เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 657
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 657 หนีตาย
” ปะ พวกเราไปกันเถอะ” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวพลางหันกายเดินนําขบวนมุ่งตรงสู่ทางออก ตอนนี้ทุกภารกิจที่มันมอบหมายสําเร็จเห็นผลอย่างงดงาม แถมมันยังได้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตทั้งร้อยห้าสิบชีวิตเป็นของแถมกลับมาอีกด้วย
เหล่าผู้รอดชีวิตล้วนมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าแสดงถึงความสุขสมหวัง พวกมันจะได้ออกไปจากถ้ําเน่าเหม็นนี้เสียที
”เป็นระเบียบกันหน่อย” สองข้างทางมีชายฉกรรจ์ทั้งแปดนายผู้กวาดล้างค้างคาวปีกเหล็กยืนคุมเว้นระยะห่างกันอยู่ พวกมันจัดระเบียบแถวสร้างแนวทางเดินอย่าง โดยที่สายตาของพวกมันทั้งแปดมองสอดส่องมองหาคนผู้หนึ่งภายในกลุ่มคนนับร้อยที่ผ่านตาไปทีละคนทีละคน
ครีนน
ทันใดนั้นเองภายในถ้ําเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงคล้ายกับเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ผนังถ้ํา เกิดเสียงแตกร้าวรอยต่อระหว่างหินเกิดการแตกหักทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสียงดังสนั่นกลบเสียงสนทนาฟังไม่ศัพท์
“ก-เกิดอะไรขึ้น” เหล่าผู้รอดชีวิตสีหน้าเลิ่กลั่กมองซ้ายขวาด้วยความแตกตื่นตกใจ
แต่สําหรับเทียนหนิงเจี้ยนและพักพวกล้วนรู้คําตอบอยู่แก่ใจถ้ํากําลังจะล่มสลาย!
แม้เทียนหนิงเจี้ยนจะไม่เคยอยู่ในช่วงเวลาการถล่มของถ้ําแต่มันก็ได้รับข้อมูลมามากพอจะ คาดเดาสถานการณ์ ส่วนหลิวไห่ จิ่นเหอ และสมาชิกทีมที่เหลือนั้นล้วนเคยประสบพบเจอกับตนเองมาแล้วทั้งสิ้นจากการถล่มของถมดไฟ ฉะนั้นแล้วการล่มสลายของถ้ําจึงมิใช่สิ่งแปลกใหม่อันใดสําหรับพวกมัน แต่ทว่าสิ่งที่คาใจพวกมันก็คือเหตุใดถ้ําแห่งนี้จึงล่มสลายลง?
ตามความเข้าใจเดิมคือเมื่อสัตว์ประหลาดผู้ปกครองแห่งถ้ํานั้นๆได้ตกตายลงถ้ําที่มันอยู่อาศัยก็จะสิ้นอายัยตามไปเช่นกัน แต่…พวกมันยังไม่เคยเห็นตัวราชาหรือราชินีของถ้ําแห่งนี้เลยแม้แต่เงา
ตูม
ก้อนหินชิ้นโตขนาดใหญ่หรือเทียบเท่ามนุษย์ล่วงตกลงมาจากเพดานถ้ําซึ่งเป็นผลมาจากการแตกตัวของถ้ําหิน ประจวบกับพื้นที่ล่วงหล่นของมันนั้นอยู่ใจกลางกลุ่มผู้รอดชีวิต ส่งผลให้หินก้อนยักษ์ทับร่างของผู้เคาะห์ร้ายอย่างจังทําให้มันเสียชีวิตทันที
กร็ดด
เสียงอิสตรีกรีดหวีดหวิวกับภาพสุดสะเทือนใจ เหล่าชายฉกรรจ์ก็โหวกเหวกโวยวายเร่งเรีบผลักดันคนข้างหน้า กลุ่มผู้รอดชีวิตทั้งร้อยห้าสิบคนตกอยู่ในความแตกตื่นชุลมุนวุ่นวาย พวกมันไม่สนใจใยดีคนรอบข้างอีกต่อไป เร่งร้อนแทรกตัวหนีเตลิดกรูกันมุ่งตรงไปยังปากทางออก บางคนเสียหลักล้มลงกับพื้น บางคนเหยียบผ่านใช้ร่างมันเป็นทางเดิน
ว้ากก
มองไปยังด้านหน้าของกลุ่มคน เทียนหนิงเจี้ยนก็มีสภาพไม่ต่างจากเหล่าผู้รอดชีวิต มันร้องเสียงหลงหนีตายอุตลุด แต่ด้วยตัวมันที่เป็นผู้นําขบวนแถวทําให้ไม่มีใครกีดขวางเส้นทางอย่างคนด้านหลัง และปากถ้ําเองก็มิได้อยู่ไกลห่างมากนักทําให้มันใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถวิ่งผลุบหายออกไปจากถ้ําปีศาจได้อย่างราบรื่น
หลิวไห่ จิ่นเหอ และสหาย บัดนี้มิสนอกสนใจเหล่าผู้รอดชีวิตแล้ว พวกมันก็มุ่งตรงไปยังทางออกเช่นกัน การแก่งแย่งของเหล่าผู้รอดชีวิตไม่มีผลกับพวกมันทั้งแปดมากนัก ด้วยพละกําลังที่ถือครองและความเร็วที่ตนมีของเหล่ามนุษย์หมาป่า ทําให้พวกมันทั้งแปดสามารถออกแทรกแถวมุดตัวขึ้นมาอยู่หัวแถวได้ในระยะเวลาอันนั้น
ผนังและเพดานถ้ํายิ่งมายิ่งสั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้นนับทวี แม้แต่ผืนดินยังโอนเอียนเคลื่อนไหว
ณ ปากถ้ําด้านนอก
หลิวเจียหัวหน้าทีมก่อสร้างยืนอยู่บนหอคอยไม้ที่สร้างขึ้นมาอย่างสวยสดงดงามในสายตาของมัน มันกําลังมองซ้ายมองขวาสอดส่องไปยังรอบข้างในพื้นราบกว้างไกล ในสายตาของมันนั้นมองเห็นกลุ่มคนปริศนาบางกลุ่มที่ปักหลักอยู่แอบมองพวกมันจากไกลๆ โดยส่วนใหญ่แล้วคนเหล่า นี้มักเป็นผู้เริ่มต้นที่พึ่งมาเยือนยังโลกใบใหม่หรือไม่ก็เป็นผู้อยู่อาศัยที่อยู่มานานมากประสบการณ์ ที่มารวบรวมข้อมูลและบางทีอาจรวมถึงรอคอยฉกฉวยโอกาศ หากเห็นว่าเมืองที่บุกรุกกวาดล้างถ้ําปริศนาแห่งนี้พลาดท่า พวกมันก็อาจเข้ามาสอดแทรกเป็นมือที่สามเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
มองไปยังรอบปากถ้ํามีการจัดวางกําลังไว้เป็นระเบียบ เหล่ามนุษย์ผู้สังกัดทีมระยะใกล้ยืนเรียงแถวครึ่งวงกลมโอบล้อมปากถ้ํา เพื่อเตรียมรอรับกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มีมากกว่าร้อยคน ด้วยจํานวนมากถึงเพียงนี้ หากไม่มีการควบคุมดูแล มันย่อมต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน ส่วนมนุษย์หมาป่าผู้สังกัดทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มนึงลาดตระเวณ อีกกลุ่มกระจายตัววางกําลังไว้เป็นจุดซึ่งไกลสุดนั้นห่างออกไปร่วมห้าร้อยเมตร ส่วนผู้สังกัดอยู่ทีมก่อสร้างที่ติดมีกําลังพลมากที่สุดในกองกําลังนี้ กําลังนั่งง่วนจัดการกับแผงตาข่ายที่พันธนาการค้างคาวปีกเหล็กเอาไว้ภายใน พวกมันทั้งซ่อมแซมบางจุดที่เสียหายและทุบตีค้างคาวบางตัวที่ยังพยศไม่ยอมสยบ
ครืนน
ขณะนั้นเองถ้ําปีศาจที่มีเพียงปากถ้ําโผล่พ้นขึ้นมาจากผืนดินเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง แรงสั่นของมันกระจายเป็นวงกว้างส่งผลให้พื้นดินรอบบริเวณสั่นยวบยาบไหวเอียงไปมา
ส่งผลให้หอคอยไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลห่างจากปากถ้ํามากนักไหวโอนเอนและพังทลายลงมาในที่สุด หลิวเจียและสหายที่ปักอยู่ลงด้านบนล่วงหล่นลงมาสู่พื้นแต่โชคดีที่พวกมันไม่ได้รับบากเจ็บเท่าไหร่
มีเสียงอึกทึกโวยวายดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มผู้รอดชีวิตที่หนีตายถูกปากถ้ําผลักออกมาไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นก็คือเทียนหนิงเจี้ยนและหลิวไห่และจิ่นเหอ
แฮก
เทียนหนิงเจี้ยนยืนหายใจหอบ ระยะทางที่มันวิ่งหนีมานั้นเพียงไม่กี่สิบเมตรแต่ความกดดันจากปากเหวแห่งความตายนั้นทําให้ร่างกายของมันทุกส่วนตื่นตัวทํางานถึงขีดสุด เร่งเร้าปฏิกิริยาตอบสนองของกล้ามเนื้อทําให้ตัวมันในตอนนี้มีแต่เม็ดเหงื่ออาบชโลมกาย
ตั้งแต่ถ้ําเริ่มสั่นสะเทือนตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งนาทีเศษ จํานวนคนที่ผลุบออกมาจากปากถ้ําคล้ายหลุมดํานี้เริ่มทยอยลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้าบางครั้งมีคนออกมาจากถ้ําสัตว์ประหลาดโดยพร้อมเพรียงกัน มากสุดถึงห้าคนในคราวเดียว แต่ตอนนี้เหลือเพียงครั้งละคนและเว้นระยะห่างจากกันอยู่นานพอควรเลยทีเดียว
นั่นเพราะว่าผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ได้กลับออกมาจนเกือบหมดแล้ว ตอนนี้พวกมันกําลังถูกต้อนด้วยทีมระยะใกล้ที่ยืนล้อมรอบถืออาวุธครบมือเพื่อควบคุมมิให้เกิดความวุ่นวาย รวบผู้รอดชีวิตทั้งหมดให้เกาะกลุ่มกันเป็นจุดเดียว พวกมันที่พึ่งหนีตายกันอลหม่านบัดนี้ บางคนนอนแผ่หลาอย่างเหน็ดเหนื่อย บ้างก็นั่งสั่นกลัว บางรายปล่อยโฮร้องไห้ อารมณ์อันหลากหลายพลังพลูถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย พวกมันล้วนสํานึกเสียใจที่ย่างกรายเข้ามาในประตูสวรรค์….ประตูนรกพาชีวิตตนมาเผชิญกับความเป็นความตายในโลกพิศวงใบนี้ ในเวลาเพียงสามวันก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดกันเสียแล้ว พวกมันไม่อยากจะคิดเลยว่าวันข้างหน้าต่อไปจะเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นอีก
วูบ
ปากถ้ํามีปฏิกิริยาอีกครั้งถีบส่งชายสองคนออกมา บนร่างกายของพวกมันทั้งสองมีรอยเท้าสีเลือดเป็นต้นตอมาจากทะเลเลือดที่อาบชโลมผืนถ้ํา และฝ่าเท้าของใครสักคนในจํานวนร้อยกว่าชีวิตที่เหยียบลงบนร่างของมันทั้งคู่
ใบหน้าของพวกมันทั้งคู่ขาวซีดเป็นไก่ต้มร่างกายฟกช้ําบางจุดหนึ่งในสองเป็นชายวัยละอ่อน อายุรุ่นราวยี่สิบปี มีร่างกายผอมแห้ง ศรีษะมีเลือดสดๆไหลย้อยลงอาบใบหน้าดูจากสภาพภายนอกพอจะระบุได้ว่าศรีษะของมันแตก ได้รับบาดเจ็บ เมื่อดูจากจํานวนโลหิตที่ไหลลงมาก็นับว่ามิได้มีปัญหาอันใดมากนัก ส่วนชายอีกคนอยู่ในช่วงวัยกลางคนสภาพร่างกายของมันย่ําแย่กว่าเล็กน้อย แขนขวาของมันห้อยบิดผิดรูปซึ่งคาดว่ากระดูกของมันคงจะหัก
ชายวัยยี่สิบที่มีบาดแผลตรงศรีษะล้มตัวฟุบลงตรงหน้าปากถ้ํานอนแน่นิ่งหมดเรี่ยวแรงหอบ หายใจเข้าออกติดขัด
” น้องหลง!” ชายวัยกลางคนที่ออกจากถ้ํามาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันร้องเรื่องด้วยความตกใจ ก่อนจะผ่อนคลายอย่างโล่งอกเมื่อมันเห็นว่าชายที่นอนฟุบลงกับพื้นรายนี้แค่หมดแรงเท่านั้น
ชายทั้งสองผู้รั้งท้ายคือเต๋อหลงและหลี่จิ้งนั่นเอง