เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 647
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 647 ความเข้าใจผิด
“เจ้านี่มันต้องเป็นสัตว์ประหลาดปลอมตัวมาแน่!” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวต่อ
“..” หลินหยางตกอยู่ในความสับสนอันเนื่องมาจากภาพที่เห็นไม่เป็นอย่างที่คิด ด้วยสภาพของตนในตอนนี้หูทั้งสองข้างของเขาดับสนิทไม่ได้ยินเสียงใดเลย ทําให้ชายหนุ่มไม่รับรู้ถึงคําพูดจากชายระดับสี่ที่กําลังใส่ร้ายป้ายสีให้แก่ตนอยู่
“พี่หยาง!” เต๋อหลงร้องเรียกอย่างตื่นเต้น ตอนนี้กลุ่มคนที่อยู่ภายในส่วนลึกของถ้ําได้กรูออกมากันอยู่ตรงนี้หมดแล้วตั้งแต่พวกมันรับรู้ถึงความผิดปกติจากเหล่าชายฉกรรจ์
“น้องหยาง” หลี่จึงกล่าวแย้มยิ้มทักทาย
หลินหยางยิ้มตอบพลางยกมือทักทายคนคุ้นเคยห
“อย่าเข้ามา!” ชายผู้มีระดับสี่ที่ถูกมองข้าม มันตวาดเสียงลั่นย่อตัวต่ําตั้งท่าเตรียมโจมตี
“ทุกคนอย่าให้มันหลอกได้ เจ้านี่มันต้องเป็นปีศาจแปลงกายมาแน่ๆ” ชายผู้มีระดับสี่กล่าว
“เจ้าพูดบ้าอะไร” ชายฉกรรจ์รายหนึ่งกล่าว
“ข้าจําเจ้าหนุ่มนี่ได้ มันรั้งอยู่กับเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นเป็นคนสุดท้าย” ชายฉกรรจ์อีกคนช่วย ส่งเสริม
” พวกเจ้าดูสภาพของมันสิ” ชายผู้มีระดับสี่ใช้ดาบสั้นชี้ขึ้นลงชวนผู้คนดูสภาพร่างกายของชายหนุ่ม
” พวกเจ้าคิดว่ามันเผชิญหน้ากับปีศาจตนนั้นแต่กลับมีบาดแผลแค่นึ่งั้นหรือ?”
”เจ้าปีศาจนั่นมันสามารถแปลงกายเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้พวกเจ้าก็เห็น ข้าว่ามันต้องฆ่าหลินหยางไปแล้วและใช้วิชาจําแลงกายของมันเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหลินหยางแน่ๆ” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวต่อเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่องไม่ติดขัดราวกับว่ามันอยู่ในเหตุการณ์ที่กล่าวขึ้น
“เจ้าพูดมีเหตุผล” ชายร่างท้วมสหายของมันกล่าวเสริมทันที ตอนนี้มันก็ชักอาวุธยืนเคียงค้างสหายของตนเป็นที่เรียบร้อย
เหล่ามวลชนตอนนี้เริ่มหวาดระแวงกับคําพูดจาของสองสหายคู่หู พวกมันใช้สา ยตาสอดส่องมองร่างชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่หลินหยางรั้งอยู่กับแวมไพร์ปีศาจมันก็ผ่านมาร่วมสิบนาทีเข้าไปแล้ว แล้วเวลาขนาดนั้นจะเป็นไปได้หรือที่ชายหนุ่มจะต่อกรกับปีศาจตัวยักษ์ได้อย่างยืดเยื้อเป็นเวลานาน หากมีคนสามารถต่อกรกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นได้พวกมันก็คงไม่มีใครมานั่งสั่นกลัวรอคอยความตายอยู่เช่นก่อนหน้านี้หรอก
ในตอนที่ชายหนุ่มให้พวกมันหนีกลับมายังส่วนลึกของถ้ํานั้น ความคิดของพวกมันทั้งหมดมีความเห็นตรงกันว่าชายหนุ่มจะต้องหนีตามพวกมันมาแน่ๆ แต่ไหนได้เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆความคิดของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้งตอนนี้มันคิดว่าหลินหยางคงจะตกตายไปแล้วอย่างแน่นอน
หรือหากจะคิดในแง่ดีแม้ชายหนุ่มจะเผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้จริง แต่สภาพร่างกายของชายหนุ่มวัยละอ่อนตรงหน้านี้กลับมีบาดแผลแค่หนึ่งจุดที่เห็นได้ถนัดตาก็เพียงแค่หน้าท้องของมันเท่านั้น
สําหรับเจ้าปีศาจที่พวกมันบางคนเคยเห็นเป็นตัวตนราวกับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ แต่สิ่งมีชีวิตร่างมหึมานั่นทําได้เสียงแค่สร้างบาดแผลที่ไม่ต่างไปจากรอยขีดข่วนสําหรับมันงั้นหรือ?พวกมันปักใจเชื่อไม่ลงจริงๆ
เมื่อหลินหยางมาปรากฏกายอยู่ต่อหน้าทําให้พวกมันแปลกใจไม่น้อย แต่เมื่อชายผู้มีระดับสี่กล่าววาจาคาดเดาเรื่องราวเป็นตุเป็นตะ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากกว่า จึงมิแปลกที่พวกมันจะโอนเอนไปเข้ากับฝั่งชายผู้มีระดับสี่
“เจ้านี่มันทําบ้าอะไรของมัน” รอยยิ้มของหลินหยางถูกทดแทนด้วยใบหน้าทิ้งตึงทันที ตอนนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังเข้าใจว่ากลุ่มคนตรงหน้ามิได้แสดงความเป็นมิตรเลย ตั้งแต่ชายผู้มีระดับสี่ชักมีดใส่ใบหน้าของเขา เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเจ้าพวกนี้มันต้องเข้าใจอะไรผิดไปบางอย่างแน่แต่เรื่อง เข้าใจผิดนั้นคืออะไรล่ะ? น่าเสียดายนักที่ประสาทรับฟังของตนถูกทําลายไปเสียแล้วสําหรับการเผชิญหน้ากับแวมไพร์ปีศาจหูของเขาก็มจําเป็นสําหรับการต่อสู้อยู่แล้วยิ่งนับเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ําที่เสียหายไป แต่ทว่าการพูดคุยโต้ตอบสําหรับมนษย์แล้วหูกลับเป็นสิ่งที่จําเป็นอย่างยิ่งในการสื่อสาร…
” ผม” หลินหยางเปิดปากหมายจะอธิบายเรื่องราว
“อย่าเข้ามานะโว้ย” เพียงแค่คําเดียวที่ชายหนุ่มได้เอื้อนเอ่ย ชายผู้มีระดับสี่ก็เปิดปากขัดเสียแล้วมันตะโกนเสียงดังเบียดกับคนข้างหลังหมายจะถอยสร้างระยะห่างจากหลินหยาง
” ทํายังดีวะ” ชายฉกรรจ์รายหนึ่งกล่าวขึ้น ตอนนี้สีหน้าของพวกมันซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว
” พวกแกก็ฆ่ามันซะสิ” สตรีวัยกลางคนกล่าว
“ฆ่ามันซะ” เหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังส่งเสียงกดดัน
“ตอนนี้มันอยู่ในร่างมนุษย์ ข้าว่าพวกเรายังมีโอกาศ” ชายร่างท้วมกล่าว แต่ตัวของมันนั้น แอบแทรกตัวไปหลบอยู่ด้านหลังของกลุ่มชายฉกรรจ์เป็นที่เรียบร้อย มันมิได้เสนอตัวออกมาประ จัญหน้าอย่างสหายของมันแต่อย่างใด
ตอนนี้เสียงเอะอะโวยวายหนาหูไม่ทราบเสียงใครเป็นเสียงใคร
ใช่แล้ว พวกเรายังมีโอ” ชายผู้มีระดับสี่กล่าววาจาทว่าก่อนจะจบประโยคเสียงของมันก็ชะงักค้างเอาไว้เสียก่อน
สาเหตุที่เสียงของมันหายไปนั่นหรือ? ต้องย้อนกลับไปราวสองถึงสามวินาทีก่อนหน้า
มีอาวุธกระดูกท่อนนึ่งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกปามาจากด้านหลังลอยข้ามหัวของเหล่าชายฉกรรจ์มุ่งตรงเข้าหาลําตัวของชายหนุ่มที่ตอนนี้แสดงหน้าแสดงออกว่ากําลังใกล้หมดความอดทนเต็มที
หมับ
ชายหนุ่มคว้าจับอาวุธกระดูกท่อนนั้นด้วยมือขวา สาวเท้าเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับภูติใช้เวลาเพียงเสี้ยววิเข้าประชิดตัวชายผู้มีระดับสี่ที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าขบวน
อาวุธกระดูกที่ถูกผลิตมาอย่างปราณีตมีส่วนแหลมไม่แพ้คมหอกถูกจี้ค้างเอาไว้บริ เวณลําคอของชายผู้มีระดับสี่
เสียงกลืนน้ําลายอึกใหญ่ถูกส่งมาจากลําคอของมัน ลูกกระเดือกของมันถูกจ่อด้วยของมีคมที่ห่างไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร
“ดูท่านายคงคิดถึงเพิ่งโจวอดีตผู้นําของนายมากสินะถึงอยากจะตายตามมันไป” หลินหยางกล่าวด้วยน้ําเสียงเยือกเย็นเสียดกระดูก
เสียงเอะอะเริ่มเงียบลงทีละคน ทีละคนจนทั่วบริเวณเงียบเชียบไร้การเคลื่อนไหว
เหล่าชายฉกรรจ์ผู้อยู่แนวหน้ามีดวงตาเบิกโพลง เพราะชายหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปร่วมหนึ่งเมตรเมื่อครู่ บัดนี้มาประกบติดกับพวกมันเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ภาพชายหนุ่มยามเคลื่อนไหวเลือนรางราวกับภูติผี กว่าพวกมันจะรู้ตัวหลินหยางก็นําอาวุธกระดูกมาจ่อคอหอยของชายผู้มีระดับสี่เป็นที่เรียบร้อย
” พ-พี่หยาง” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวตะกุกตะกัก มีรอยยิ้มแห้งประดับบนใบหน้าของมัน
สีหน้าที่แสดงออกบ่งบอกว่าความเข้าใจผิดถูกคลี่คลายไปแล้ว หลินหยางจึงลดอาวุธลงชายหนุ่มมิได้มีเจตนาจะฆ่าสังหารมันตั้งแต่แรก
” พวกนายจะเงียบได้หรือยัง?” หลินหยางกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“รีบฆ่าเจ้าปีศาจนั่นซะ” สตรีวัยกลางคนมิได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า เนื่องจากตัวมันแอบอยู่เกือบท้ายแถวจึงถูกแผ่นหลังของมวลชนบดบังจนมิดชิดไม่เห็นสถานการณ์ที่กําลังเกิดขึ้น
หลินหยางปรายตามองชายผู้มีระดับสี่ด้วยหางตา
“แค่ก” ผู้ตกเป็นเป้าสายตาเสียวสันหลังวาบสีหน้าเลิกลักทําตัวไม่ถูก
” ทุกคนเงียบ!!” มันก้าวเท้าเดินออกไปยืนเคียงข้างหลินหยางพร้อมกับตะเบ็งเสียงดัง
“เงียบอะไรว่ะ ฆ่ามันสิโว้ย”
“ใช่ๆฆ่ามันซะ” เสียงตอบกลับจากผู้คนแถวหลังยังคงวุ่นวายเช่นเดิม ส่วนกลุ่มคนค่อนไปด้านหน้าตอนนี้พวกมันเปลี่ยนสีหน้าผ่อนคลายโล่งอก ส่วนบางคนก็ยังมีความสับสน แต่ความห วาดกลัวล้วนไม่มีแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากพวกมันเห็นสถานการณ์ทั้งหมดทั้งเหล่าชายฉกรรจ์ที่ไม่มีท่าที่เป็นปฏิปักษ์ต่อชายหนุ่มผู้ถูกใส่ร้ายว่าเป็นปีศาจหรือแกนนําของพวกมันอย่างชายระดับสี่ที่บัดนี้มีสีหน้ายิ้มแย้มแก้เขินพร้อมกับค่อมตัวยืนประกบหลินหยางแสดงกิริยาประจบประแจงราวกับคนพึ่งทําผิดมาต้องการไถ่โทษ
“เงียบได้แล้วโว้ย” ชายร่างท้วมตะโกนเสียงดังเพิ่มระดับเสียงที่ดังกล่าวสหายของมันจนกลบเสียงผู้อื่นจนมิด
:: ทั่วบริเวณเงียบกริบลงฉับพลัน
ชายร่างท้วมแทรกตัวผ่านกลุ่มคนวิ่งเหยาะๆเข้าหาหลินหยางด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“อะแฮ่ม ท่านผู้นี้มีนามว่าหลินหยาง ท่านคือผู้รวบรวมผู้รอดชีวิตให้เป็นหนึ่งเดียวและริเริ่มปฏิบัติการหลบนี้ในครั้งนี้” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวราวกับตนเป็นผู้ประกาศข่าวที่กําลังกล่าวถึงผู้มีเกียรติรายหนึ่ง