เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 660
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 660 ที่มาของบาดแผล
”หืม?” ชายผู้ดึงด้ามดาบก็ชะงักเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ดาบที่ปักคาอยู่บริเวณหน้าท้องของผู้เคาะห์ร้ายในมือของมันคล้ายกับถูกบางอย่างยึดติดเอาไว้ให้มิสามารถดึงออกมาได้โดยง่ายมันเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่งแม้มันจะไม่ใช้เรี่ยวแรงอย่างจิงจังนักแต่กลับไม่สามารถดึงเหล็กแผ่นบางออกมาจากตัวผู้บาดเจ็บที่ไม่มีสิ่งใดกีดขวางหรือเหนี่ยวรั้ง
ฮับ
พรืด
มันออกแรงเพิ่มเล็กน้อยทว่าตัวดาบกลับขยับเพียงเล็กน้อยจากเดิมเท่านั้น ผิวหนังหน้าท้องของผู้เคาะห์ร้ายนูนขึ้นคล้ายกับมันยึดติดกับตัวดาบจนกระทั่งความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อถึงขีดสุดมันจึงฉีกขาดแหว่งออกจากร่างกายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหวอะหวะติดบริเวณโคนดาบ
“เจ็บๆ เจ็บบบอ๊ากก” ผู้ได้รับบาดเจ็บน้องกระวนกระวายดิ้นพล่านมันพยายามตะเกียกตะกายตัวไปด้านหลังหมายจะให้ชายผู้หยุดมือเสียที
เสียงร้องของมันดึงดูดความสนใจจากคนรอบบริเวณให้จ้องมองมาจุดเดียว ทั้งผู้รอดชีวิตนับร้อยเหล่าชายชาตินักสู้จากทีมระยะใกล้และมนุษย์หมาป่าจากทีมจู่โจม รวมถึงชายชาตรีผู้สังกัดทีมก่อสร้างอีกร่วมร้อยคนล้วนจ้องมองภาพเหตุการณ์ด้วยความหวาดเสียว
เมื่ออยู่ในสายตาของทุกผู้คนเช่นนี้ชายฉกรรจ์ผู้ดึงดาบใบหน้าถอดสีในฉับพลัน ตัวมันสังกัดที่ระยะใกล้และมันเองก็เป็นมนุษย์และแน่นอนว่าค่าสถานะของมันโดดเด่นในเรื่องพละกําลังดาบเล่มเล็กๆนี้หรือที่บังอาจมาท้าทายมัน? มันย่อมไม่ยอมให้ตนเองเสียหน้าเป็นแน่ตอนนี้มันไม่เก็บ
เรี่ยวแรงอีกต่อไปใช้พลังช้างสารของตนสุดกําลังจับด้ามดาบจนเส้นเลือดตั้งแต่มือยันหัวไหล่ปูดโปนเด่นชัด
ฮ่า
สองมือจับด้ามดาบเกร็งแน่นดึงกระชากเข้าหาตัว
ดาบเล่มดังกล่าวถูกดึงออกมาด้วยพลังเหนือมนุษย์หลุดติดมือของชายฉกรรจ์รายนี้เป็นผลสําเร็จ ชายผู้บาดเจ็บแสนทรมานโย็พุ่งขึ้นตามแรงดึงส่งร่างลอยเหนือพื้นดินจนกระทั่งใบดาบหลุดออกจากลําตัวมันจึงปล่อยกายตามแรงโน้มถ่วง
ควากก
มีเสียงน่าหวาดเสียวเกิดขึ้นพร้อมกับภาพอันน่าสยดสยองประจักษ์แก่สายตาของทุกผู้คนผิวหนังหน้าท้องของผู้บาดเจ็บหลุดออกมาทั้งยวงยึดติดกับใบดาบเป็นก้อน
ชายผู้บาดเจ็บแหงนหน้ามือเท้าเกร็งตาเหลือกเหลือแต่ดวงตาขาวหมดสติในบัดดล หน้าท้องของมันกลายเป็นหลุมลึกมีแอ่งเลือดเอ่อนอง
“12” หรงเถียนเหยาดวงตาเบิกโพลงแตกตื่นตกใจกับภาพที่เห็น ก่อนจะตั้งสติเร่งเร้าใช้ทักษะรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ชายผู้เคาะห์ร้ายด้วยเรี่ยวแรงที่เหลือกักตุนไว้เฮือกสุดท้าย
เลือดจากบาดแผลค่อยๆลดน้อยลงไม่ไหลทะลักดังเก่ามิใช่ว่ามันหายสนิทไม่แต่เป็นการบรรเทาลงไปราวเจ็ดส่วนรอยแผลกว้างบนหน้าท้องของมันค่อยๆสมานรวมตัวเข้าหากันช้าๆสร้างผิวหนังใหม่มาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป แม้จะไม่สามารถบรรจบเข้าหากันได้เป็นเนื้อเดียวแต่ก็เพียงพอจะยื้อชีวิตของมันมิให้ตกตายลงในฉับพลัน
ตุบ
หลังสิ้นการรักษาร่างเธอล้มฟุบนั่งลงด้านข้างตัวอ่อนปวกเปียกเหงื่อไหลอาบชโลมชุดสวมใส่จนเปียก เธอยังพยายามคงสติเอาไว้มิได้สิ้นการรับรู้
“คุณหมอ!” เหล่าชายฉกรรจ์จากทีมระยะใกล้และมนุษย์หมาป่าจากหน่วยจู่โจมร้องเรียกชื่อเธอเป็นเสียงเดียวสาวเท้าเข้ามายืนล้อมหน้าล้อมหลัง น้ําเสียงของพวกมันแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่ง อนึ่งหรงเถียนเหยานับเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งทั้งหน้าตาและความสามารถภายในประชากรทั้งหมดจึงตกเป็นที่หมายปองครองใจของชายฉกรรจ์หลายคนเลยทีเดียว พวกมันมิได้สนใจภาพอันน่าสยดสยองบนร่างกายของชายผู้บาดเจ็บเลยสักนิด
“น้ําครับ” ชายฉกรรจ์หนึ่งในทีมระยะใกล้คุกเข่าควักเอาถุงน้ําส่วนตัวของมันยื่นให้แก่หญิงงาม
” ผมว่าทานอาหารก่อนดีกว่าครับ” ชายอีกรายหยิบเอาอาหารแห้งที่พกติดตัวยามฉุกเฉินออกมาจากอกเสื้อยื่นให้แก่หรงเถียนเหยาด้วยสองมือ
“เจ้าโง่! ของพวกแกมันสกปรกคุณหมอเขาไม่ทานหรอก ทานนี่ดีกว่าครับ” ชายอีกรายแย้งขึ้นพร้อมกับนําเนื้อแห้งส่วนตัวขึ้นมาพลางใช้ปากเปาลมใส่เนื้อแห้งชิ้นนั้นพัดพาเศษสิ่งไม่พึงประสงค์บินว่อนในอากาศ…
“ม-ไม่เป็นไรคะ” หรงเถียนเหยาผืนพยุงตัวกล่าวอย่างนอบโน้มรับไว้เพียงความหวังดี
“ออกไปโว้ย!” เทียนหนิงเจี้ยนตะโกนเสียงดัง
“ไปประจําตําแหน่งให้หมด!!” มันขับไล่เหล่าชายฉกรรจ์ที่หมกมุ่นลุ่มหลง เหล่าชาย ฉกรรจ์เดินคอตกจําต้องแยกย้ายไปอย่างไม่เต็มใจเหลือไว้เพียงสายตาแห่งความเป็นห่วงเป็นใยที่คอยมองเธออยู่ห่างๆ
“นี่มันอะไรวะเนี้ย!” ทันใดนั้นเองชายฉกรรจ์ผู้ดึงดาบออกจากหน้าท้องของผู้เคาะห์ร้ายส่งเสียงแห่งความแตกตื่นตกใจ สายตามันจ้องเขม็งไปที่ดาบโลหะในมือเขม็ง
จากเดิมเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดและรูโหว่บนหน้าท้องของผู้บาดเจ็บได้ดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างให้มองข้ามตัวดาบที่ถูกดึงออกมาจากร่างของมัน แต่ตอนนี้ทุกสายตาได้เบนไปจับจ้องยังชายผู้ให้ความช่วยเหลือเป็นตาเดียวมองดาบในมือของมันด้วยความพิศวง
ดาบเล่มนี้ขณะที่ปักอยู่บนตัวของชายผู้เคาะห์ร้ายโผล่พ้นมาเพียงแค่ด้ามดาบก็พอจะสามารถแยกแยะได้ว่ามันคือดาบสั้นเล่มนึงที่หาได้ทั่วไปที่คนปกติย่อมมีพกอยู่กับตัวอย่างน้อยหนึ่งเล่มแต่เมื่อมันถูกดึงออกมาจากร่างของผู้เคาะห์ร้ายมันก็ได้เผยโฉมประจักษ์แก่สายตาของฝูงชนถึงความผิดปกติของตัวดาบ
นั่นคือดาบสั้นเล่มนี้มีจุดตําหนิขนาดใหญ่บนตัวของมันเอง ความยาวของมันเมื่อเทียบกับดาบเล่มอื่นๆแล้วแม้จะนับรวมด้ามดาบเข้าไปด้วยก็เหลือเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น มันหักออกในมุมเฉียงเล็กน้อยพร้อมกับรอยบินทั่วใบดาบไม่เรียบเนียนคล้ายกับผ่านการใช้งานจากการต่อสู้หลายศึกเลยทีเดียว
ส่วนต้นตอของรูโหว่บนหน้าท้องของชายผู้เคาะห์ร้ายก็ปรากฏมาพร้อมไขข้อข้องใจให้แก่พวกมันเช่นกันว่าเหตุใดดาบเล่มนี้จึงยากลําบากกว่าจะถอนออกจากผู้บาดเจ็บ
โดยผู้ที่ติดใจสงสัยมากที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชายผู้ถือดาบเล่มดังกล่าวอยู่ในมือซึ่ง ซึ่งตอนนี้มันก็กระจ่างชัดแล้วด้วยสายตา พวกมันล้วนเห็นว่าชิ้นส่วนหน้าท้องของผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่บนดาบสั้นที่ชํารุดเล่มนี้มีความผิดปกติยิ่ง ทั้งผิวหนังและชิ้นเนื้อมันแห้งกรังทั้งบางจุดยังมีสีที่แปลกไปจากสีดั้งเดิมของเนื้อสิ่งมีชีวิตที่ควรจะแดงสดกลับกลายเป็นสีน้ําตาลเข้มและยิ่งอยู่ใกล้กับใบดาบมากเท่าไหร่สีของมันยิ่งเข้มมากขึ้นไล่ไปตามสีอ่อนและเข้มจนกลายเป็นสีดําซึ่งอยู่ส่วนที่อยู่ติดกับใบดาบ
สายตานับไม่ถ้วนจากคนหลายร้อยชีวิตแม้พวกมันจะไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้แต่ก็พอคาดเดาได้ ว่าเศษชิ้นส่วนเนื้อบริเวณหน้าท้องที่ติดอยู่บนใบดาบนั้นถูกปฏิกิริยาของความร้อนย่างสดจนเกรียม!!
พวกมันคิดไม่ผิด! ดาบเล่มนี้เป็นตัวนําพาความร้อนเผาผลาญเนื้อหนังหน้าท้องของผู้ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ความร้อนที่สูงจนสามารถทําให้เนื้อสดๆที่ยังมีเลือดหล่อเลี้ยงกลายเป็นเนื้อแห้งไหม้เกรียมที่ดูเหมือนจะแตะละเอียดได้แค่ถูกกระทบกระเทือน!
ชิ้นเนื้อส่วนที่ติดกับใบดาบอันเป็นผลพวงมาจากชั้นไขมันที่ถูกความร้อนเผาละลายไปเคลือบยังแผ่นโลหะเมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งตัวดาบมีอุณหภูมิลดลงส่งผลให้เนื้อหน้าท้องก้อนนี้ยึดติดกันเป็นก้อนแยกออกจากเนื้อกายปกติโดยสิ้นเชิง หากสังเกตุให้ดีส่วนที่ติดออกมากับตัวดาบทั้งหมดล้วนเป็นชิ้นเนื้อที่ตายแล้วทั้งสิ้น
ในสายตาของผู้รอดชีวิตทั้งหลายล้วนมีเป้าหมายเป็นเศษชิ้นเนื้อที่น่าสยดสยอง แต่ประเด็นหลักสําหรับเทียนหนิงเจี้ยนและพักพวกก็คือดาบสั้นที่ชํารุด
เดิมทีเมื่อพบผู้บาดเจ็บรายนี้พวกมันยังมิได้ฉุกคิดถึงที่มาที่ไปของตัวดาบเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ทรุดหนักของมันดึงดูดความสนใจโดยรวม แต่ตอนนี้ดาบสั้นเล่มนี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทําให้พวกมันเริ่มปะติดปะต่อถึงต้นตอของบาดแผลบนร่างของชายทั้งสองเข้าด้วยกัน
บาดแผลที่ปรากฏล้วนเกิดจากของมีคมเป็นส่วนใหญ่ ตอนแรกอาจยังพอคิดได้ว่ามันถูกทําร้ายจากค้างคาวปีกเหล็กที่ใช้อาวุธประจํากายโจมตีฝากรอยแผลไว้จนทั่ว แต่เมื่อพินิจไตร่ตรองดูแล้วความเป็นไปได้มันต่ํายิ่งเพราะหากมันถูกโจมตีด้วยปีกเหล็กจากค้างคาวจริงมันย่อมได้รับความเสียหายมากกว่านี้อีกหลายเท่าด้วยทักษะติดตัวของค้างคาวปีศาจพวกนี้ อย่าว่ารอยบาดรอยข่วนหลายสิบจุดเลย เพียงแค่จุดเดียวก็มากเพียงพอจะให้พวกมันทรมานเจียนตายหมดสติได้ไม่ยาก
ถ้างั้นรอยแผลพวกนี้เกิดจากสิ่งใดล่ะ? เศษหินดินทรายจากการทรุดตัวของถ้ําหรอ? หากผู้ใดยังพอมีปัญญาไม่โง่งมเกินเยียวยาก็ย่อมบอกได้ทั้งสิ้นว่ามันเกิดขึ้นเพราะดาบสั้นเล่มนั้น!
เมื่อมันเกิดจากดาบสั้นเป็นต้นเหตุฉะนั้นข้อสรุปก็คงไม่ยากนักนั่นคือผู้ที่ทําร้ายมันต้องเป็นมนุษย์หรือสายพันธ์ที่ใกล้เคียงอย่างมนุษย์ครึ่งสัตว์อย่างแน่นอน!!