เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 663
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 663 บุคคลที่ถูกลืม(ตอนปลาย)
“ไม่ใช่ว่าอะไร?” แม้ทุกคนจะทราบความหมายแต่มิใช่กับหลิวไห่มันยังสับสนกับคํากล่าวของหลิวเจี่ย ต้องการฟังคําเฉลย
“พี่หยาง…ตายแล้ว!” หลิวเจี้ยตอบกลับ
” อะไรนะ!” หลิวไห่ดวงตาเบิกโพลงแสดงถึงความตกใจ
“พี่หยางตายแล้ว!!” เหล่าชายนักสู้ล้วนประสานเสียงด้วยความแตกตื่นตกใจ
แพทย์สาวหรงเถียนเหยาที่กําลังรักษาคนไข้ แม้จะได้ยินเสียงของเหล่าชายฉรรจ์แต่อารมณ์ของเธอมิไขว้เขว เธอเข็มแข็ง? หรือเธอไม่เสียใจ? ปาวเลย มิใช่เพียงเธอเท่านั้นที่ไม่แตกตื่นกับเสียงเอะอะโวยวายของเหล่านักสู้ทั้งหลาย ทั้งเทียนหนิงเจี้ยนและจีนเหอรวมถึงชายฉกรรจ์บางส่วนเองก็มิได้แสดงท่าที่อันใดออกมาทางสีหน้า
“เงียบได้แล้วพวกโง่!” เทียนหนิงเจี้ยนปาวตะโกนโดยเสียงของมันมีเป้าหมายหลักคือหลิวไห่ผู้ที่ควรจะมีสติมากที่สุดในเวลานี้แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นแกนนําของความวุ่นวายเสียอย่างนั้น
“พี่หยางยังอยู่พวกเอ็งจะไปแช่งให้เขาตายทําไม” มันกล่าวต่อ
” หมายความว่าไง” หลิวไห่เปิดประเด็นเร่งร้อนกล่าวถาม หากมองดูใบหน้ามันให้ดีจะพบว่าจมูกและเปลือกตาของมันเริ่มมีสีแดงระเรื่อคล้ายกับมันกําลังจะร้องไห้
“พี่เทียน พี่หยางยังไม่ตายงั้นหรอ?” เหล่าชายฉกรรจ์ปรับอารมณ์เค้นหาคําอธิบายในประโยคของหลิวไห่เป็นพัลวัน
“ก็เออสิวะ” เทียนหนิงเจี้ยนสบถด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว มันไม่คิดเลยว่าชายชาติทหารพลเมืองของมันจะโง่เง่าเต่าตุ่นเช่นนี้ ยิ่งหัวหอกแกนนําเหล่านักสู้เยี่ยงหลิวไห่ และผู้บัญชาการทีมก่อสร้างอย่างหลิวเจี่ยยิ่งแล้วไปใหญ่
“พวกเอ็งได้ยินเสียงแจ้งเตือนกันไหมล่ะ? เสียงที่จะดังขึ้นเมื่อมีสมาชิกเมืองของตนเสียชีวิต” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าว
พรานหนุ่มจิ้นเหอพยักหน้าเห็นด้วย มันยังมิได้ปริปากพูดแม้สักคําเพราะมันมิชํานาญเรื่องการสื่อสารอยู่แล้ว แต่ที่เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวไปก็เป็นไปตามที่มันคิดแทบทุกอย่าง มันจึงมิได้แตกตื่นตกใจเมื่อได้ยินว่าหลินหยางได้ตกตายไปแล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้
พรานแล้ว แต่ที่เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวแล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้
”…” เหล่าชายฉกรรจ์ล้วนเงียบกริบ พวกมันกระจ่างชัดในบัดดล สําหรับบางคนอาจยังไม่แน่ชัดเพราะมันมิได้สังกัดอยู่ในพลเมืองดั้งเดิมของหลินหยาง แต่สําหรับพลเมืองดั้งเดิมแล้วพวกมันล้วนเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที
“ฮ่าๆ ข้าว่าแล้วพี่หยางย่อมไม่ตายง่ายๆอย่างนี้หรอก” หลิวไห่ระเบิดเสียงหัวเราะร่า แต่หารู้ไม่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มันคิดฟุ้งซ่านไปเองเช่นนี้ ครั้งแรกเป็นตอนที่มันอยู่ในถ้ำค้างคาว เมื่อยามนั้นมันได้รับการอธิบายจากสมาชิกทีมของมัน ที่คล้ายคลึงกับประโยคข้างต้นของเทียนหนิงเจี้ยน แต่ดูเหมือนสมองของมันจะลบข้อมูลนั้นไปเสียหมดจดไม่เหลือหลอ
มองไปยังหลิวไห่และหลิวเจี้ยชายผู้มีความสามารถทางด้านหน้าที่ของตนในอันดับต้นๆ ส่งผลให้เทียนหนิงเจี้ยนต้องถอดถอนหายใจอย่างผิดหวัง ฝีมือของพวกมันทั้งสองไม่มีใครคัดค้านหากจะกล่าวว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ทว่าหากเอาเรื่องสมองมาเกี่ยวข้องแล้วคงต้องประท้วงกันยาวเลยล่ะ บางทีก็อยากรู้นักว่าในหัวพวกมันยังมีสมองเหมือนคนปกติอยู่หรือไม่
“งั้นพี่หยางอยู่ไหนล่ะ?” กลุ่มชายฉกรรจ์ตั้งคําถามขึ้น
“เออ…แล้วเขาอยู่ไหน” เทียนหนิงเจี้ยนครุ่นคิดนําข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมาได้กลั่นกรองหาผลลัพธ์ สถานที่พบตัวล่าสุดอยู่บริเวณส่วนกลางของถ้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปตรงส่วนนั้นถูกแทนที่ด้วยกลุ่มค้างคาวปีกเหล็ก เวลาต่อมาแม้จะยังไม่แน่ชัดนักแต่หลิวไห่และพวกได้สนทนากับบุคคลที่มีน้ำเสียงคล้ายคลึงกับหลินหยางซึ่งตอนนั้นต้นตอของเสียงดังกล่าวอยู่ถัดไปจากฝูงค้างคาว
สายตาของมันมองไปยังเต๋อหลงและหลี่จิ้งที่กําลังรับการรักษากับแพทย์สาว มองเลยผ่านไปอีกจุดพบร่างของชายสองคนนอนแน่นิ่งร่างกายสะบักสะบอมหมดสภาพอยู่ด้านหน้าที่พักชั่วคราวสองคนแรกนั้นออกมาจากถ้ำค้างคาวได้อย่างหวุดหวิดในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ถ้ำจะถล่ม ส่วนสองคนให้หลังถูกพบขณะจมจ่อมอยู่ในกองหินที่ทับร่าง!?
เทียนหนิงเจี้ยนที่สงบนิ่งมานานตรัสรู้ในบัดดล มันสะดุ้งเฮือกเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ถึงจุดที่อยู่ของชายหนุ่ม
“ถ-ถ้ำ ไม่สิ ในหินนั่น” เทียนหนิงเจี้ยนพูดตะกุกตะกักพึมพํากับตนเอง
” หือ หินอะไร” หลิวเจี้ยกล่าวถามด้วยความสงสัย
“พี่หยางอยู่ในหินกองนั้น!” เทียนหนิงเจี้ยนตะเบ็งเสียงชี้นิ้วไปยังหินกองใหญ่ซึ่งอดีตก่อนหน้าเคยหลอมรวมเนื้อเดียวเป็นปากซึ่งตอนนี้มันได้ถล่มลงมาเหลือแต่ซากปรักหักพัง
“ขนย้ายหินพวกนั้นออกไป!” เทียนหนิงเจี้ยนออกคําสั่งตัดสินใจอย่างฉับพลัน
เหล่าชายฉกรรจ์ร่วมร้อยคนวิ่งกรูกันเข้าไปยกย้ายหินทั้งก้อนเล็กก้อนใหญ่โยนออกไปไกลกวาดหินกองใหญ่จนโล่งเตียนโดยใช้เวลาไม่ถึงนาที
การกําจัดหินกองโตโดยใช้เวลาอันสั้นสําเร็จอย่างง่ายดายโดยฝูงชายฉกรรจ์ ทว่าเมื่อเสร็จสิ้นตามหน้าที่พวกมันกลับยืนนิ่งเงียบกริบไม่มีผู้ใดปริปาก เนื่องจากเบื้องหน้าของพวกมันมีเพียงผืนหญ้าอันว่างเปล่าเป็นพื้นที่โล่งเตียน…สําหรับถ้ำปริศนายามที่มันทรุดตัวถล่มลง ทางเข้าคล้ายกับหลุมดําที่ดูดเอาผู้ที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปภายใน รวมถึงเส้นทางทอดยาวลึกลงไปในใต้ดินที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดก็อันตธารหายวับไปเช่น นั่นคือสิ่งที่พวกมันรู้จากการสํารวจซากถ้ำมดไฟและโครงกระดูกที่เคยพิชิตมา
แต่นั่นมิใช่ประเด็นหลัก ใจความสําคัญมันอยู่ตรงที่พวกมันไม่พบหลินหยาง!
สิ่งที่เทียนหนิงเจี้ยนคิดผิด หลินหยางมิได้ถูกฝังตัวอยู่ในกองซากปักหักพังอย่างที่คิด
“แล้วพี่หยางมันคือใครวะ” กลุ่มผู้รอดชีวิตที่ได้รับการรักษาแล้วบางส่วนนั่งรวมตัวกันอยู่เป็นจุดมองการกระทําของเหล่าชายชายฉกรรจ์ผู้กล้าที่ช่วยเหลือมันออกมาจากถ้ำค้างคาวด้วยความสงสัยคล้ายกับพวกมันกําลังร้อนใจตามหาใครผู้หนึ่ง
“ข้าจะรู้ไหม” ชายข้างมันตอบกลับด้วยความสับสน ตอนนี้มันเริ่มสนอกสนใจถึงผู้ที่มีนามว่าพี่หยางที่เหล่าผู้กล้าเหล่านี้เรียกขานกันไม่หยุดปาก
ชายชาตินักสู้ที่สามารถต่อกรกับค้างคาวปีกเหล็กนับร้อยตัวด้วยจํานวนคนเพียงหยิบมือได้อย่างง่ายดายโดยไม่สามารถเรียกได้ว่าการต่อสู้เสียด้วยซ้ำเพราะอีกฝ่ายไม่มีหนทางสู่ชัยชนะตั้งแต่แรก แล้วบุคคลที่พวกมันร้อนลนตามหาอยู่นั้นย่อมต้องมีบทบาทสําคัญภายในกองกําลังนี้อย่างแน่นอน ยิ่งพวกมันแสดงความผิดหวังออกมาทางสีหน้าเมื่อทําการค้นหาภายในหินกองใหญ่ไม่พบยิ่งย้ำเตือนว่าบุคคลผู้เป็นเจ้าของเรียงนามพี่หยางนี้ต้องสําคัญอย่างยิ่ง
แต่กลุ่มผู้รอดชีวิตล้วนคิดไม่ตกว่าใครกันในหมู่ผู้รอดชีวิตที่มีสง่าราศีพอจะเป็นคนคนนั้นได้
“พี่หยาง? พวกท่านหมายถึงหลินหยางใช่ไหม” ทันใดนั้นเองมีเสียงชายผู้หนึ่งกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด
ควับ
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่กําลังผิดหวังในผลลัพธ์หันศรีษะควานหาตัวมันผู้นั้นอย่างพร้อมเพรียง
ต้นเสียงนั้นอยู่ไกลออกไปจากจุดที่เทียนหนิงเจี้ยนและพรรคพวกอยู่เล็กน้อยถูกขวางกั้นด้วยเหล่าผู้รอดชีวิตที่กําลังเรียงคิวรอรับการรักษา แต่เมื่อพวกมันรับรู้ถึงสายตาของเหล่าชายฉกรรจ์ล้วนแหวกเปิดทางโดยอัตโนมัติเผยให้เห็นตัวผู้เปร่งวาจาในบัดดล มันคือหลี่จิ้ง
ข้างกายของมันมีเต่อหลงที่นอนสลึมสลือและหรงเถียนเหยาที่กําลังรักษามันอยู่
มิใช่เพียงแค่เทียนหนิงเจี้ยนและสหาย บัดนี้สายตาของเหล่าผู้รอดชีวิตทั้งหลายก็ต่างจับจ้องหลี่จิ้งเป็นตาเดียว หากมองไปยังข้างกายกระทั่งแพทย์สาวยังละสายตาจากบาดแผลมองไปยังหลี่จิ้งด้วยเช่นกัน
“ใช่ เขาชื่อว่าหลินหยาง เจ้ารู้จัก?” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าว
“หือ?” เหล่าชายฉกรรจ์จากกลุ่มผู้รอดชีวิตทั้งสิบเก้าคนเริ่มฉุกคิดขึ้นเมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นหู หลินหยาง…พี่หยาง คับคล้ายคับคลาว่าพวกมันเคยเจอเจ้าของนามนี้มาแล้วครานึง
” ครับ เขาแบ่งอาหารให้ผมและเจ้าหนุ่มนี่ที่กําลังจะอดตาย…” หลี่จิ้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในถ้ำโดยมีตัวละครหลักคือมัน เต่อหลงและหลินหยาง มันเล่าตั้งแต่พบชายหนุ่มครั้งแรก วางแผนหลบหนี รวบรวมกําลังพล เริ่มปฏิบัติการหนีเอาชีวิต ถอยกลับ โดยเรื่องราวทั้งหมดมีหลินหยางเป็นแกนกลาง
รวมถึงการที่ชายหนุ่มอยู่เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดปีศาจ ก่อนที่พวกมันจะแยกกันในตอนสุดท้ายและคือท้ายสุดของเรื่องราว นั่นคือตอนที่พวกมันหนีออกมาจากถ้ำ ชายหนุ่มได้แยกตัวออกจากกลุ่มผู้รอดชีวิตเพียงลําพังและนั่นคือครั้งสุดท้ายที่พวกมันเห็นหลินหยางเช่นกัน