เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 644
ตอนที่ 644 ผู้ล่า
เจ้าแวมไพร์ปีศาจร้องเสียงหลงทันทีเมื่อมันได้ยินเสียงปริศนา ทว่าโลกของมันบัดนี้ได้มืดมิดสนิทไปเสียแล้ว มันมองไม่เห็นสิ่งใดอื่นนอกจากความมืด
ครีด
แวมไพร์ปีศาจหันกายไปทางหลินหยาง ส่งผลให้ชายหนุ่มชะงักอยู่กับที่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามยังสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของตนเอง เขาจ้องประสานสบสายตากับก้อนเนื้อยักษ์ก่อนจะผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก ดวงตาของมันบัดนี้มืดหม่นไร้ชีวิตชีวาขยับไปมาหลุกหลิกไม่หยุดอยู่กับที่ซึ่งแต่ละจุดนั้นล้วนไม่เจาะจงแน่ชัดว่ามันมองไปยังที่ใดกันแน่
นี่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวตามสัญชาติญาณเท่านั้น ดวงตาของมันไม่สามารถใช้งานได้อย่างแท้จริง ที่มันยังหันกายมาทางหลินหยางได้ด้วยที่ดวงตามืดบอดก็เป็นเพราะเสียงการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มนั่นเอง
หลินหยางก้าวมาหยุดอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างแวมไพร์ปีศาจและค้างคาวตัวจิ๋ว
วูบ
แวมไพร์ปีศาจกระพือปีกยักษ์ของมันข้างหนึ่งไปยังตําแหน่งที่คิดว่ามีมนุษย์ตัวน้อยอยู่ ทว่าน่าเสียดายนักที่มันยังห่างจากหลินหยางไม่ได้เฉียดใกล้เลย ปีกอีกข้างที่เหลืออยู่ของมันจึงช่วยผสมโรงหมายจะสยายกางปีกแต่มันก็ทําได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เมื่อปีกอีกข้างที่เหลืออยู่ถูกกางออกความเจ็บปวดสุดแสนก็มาเยือนมันแสดงสีหน้าเจ็บปวดทรมาน
ปีกขวาของมันได้รับบาดแผลที่ส่งต่อมาจากค้างคาวตัวจิ๋ว ทําให้มิสามารถใช้งานได้ตามปกติ
เห็นเช่นนั้นหลินหยางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายหันกายไปยังทิศตรงกันข้ามมองไปยังร่างของค้างคาวตัวจิ๋ว เขานั่งลงคว้าหมับจับร่างค้างคาวตัวจ้อยมาไว้ในมือ
ค้างคาวตัวจิ๋วเมื่อถูกรสสัมผัสจากภายนอกมันหาได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดไม่ มันยังคงดิ้นไปมากระพือปีกที่เหลือเพียงข้างเดียวของตนคล้ายกับว่ามันกําลังบินอยู่อย่างใดอย่างนั้น
หลินหยางใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบค้างคาวตัวจิ๋วในอุ้มมือของตน อีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามันมิใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง ผลลัพธ์ก็เป็นไปอย่างที่คิดมันไม่สามารถตรวจสอบ
ได้
เพียะ
หลินหยางง้างนิ้วดีดเข้าใส่ศรีษะของค้างคาวตัวจ้อยจนหัวสบัด
แวมไพร์ปีศาจส่งเสียงในลําคอราวกับรับรู้ถึงสิ่งที่ค้างคาวตัวจ้อยกําลังเผชิญอยู่
เพียงไม่นานนักเสียงร้องของมันก็แปรเปลี่ยนแหลมคมดังกังวาล พร้อมกับส่วนบบของก้อนเนื้อแวมไพร์สัปหงกหนึ่งครั้งคล้ายกับถูกค้อนทุบเข้าใส่
“ฮ่าๆๆ” หลินหยางตะเบ็งเสียงหัวร่อเมื่อเห็นการเชื่อมโยงร่างของค้างคาวตัวจ้อยและแวมไพร์ปีศาจอันน่าพิศวง
พรึ่บ
ทันใดนั้นเองค้างคาวตัวจ้อยในกํามือหลินหยางจู่ๆก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง ร่างกายของมันชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาที่เล็กเท่าเม็ดถั่วของมันหันมองมาทางหลินหยาง
วูบ
ปีกซ้ายที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของมันสยายกางออกจนกว้างพร้อมกับฟันลงในมุมเฉียงโดยมีเป้าหมายเป็นข้อมือของชายหนุ่มที่กําลังจับกุมร่างของมันเอาไว้
ก๊ก
ก่อนที่ส่วนคมของปีกเหล็กย่างกรายเข้าใกล้ข้อมือของหลินหยางมันกลับหยุดชะงักไว้กลางอากาศ แต่มันหาใช่เพราะเจตจํานงของเจ้าตัวไม่ แต่เป็นเพราะนิ้วมือสองนิ้วที่สกัดจับมันเอาไว้ต่างหาก
หลินหยางใช้เพียงแค่สองนิ้วหยุดการเคลื่อนไหวของค้างคาวตัวจ้อยในมือของตน มันช่างง่ายดายอย่างยิ่ง ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
แวมไพร์ปีศาจส่งเสียงแห่งความแปลกใจที่การโจมตีของตนถูกหยุดเอาไว้โดยไม่คาดฝัน
หลินหยางแสยะยิ้ม ขอบเขตการมองเห็นของค้างคาวตัวจิ๋วนั้นมิใช่พึ่งเพียงแค่ดวงตาของแวมไพร์ปีศาจ แต่เป็นการเชื่อมโยงการมองเห็นของทั้งคู่เข้าด้วยกันต่างหาก หลินหยางระแคะระคายตั้งแต่เผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วตนแรกที่มันสามารถหลบหลีกการโจมตีได้ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะซ้ายขวาหน้าหลังหรือแม้แต่บนและร่าง
หากจะกล่าวว่าใช้เพียงการมองเห็นของแวมไพร์ปีศาจที่มองอยู่รอบนอก เพื่อควบคุมบังคับค้างคาวตัวจิ๋วให้หลบหลีกตามประสงค์ มันก็คงไม่สามารถหลบทุกการโจมตีได้หมดจดเยี่ยงนั้น
ด้วยโคร้งโครงความสงสัยที่มีอยู่แล้วทําให้ชายหนุ่มมิได้แปลกใจอันใด
ควากะ
ปีกเหล็กอันเป็นเอกลักษณ์ของค้างคาวตัวจ้อยถูกพละกําลังมหาศาลเกินต้านทานดึงขาดออกไปจากลําตัวอย่างน่าหวาดเสียว ชิ้นส่วนร่างกายที่เชื่อมต่อติดกับปีกเหล็กข้างนี้ฉีกออกเผยให้เห็นเนื้อสดๆภายในร่างกายของมัน
หลินหยางแทรกปีกเหล็กแผ่นบางไว้ระหว่างนิ้วมือทั้งสองนิ้วของตนพร้อมกับสีหน้าแสดงถึงความพึงพอใจ สีหน้าของมนุษย์หนุ่มในสายตาค้างคาวตัวจ้อยมันช่างเลือดเย็นป่าเถื่อนอย่างยิ่ง
ตัวค้างคาวตัวจิ๋วยังมีท่าทีเช่นเดิมมิได้แสดงความเจ็บปวด ส่วนแวมไพร์ปีศาจนั่นหรือ…มันส่งเสียงร้องแสบแก้วหูดังระงมพร้อมกับสันกายเป็นเจ้าเข้า
ปีกยักษ์ที่เมื่อครู่ยังพยศหมายจะโจมตีคู่ต่อสู้ จู่ๆก็เกิดอาการเกร็งสยายกว้างเหยียดตรงพร้อมกันนั้นส่วนสีข้างที่ยึดติดกับปีกข้างนี้เกิดรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ขึ้นตามแบบฉบับเดียวกันที่เกิดกับค้างคาวตัวจ้อย แต่แผลที่เกิดขึ้นบนร่างของแวมไพร์ปีศาจดีกว่าเล็กน้อนเพราะมันมิได้ขาดออกจากร่างกายเหมือนลูกสมุนของตน
แต่ความเจ็บปวดที่มันได้รับนั้นดูแล้วคงจะหนักหนาเอาการเลยทีเดียว เพราะผลพวงของทักษะพิเศษของมันนี้ดูเหมือนจะมีผลเสียรุนแรงอยู่ไม่น้อย บาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างของค้างคาวตัวจ้อยที่ยาวไม่ถึงคืบ แต่เมื่อสืบผสานไปปรากฏบนร่างผู้ใช้ทักษะกลับขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดร่างกาย ยิ่งแวมไพร์ปีศาจที่มีขนาดตัวโตมโหฬาร บาดแผนนั้นยิ่งกว้างและยาวตั้งแต่บนจรดล่าง
เผชิญกับเสียงที่เคยทําร้ายสร้างความเจ็บปวดในระยะกระชั้นชิด สีหน้าชายหนุ่มหาได้เปลี่ยนแปลง กลับกันเหมือนกับว่าเขากําลังมีความสุขสนุกราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่
หลินหยางนั่งผ่อนคลายสบายใจง่วนอยู่กับการทรมานอดีตคู่ต่อสู้ของตนทั้งแวมไพร์ปีศาจและค้างคาวตัวจิ๋วในคราวเดียว เขาทั้งบิด แทง ทุบเจ้าค้างคาวตัวจ้อยอย่างสนุกสนาน ทว่าท้ายสุดแล้วเจ้าค้างคาวตัวจ้อยก็ทนพิษบาดแผลมิไหวกลายเป็นหมอกควันสีดํามลายหายไปในที่สุด
ชายหนุ่มมิได้แตะต้องแวมไพร์ปีศาจเลยแม้แต่ปลายเล็บ มิใช่เพราะหวาดกลัวอันตราย แต่กลัวว่ามันจะตกตายไปต่างหาก
ตอนนี้เจ้าแวมไพร์นั้นแน่นอนไม่หลงเหลือภัยอันตรายไม่แม้แต่จะขยับตัวเคลื่อนย้ายร่างของตนได้ด้วยซ้ํา ทุกวิธีต่อสู้ทุกการเคลื่อนไหวของมันถูกอ่านออกอย่างหมดจดไม่เหลือสิ่งใดหมกเม็ด ปีกทั้งสองข้างไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ร่างกายไร้การป้องกัน
แต่สําหรับชีวิตของมันแล้วยังมีค่าอยู่ หลินหยางมิสามารถคร่ามันให้ตายได้ในตอนนี้ หากหลินหยางคิดไว้ไม่ผิดสายใยชีวิตของมันต้องเชื่อมต่อกับถ้ําปีศาจค้างคาว หากมันตกตายลงถ้ําแห่งนี้ย่อมล่มสลายตามไปติดๆ
หากชายหนุ่มตัวคนเดียวคงมิเป็นปัญหามากนัก แต่ทว่าเขามิได้อยู่เพียงลําพังยังมีภาระหน้าที่ให้ต้องแบกรับ นั่นคือเหล่าผู้รอดชีวิตที่มีชะตากรรมเดียวกันซึ่งตอนนี้ยังติดแหงกซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของถ้ําอยู่ หากถ้ํานี้ทลายลงมา จํานวนคนร่วมสองร้อยชีวิตนั้นคงหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างวุ่นวายไม่สามารถควบคุมได้เป็นแน่ และคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าพวกมันจะกลับออกไปจากถ้ําได้อย่างปลอดภัยทั้งหมดหรือไม่
อีกประการซึ่งเป็นส่วนสําคัญที่สุดก็คือเหล่าลูกสมุนค้างคาวปีกเหล็กระดับต่ําที่กําลังปะทะกับเหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมของเขาอยู่นั่นเอง มันคงน่าเสียดายไม่น้อยหากค้างคาวเหล่านั้นหลุดรอดเงื้อมมือไปได้แม้จะเป็นเพียงแค่ตัวสองตัวก็ตามที
เสียงการปะทะกันของฝูงค้างคาวและกลุ่มมนุษย์เริ่มเบาบางลงแล้วมิได้อีกทึกครึกโครมดังเก่าก่อน ตอนนี้คงเหลือค้างคาวตัวจ้อยไม่มากนักสักเท่าไหร่ ซึ่งก็เท่ากับว่างานของเหล่าชายฉกรรจ์ใกล้สําเร็จลุล่วงไปเต็มที่
เฮ้อ
หลินหยางลุกยืนขึ้นพลางถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างกายของเขาเมื่อเปรียบกับตอนเข้ามาภายในถ้ําค้างคาวใหม่ๆมันสะบักสะบอมสกปรกอย่างยิ่ง ผิวกายแตกระแหงใบหน้าหม่นหมอง ริมฝีปากซีดเซียว น้ําและสารอาหารที่เคยมีในร่างถูกเผาผลาญไปจนหมดสิ้นหลังจากเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยากจะต่อกร