เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 637
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 637 เหนือชั้น(ตอนต้น)
เมื่อรู้สรรพคุณเช่นนี้มันย่อมไม่หวั่นเกรงต่อการโจมตีของมนุษย์หนุ่มตัวน้อยที่มีอาวุธเป็นแท่งเหล็กแผ่นบางหักครึ่งตรงหน้าอย่างแน่นอน มุมปากของมันมีแต่จะยกยิ้มสูงขึ้นเมื่อเห็นความพยายามอันไร้ค่าของชายหนุ่ม
สําหรับเจ้าแวมไพร์แล้วการรับมือกับหลินหยางในครั้งนี้มิได้ซับซ้อนอันใดเลย มันเพียงแค่ใช้ปีกเหล็กป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้และคอยควบคุมบังคับค้างคาวตัวจิ๋วโจมตีศัตรูในพื้นที่ปลอด
ซึ่งแน่นอนว่าความคิดของก้อนเนื้อแวมไพร์และหลินหยางย่อมแตกต่างกัน ผลลัพธ์ที่ทั้งสองวาดฝันเอาไว้ก็มีเหมือน
ทางด้านของหลินหยางนั้นได้ตระเตรียมวิธีการรับมือกับคู่ต่อสู้เอาไว้แล้วตั้งแต่พินิจมองปีกคู่โตที่เจ้าแวมไพร์แสนภาคภูมิใจ ใบหน้าของเขามิได้มีความลังเลหรือวิตกกังวลเลย
แวมไพร์ปีศาจเริ่มเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนผ่านการควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วที่ทิ้งระยะออกไปไกล ค้างคาวตัวจ้อยกระพือปีกเสียงดังจนหลินหยางได้ยินอย่างแจ่มชัดเป็นสัญญาณว่าคู่ต่อสู้ของตนได้เริ่มปฏิบัติการเตรียมล่าเหยื่อแล้ว
ด้วยระยะที่มากขึ้นร่วมสี่เมตรความเร็วที่มันสามารถทําได้หลินหยางแทบจิตนาการไม่ ออกเลยทีเดียวด้วยทุกระยะหนึ่งเมตรมันสามารถเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับชั้นซึ่งก็เกือบหนึ่งเท่าซึ่งในตอนนี้มันมีช่วงให้เร่งความไวถึงสามชั้นด้วยกันและนั่นเท่ากับว่าความเร็วของมันจะทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ และมันจะหยุดก็ต่อเมื่อร่างกายของมันมิสามารถรับแรงต้านทานของอากาศได้ไหว
เพียงแค่คิดก็น่าหวาดกลัวยิ่ง เพียงสองเมตรความเร็วของมันยังสูงส่งกว่าลูกธนูที่ถูกยิงจากเผ่าเอลฟ์ซึ่งแม้แต่หลินหยางก็ยังยากที่หลบเลี่ยงและถ้าหากความเร็วของค้างคาวตัวจิ๋วเริ่มขึ้นอีกนับทวีมันก็คงไม่ด้อยไปกว่าลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากกระบอกปืน
แน่นอนความเร็วระดับนี้หลินหยางย่อมมิสามารถหลบได้ แม้ตนจะครอบครองความว่องไวมากกว่ามนุษย์ปกติถึงสองเท่าก็ตามที่มันก็ยังไม่เร็วพอที่จะเทียบเคียงกับลูกปืนได้
แต่ชายหนุ่มกลับมิให้ความสนใจค้างคาวตัวจิ๋วทางด้านหลัง ถึงจะทราบว่าศัตรูกําลังจะเข้าจู่โจมตนแต่เขาไม่แม้จะปรายตามอง
หลินหยางพุ่งตัวเข้าหาแวมไพร์ปีศาจด้วยระยะที่ใกล้เคียงอยู่แล้วทําให้การก้าวขาเพียงก้าวเดียวก็เข้าประชิดศัตรูได้อย่างโดยง่าย การเคลื่อนที่ของหลินหยางเป็นไปอย่างเรียบง่ายมิต้องใช้เล่ห์กลใดๆเพื่อจะเข้าหาคู่ต่อสู้เพราะคู่ต่อสู่ของตนนั้นไม่ต่างไปจากกระสอบทราย แต่เป็นกระสอบทราบที่มีชีวิต
แวมไพร์ปีศาจเมื่อเห็นหลินหยางเข้าประชิดตนมันก็เพียงแสยะยิ้มยกมุมปากเยาะเย้ยในความโง่เขลาของมนุษย์หนุ่มที่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด มันขยับปีกของตนปกปิดดวงตาไปกว่าครึ่งพลางขยับเบี่ยงตัวไปด้านขวา ตอนนี้มันแทบจะหันหน้าเข้าหาผนังถ้ําส่งผลให้ดวงตาของมันถูกปิกเหล็กอันแสนภาคภูมิใจป้องกันเกือบมิด ทําให้เป้าหมายของหลินหยางยิ่งยากจะเข้าถึง
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังได้รับผลกระทบเช่นกัน ด้วยการยกปีกสีดําทมิฬมาปิดบังดวงตาเช่นนี้ทําให้การมองเห็นของมันลดน้อยลงเหลือช่องว่างที่ช่องเล็กๆที่ทําให้มันสามารถมองรอดผ่านมาได้แต่นั้นก็เพียงพอสําหรับมันแล้ว มันมองรอดผ่านช่องว่างที่เหลือเพียงน้อยนิดพินิจไปยังความมืดอันห่างไกลสั่งการควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วให้เริ่มปฏิบัติการจู่โจมดั่งใจนึก
ค้างคาวตัวจิ๋วหลังได้รับสัญญาณมันเร่งกระพือปีกออกตัวทันทีส่งร่างของตนพุ่งฝาอากาศธาตุราวกับลูกธนูก่อนจะหุบปีกลดแรงต้าน ใช้เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีมันก็มาถึงจุดเร่งที่สองมันเร่งความเร็วอีกครั้งส่งผลให้ร่างของตนแทรกผ่านอากาศด้วยความเร็วที่มากกว่าเท่าตัว
ในขณะที่ค้างคาวตัวจิ๋วปล่อยตัวไหลไปตามอากาศก็เป็นช่วงที่เว้นว่างจากการควบ คุมบังคับของแวมไพร์ปีศาจมันใช้ช่วงเวลาดังกล่าวมองการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ของตนซึ่งตอนนี้ยืนชิดติดตัวของมันแทบจะเรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว ภายของมนุษย์หนุ่มในสายตาของมันบัดนี้กําลังเสื้อผ้างดาบสั้นที่ชํารุดเหลือเพียงครึ่งเล่มไปด้านหลังคล้ายกําลังจะโจมตีด้วยความรุนแรง
มันที่เห็นเช่นนั้นเร่งเกร็งปีกของตนเพื่อบดบังดวงตาให้มิดชิดปิดช่องโหว่ทันที
เคร้ง
เป็นไปดังคาดมนุษย์ตัวน้อยใช้ดาบสั้นฟันใส่ปีกเหล็กของมันบริเวณดวงตาอย่างรุนแรงเป็นทางยาวจากบนลงล่าง เมื่อสิ้นการโจมตีของชายหนุ่มมันโต้ตอบทันทีโดยการสยายกางปีกเหล็กของตนดันผลักตัวของคู่ต่อสู้เพื่อสกัดมิให้ชายหนุ่มที่อยู่แนบชิดติดกายของตนได้มีเวลาคิดหาการโจมตีจุดใหม่
มนุษย์ตัวน้อยพยายามยืนหยัดต้านทานแรงผลักโถมตัวปักหลักใช้น้ําหนักเข้าต้าน แต่ด้วยขนาดร่างกายที่เล็กกว่าสองถึงสามเท่าย่อมไม่สามารถสู้แรงไหวถูกดันกลับไปเกือบครึ่งเมตร
แต่ปีกยักษ์ของมันแต่เดิมก็ไม่มีหน้าที่ใดในการโจมตีอยู่แล้วจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆให้แก่ศัตรูของตนได้ ตอนนี้ด้วยระยะครึ่งเมตรปีกที่สยายกางออกเริ่มสั่นเทาไม่สามารถดันชายหนุ่มให้ไกลห่างออกไปได้มากกว่านี้ แต่นั่นก็เพียงพอสําหรับความต้องการของมันแล้ว
มันหุบปีกของตนอย่างรวดเร็วฉับพลันกลับเข้าปกป้องดวงตาของตนพร้อมกับเบนสายตาจ้องมองไปยังร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่มองเห็นร่างเลือนรางซึ่งตอนนี้เป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะที่จะทําการเร่งความเร็วครั้งที่สอง!
มันไม่ยอมเสียโอกาศนั้นไปใช้สายตาควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วสยายกางปีกเร่งความเร็วดั่งใจนึกและในช่วงเวลาดังกล่าวเอง มนุษย์หนุ่มที่ยังคงพัวพันไม่ลดละบัดนี้กลับเข้ามาประชิดตัวมันอีกครั้งแล้ว
หลังสั่งการค้างคาวตัวจิ๋วเร่งความเร็วเสร็จสรรพก็ถึงเวลาที่ค้างคาวตัวจ้อยต้องหุบปีกเพื่อปล่อยร่างไหลไปตามอากาศลดแรงต้าน ก็เป็นช่วงเวลาที่มันดึงความสนใจกลับมาหามนุษย์ตัวน้อยที่คอยก่อกวนอย่างน่าลําคาญ
ในสายตาของมันมนุษย์ตัวกระจ้อยเตรียมทําการโจมตีอีกครั้งโดยครั้งนี้มนุษย์หนุ่มง้างดาบสั้นขึ้นมาจากมุมล่างหมายจะแทงเข้าจุดบอดที่มันมองไม่เห็น แต่หารู้ไม่ว่าดวงตาทั้งสองข้างที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารของมันนั้นสามารถมองได้ครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าของมนุษย์หนุ่มผู้นี้เพียงแค่มันเห็นการเคลื่อนไหวช่วงแขนของชายหนุ่มก็สามารถคาดเดาถึงการโจมได้ว่าจะมาจากมุมไหน
มันแอบยิ้มย่องในใจหัวเราะในความโง่เขลาของคู่ต่อสู้ที่ใช้การโจมตีเรียบง่ายไม่พลิกแพลงใดๆแน่นอนมันย่อมสามารถรับมือการโจมตีนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น มันกระชับปีกตนแนบติดลําตัวมากขึ้นจนปีกเหล็กของตนกดผิวหนังของตนจนยุบปุ่มลงไป สืบต่อกันดวงตาของมันก็ถูกปีกที่แสนภาคภูมิปิดจนมิดไม่เหลือช่องว่างให้อากาศเข้าไปเลยเสียด้วยซ้ํา
จึงไม่ต้องการถึงการโจมตีจากมือน้อยๆของมนุษย์ตรงหน้า
เคร้ง
ปลายดาบสั้นแทงใส่ปีกเหล็กของมันเต็มเปาด้วยความรุนแรงส่งผลให้ตัวดาบที่ชํารุดทรุดโทรมอยู่แต่เดิม ตอนนี้ส่วนปลายของมันได้หักออกไปเพิ่มเต้มอีกเกือบหนึ่งนิ้วเลยทีเดียว
เมื่อป้องกันเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาโต้กลับมันใช้วิธีการเดิมที่ตนเคยใช้ ยกปีกสยาย ผลักดันมนุษย์ตัวน้อยออกไปไกลห่างและก็เป็นผลสําเร็จลุล่วงไปโดยง่าย ซึ่งดูเหมือ นครั้งนี้มนุษย์ตัวน้อยแทบไม่ออกแรงต่อต้านเลยทีเดียว
เมื่อมันเห็นใบหน้าของมนุษย์หนุ่ม มุมปากของมันก็ยกขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี บัดนี้หัวคิ้วของหลินหยางขมวดกันแน่นแสดงออกถึงความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่แวมไพร์ปีศาจยังสามารถบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เป็นอยู่ของเขา ทรวงอกเดี่ยวยุบเดี๋ยวพองสูดลดหายใจเข้าเฮือกใหญ่และปล่อยออกมาอย่างรุนแรงเป็นสัญญาณของร่างกายที่บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อย
แวมไพร์ปีศาจรีบดึงปีกของตนกลับด้วยความรวดเร็วกลับมาปิดดวงตาอันแสนสําคัญพร้อมกับใช้สายตาควบคุมบังคับลูกสมุนแสนรักของตนด้วยความกระตือรือร้น มันแทบจะอดใจรอที่จะเห็นสภาพอันน่าอเนจอนาถของมนุษย์ตัวน้อยคู่ต่อสู้ที่เป็นภัยต่อชีวิตของมันไม่ไหวแล้ว
มันรอคอยให้ค้างคาวตัวจิ๋วเข้ามาถึงจุดเร่งความเร็วสุดท้ายอย่างใจจดใจจ่อทุกเสี้ยววินาที
พรึ่บ
และแล้วภารกิจสุดท้ายของมันก็สําเร็จโดยที่ค้างคาวตัวจิ๋วกระพือปีกในระยะหนึ่งเมตรเร่งความเร็วของตนเพิ่มขึ้นอีกนับทวีคูณ มุ่งเป็นเส้นตรงเข้าหานายเหนือหัวของตนและมนุษย์หนุ่ม!