน ตอนนี้ด้านหน้าหลินหยางก็คือทางมุ่งสู่ส่วนลึกของถ้ํา ส่วนด้านหลังของเขาก็คือเส้นทางมุ่งไปยังทางออกโดยห่างออกไปราวสิบเมตรมีแวมไพร์ปีศาจประทับอยู่
พี่บ
ค้างคาวตัวจ้อยกระพือปีกรุนแรงหนึ่งครา เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินหยางกระชับด้ามดาบในมือแน่นพร้อมเพ่งสายตาใช้สมาธิสูงสุดจับจ้องคู่ต่อสู้ไม่วางตา
จากประสบการณ์การเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋ว ทุกคราก่อนจะเริ่มพุ่งโจมตีศัตรูมันมักจะกระพือปีกอย่างรุนแรงเพื่อเพิ่มความเร็วในการออกตัว ใช้ปีกยักษ์ที่มีขนาดเกินกว่าร่างกายของตนดันอากาศไปด้านหลังส่งร่างของมันแผดพุ่งไปข้างหน้าหุบปีกทั้งสองข้างแนบลําตัวเพื่อลดแรงเสียดทาน นั่นคือสิ่งที่หลินหยางคาดคะเนการกระทําล่วงหน้าของค้างคาวตัวจิ๋ว
ทว่า…ค้างคาวตัวจ้อยหาได้ทําเฉกเช่นเดียวกับความคิดหลินหยางไม่
ปีกทั้งสองข้างของมันยังมีหยุดการทํางาน หลังจากการกระพือปีกในคราแรก ปีกทั้งสองข้างของมันยังมิได้หยุดยั้งกลับมาแนบลําตัวอย่างที่คิด รวมถึงตัวของค้างคาวตัวจิ๋วก็มิได้เคลื่อนที่มุ่งเข้าหาหลินหยางแต่อย่างใด
ค้างคาวตัวจิ๋วเร่งกระพือปีกอยู่กับที่ด้วยความรุนแรง
แรงลมจากการขยับปีกของมันกรรโชกพัดผ่านร่างหลินหยาง
หลินหยางขมวดคิ้ว การกระทําที่ผิดแปลกของค้างคาวตัวจิ๋วมันชวนสับสนอย่างยิ่ง หรือว่านี่คือการโจมตีของมัน? มันคิดว่าทําให้ลมพัดเช่นนี้แล้วจะสร้างความเสียหายได้อย่างงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้เลย ลมที่พัดผ่านร่างไปนี้บางเบาอย่างยิ่งไม่ให้ความรู้สึกถึงอันตรายเลยแม้แต่นิดเดียว
หรือมันตั้งใจจะใช้ลมพัดเพื่อลดอุณหภูมิ? แน่นอนอากาศภายในถ้ําที่แสงอาทิตย์สอดส่องไม่ถึงนี้มีความหนาวเหน็บอุณหภูมิต่ํากว่าภายนอก ทว่าก็มิได้หนาวเย็นถึงขั้นเกิดผลกระทบต่อร่างกายแต่อย่างใด การกระทําของมันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี ชายหนุ่มพยายามคิดหาเหตุผลมารองรับการกระทําที่ชวนน่าสงสัยของสัตว์ประหลาดตรงหน้าที่ยากจะเข้าใจตนนี้ ทว่าด้วยมันสมองของเขาแล้วย่อมไม่สามารถทําความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดของสิ่งมีชีวิตปริศนาตนนี้ได้
พี่บ
ขณะที่ชายหนุ่มกําลังวิเคาะห์การกระทําของค้างคาวตัวจิ๋ว หลังจากมันกระพือปีกซ้ําไปมาจนเกิดกระแสลมปั่นป่วน ในที่สุดมันก็เคลื่อนออกจากจุดเดิม ทว่ามันมิได้มุ่งตรงเข้าหาหลินหยางแต่มันหันศรีษะขึ้นด้านบนสยายกางปีกพร้อมกับปล่อยตัวไหลไปตามการพัดของลม เมื่อร่างของมันขึ้นสูงจนเกือบแตะเพดานถ้ํา มันหมุนตัวโน้มศรีษะลงพื้นพร้อมกับหุบปีกของตนปล่อย ร่างดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เมื่อตัวมันจวนเจียนใกล้โหม่งพื้นถ้ําเต็มที่ปีกทั้งสองข้างของมันก็กางออกพร้อมกับกระพืออย่างรุนแรงเปลี่ยนทิศทางพัดร่างของตนไปด้านซ้าย
เมื่อเข้าใกล้กับผนังถ้ําด้านซ้ายมากพอ มันก็เปลี่ยนทิศทางการบินพุ่งไปด้านขวา เมื่อใกล้ผนังถ้ําฝั่งขวามันก็เบียงทิศอีกครั้งทั้งมุมเฉียงบนล่างซ้ายขวา…ค้างคาวตัวจิ๋วตนนี้กําลังบินวนราวกับลมหมุนพายุ
วิถีการบินของมันมิสามารถจับทิศทางได้ คล้ายกับการเคลื่อนที่มั่วๆไร้แบบแผน
หลินหยางยืนมองด้วยความสับสนงงงวย การกระทําของค้างคาวตัวนี้ล้วนหาเหตุผลมิได้ การบินของมั่วของมันนี้หากดูจากภายนอกแล้วก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย พื้นที่ตรงส่วนดังกล่าวล้วนถูกค้างคาวตัวนี้ยึดกุมไม่ปล่อยให้เหลือที่ว่าง เมื่อกอปรกับปีกเหล็กที่มีความคมไม่ด้อยไปกว่าใบมีดแสนคมกริบแนบลําตัวของมัน หากถูกสัมผัสเข้าแม้เพียงเฉียดเฉียวก็สามารถสร้างบาดแผลให้ได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่สําหรับหลินหยางแล้ว มันเป็นการเคลื่อนที่ที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เมื่อวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของค้างคาวตัวจิ๋ว จะพบช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่ นั่นก็คือยามที่มันทิ้งตัวลงล่างไม่ว่าจะมาจากมุมเฉียงด้านบนหรือดิ่งโหม่งพื้นแบบตรงๆ เจ้าค้างคาวตัวนี้จักต้องหุบปีกตนเองทุกครั้ง เพื่อลดการต้านของกระแสลมลดแรงเสียดทานที่ร่างของมันได้รับมิให้ความเร็วที่สั่งสมมาตกลงไปในชั่วพริบตา
และนั่นก็มิใช่สิ่งที่เจ้าค้างคาวตัวนี้จะสามารถแก้ไขได้เสียด้วย ขณะที่กําลังดิ่งจากที่สูงลงที่ต่ํา หากมันกางปีกออกมาเมื่อใด ในยามนั้นจนกว่ามันจะกระพือของตนเพื่อเปลี่ยนทิศทาง ร่างของมันจะหยุดชะงักชั่วครู่ นั่นก็คือช่องโหว่อีกหนึ่งจุดที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
สําหรับการต่อสู้ที่วัดกันด้วยความเร็วแล้ว นี่คือข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่มีภัยต่อชีวิตของค้างคาวตัวจิ๋วเลยทีเดียว
ฉะนั้นการเคลื่อนที่ที่พยายามจะอุดช่องว่างกินพื้นที่ให้ได้มากที่สุดของค้างคาวตัวจิ๋วตนนี้จะเสียแรงเปล่าเสียแล้ว
กระนั้นก็เถิดแต่ตอนนี้หลินหยางก็เริ่มจะลายตาบ้างแล้ว
ครีด
หลังจากตระเตรียมตัวมาอย่างยาวนานในที่สุดค้างคาวตัวจิ๋วก็เริ่มเคลื่อนวงโคจรของตนเข้าใกล้คู่ต่อสู้
ซึ่งแน่นอนใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ย่อมต้องขยับกายถอยห่างเว้นระยะออกไป คงไม่ปล่อยให้ปีกเหล็กอันแสนคมกริบที่ตวัดเลี้ยวไปมานี้ได้สัมผัสร่างตนเป็นแน่
หลินหยางก็เช่นกัน ถึงจะพบช่องโหว่แต่เขาก็ยังมิได้ตัดสินใจโจมตี ชายหนุ่มขยับเท้าก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างออกนอกระยะโจมตีของศัตรู
“อืม…?” หลินหยางครุ่นคิดใช้สมอง ตอนนี้นับว่าค้างคาวตัวจิ๋วที่บินวนอย่างวิปริตแทบไม่มีภัยอันตรายใดๆและง่ายกับการต่อกรอย่างยิ่ง
ทว่า…เขายังมิลืมว่าค้างคาวตัวจิ๋วมันโดดเด่นในเรื่องการเปลี่ยนทิศทางการบินอย่างฉับพลันอยู่เป็นทุนเดิม หากเขาเข้าโจมตีมันจากช่องโหว่ที่กล่าวขึ้นข้างต้นและค้างคาวตัวจ้อยหลบได้เขาก็จะเสียโอกาศไปอย่างน่าเสียดาย
แต่มีสิ่งนึงที่ตัวเขาในตอนนี้ได้เปรียบคู่ต่อสู้อยู่ เพราะค้างคาวตัวจิ๋วที่กําลังบินวนเวียนอยู่ ตรงหน้านี้กําลังเสียกําลังกายไปโดยเปล่าประโยชน์… ทุกการเคลื่อนไหวของมันไม่ว่าจะหุบปีก สยายปีก กระพือปีกเปลี่ยนทิศทาง ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งสิ้น ยิ่งค้างคาวตัวจ้อยต้องการยึดพื้นที่โบยบินไปบนล่างซ้ายขวามากเท่าใดมันยิ่งต้องใช้พลังกายมากยิ่งขึ้น
ส่วนชายหนุ่มที่เพียงแค่ก้าวเท้าทีละข้างเพื่อถอยห่างจากศัตรูอย่างช้าๆนั้นแทบไม่ สิ้นเปลืองพละกําลังเลยแม้แต่น้อย
หากค้างคาวตัวจิ๋วอยู่ในสภาพปกติสมบูรณ์พร้อม หลินหยางที่อยู่ในสภาพร่อแร่ย่อมไม่ใช่คู่มือของมัน แต่หากค้างคาวตัวจิ๋วที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน…มันก็ย่อมไม่ใช่คู่มือของเขา!
ฉะนั้นหลินหยางจึงตัดสินใจเล่นไปตามเกมส์ของคู่ต่อสู้ ปล่อยให้มันไล่ต้อนตนอย่างที่มันคิด ลดทอนเรี่ยวแรงของมันที่ละเล็กละน้อยไปเรื่อยๆ
และอีกประการซึ่งเป็นตัวตัดสินใจให้หลินหยางละเว้นการเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋ว เพราะเขาต้องการยืนยันข้อสันนิษฐานของตนที่ได้คิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ นั่นคือการสร้างบาดแผลให้แก่ค้างคาวตัวจิ๋วจะเป็นการเกิดขึ้นของบาดแผลปริศนาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของแวมไพร์ปีศาจ
เพื่อการนั้นเขาดึงค้างคาวตัวจิ๋วและแวมไพร์ปีศาจให้เข้ามาอยู่ในสมรภูมิเดียวกัน เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของตน