เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 672
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 672 วางกับดัก
“อย่างที่เจ้ากล่าวมาก็มิผิด” บิดาของมันกล่าว
องค์ชายรองยกยิ้มมุมปากดื่มกับความสุขหลังตอบคำถามถูก
“แต่มันก็มิถูกเช่นกัน” ความสุขของมันมีได้เพียงไม่กี่วิเท่านั้นเมื่อบิดาของมันสาธยายต่อ
“จิตวิญญาณแห่งปัญญาหยั่งรู้สรรพสิ่งถึงแก่นแท้…พลังงั้นหรือ? ชีวิตอมตะ? สิ่งที่ไม่รู้ย่อมไม่มี! ไม่ว่าจะต้องการพลังการต่อสู้หรือร่ำเรียนวิทยายุทธ์ ต้องการชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ขอเพียงแค่ผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งปัญญาต้องการ ทุกสิ่งล้วนตกอยู่ในกำมือของคนผู้นั้น!!” บิดาของมันกล่าวสีหน้าแดงเลือดลมสูบฉีด
“มีอำนาจมากถึงเพียงนี้!” องค์ชายรองด้วยตาเบิกโพลงเมื่อได้รู้สรรพคุณ
ชายชราและชายวัยกลางคนผงกหัวพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
” ท่านพ่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องในวันนี้?” องค์ชายรองยังคงสับสนแครงใจ
“อุปนิสัยอันเอ๋อร์เจ้าเองก็ทราบ นางซุกซนดื้อรั้นอย่างยิ่ง ถ้ายิ่งบังคับนางยิ่งต่อต้าน หากข้าไม่ทำเช่นนี้มีหรือนางจะยอมอยู่ในหอโอสถนานร่วมเดือน สำหรับผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งปัญญาเช่นนางแล้วเพียงหนึ่งเดือนคงสำเร็จวิชาแพทย์ถึงแก่นแท้ได้มยาก ยิ่งมีเทพโอสถคอยช่วยเหลือเป้าหมายยิ่งเข้าใกล้ขึ้นอีกก้าว” บิดากล่าว
”เป็นเช่นนี้” องค์ชายรองคิดตามคำกล่าวของบิดาตน จากที่ฟังมาข้างต้นพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของบิดามันบ้างแล้ว เด็กสาวยังเยาว์นักมิควรเร่งร้อนฝึกวิทยายุทธ์ ทั้งยังมิควรยุ่งเกี่ยวกับศึกสงคราม แต่หากจะรอคอยให้ถึงเวลาอันสมควรโดยปล่อยเวลาผ่านไปอย่างเสียเปล่าก็มิได้ ฉะนั้นบิดาของนางจึงใช้เวลาที่มีอยู่ยัดเยียนความรู้วิชาทางการแพยท์ที่สำคัญไม่แพ้กันให้แก่เด็กสาว
“ถ้าอย่างนั้นที่อันเอ๋อร์และพวกมันสองคนแอบออกไปยังปาอสูรได้มิใช่เพราะความผิดพลาดระหว่างผลัดเวรยาม? มิใช่ความหละหลวมแต่เป็นความตั้งใจของท่านพ่อ?” องค์ชายรองกล่าวถามเพื่อไขกระจ่ายความคิดบิดาตน
“มิใช่แต่ใกล้เคียง อันเอ๋อร์ใช้เวลาเพียงสองวันวิเคาะห์การป้องกันไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาการผลัดเปลี่ยนคนหรือแม้แต่จุดอับที่สามารถหลบเลี่ยงสายตาของเหล่าเวรยามได้ นี่เป็นจุดที่แสดงอิทธิฤทธิ์ของจิตแห่งปัญญาที่นางครอบครอง เรื่องนี้ต้องขอบคุณอี้เอ๋อร์และเอ้อเอ๋อร์ หากพวกเจ้าทั้งสองไม่บอกถึงสิ่งที่อันเอ๋อร์กำลังทำอยู่เห็นทีคงจะแย่กว่านี้” บิดาเด็กสาวกล่าวชมเชย เวรยามที่รัดกุมถึงขีดสุดกลับถูกเด็กสาวทำลายลงภายในเวลาแค่สองวัน สองวันเท่านั้น!
ทั้งจุดประสงค์ยังเป็นแค่การออกไปเที่ยวเล่นภายนอกเมืองเท่านั้น! โชคดีอย่างยิ่งที่เด็กสาวมิใช่ศัตรู
เด็กชายตัวน้อยค่อมหัวรับด้วยความภาคภูมิใจที่ตัวตนของพวกมันสามารถเป็นประโยชน์
“ในเวลานั้นแม้ข้าจะเพิ่มการป้องกันขึ้นอีกสองหรือนับสิบเท่ามันก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตแห่งปัญญา แต่หากจะปล่อยไว้ให้นางทำตามอำเภอใจก็ทำมิเช่นกัน” ผู้เป็นบิดากล่าว
“ท่านพ่อจึงเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ซ้อนแผนล่อให้อันเอ๋อร์เข้ามาติดกับ!” องค์ชายรองคาดเดา
” ถูกแล้ว! แล้ววิธีนี้ก็ให้ผลลัพธ์ที่ข้าพึงพอใจอย่างยิ่ง ฮ่าๆๆ” บิดามันระเบิดเสียงหัวเราะ
ทั้งชายวัยกลางคนและบิดาของมันก็ร่วมดื่มไปกับความสำเร็จที่พวกมันร่วมมือกันสร้าง แผนการนี้พวกมันใช้เวลานับเดือนเพื่อสร้างความแยบยลรัดกุมถึงขีดสุด ตั้งแต่จงใจเปิดช่องโหว่การคุ้มกันกำแพงเมืองโดยที่ต้องมิเป็นที่สังเกตุชัดเจนเกินไปสำหรับเด็กสาว
แต่แผนการของพวกมันผิดพลาดเกินความคาดหมายไปเล็กน้อย เดิมที่พวกมันคิดว่าเด็กสาวตัวน้อยอยากออกไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวเล่นในระแวกรอบๆ ใครจะคาดคิดว่าเป้าหมายของเด็กสาวคือป่าอสูร ป่ารกทึบลึกลับที่ขวางกั้นระหว่างเผ่าปีศาจทิศเหนือและเผ่าอสูรทิศใต้ โชคดีที่เหล่าองครักษ์ระดับหัวกระทินำโดยชายวัยกลางคนได้แอบติดตามไปเพื่อป้องกันเหตุร้าย เมื่อพวกมันได้รับสัญญาณจากเด็กชายทั้งสองจึงเป็นสาเหตุที่พวกมันมาถึงจุดเกิดเหตุโดยใช้เวลาเพียงน้อยนิด
องค์ชายรองผงกหัวมันเข้าใจเจตจำนงของบิดาของมันกระจ่างชัด
กักบริเวณหนึ่งเดือน….นี่มิใช่โอกาศสานสัมพันธ์อันดีกับเด็กสาวหรอกหรือองค์ชายรองครุ่นคิดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก หนึ่งเดือนโดยที่ไม่มีใครรบกวนหรือขัดขวาง นี่คือช่วงเวลาที่มันใฝ่ฝันมานาน
พรึ่บ~~
“รายงานฝ่าบาท องค์หญิงได้เข้าไปภายในหอโอสถเป็นที่เรียบร้อย” เหล่าทหารองครักษ์ผู้รับหน้าที่คุ้มกันเด็กสาวกลับมารายงานผลหลังส่งเด็กสาวถึงที่หมายตามคำบัญชา
“ดี!! ปิดตายหอโอสถหากไม่มีคำสั่งข้าห้ามผู้ใดเข้าออกเด็ดขาด!” “ฝ่าบาท ที่เหล่าองครักษ์ให้ความเคารพสั่งการ
แท้จริงแล้วผู้ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้น บิดาของเด็กสาวและองค์ชายรองคือฝาบาทผู้ที่ทุกคนให้ความยำเกรง มันมียศศักดิ์เป็นถึงจักพรรดิปีศาจ!
ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งเรียกขานจักพรรดิปีศาจว่าพี่ใหญ่ มันคือหนึ่งในสายเลือดเชื้อพระวงศ์ซึ่งหน้าที่ของมันในตอนนี้คือแม่ทัพปีศาจผู้คุมทหารนักสู้นับแสน!
ส่วนชายชราผู้ที่องค์จักพรรดิเรียกมันว่าอารอง มันเป็นน้องชายของจักพรรดิองค์ก่อน ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่ควบคุมทหารองครักษ์ภายในเมืองทั้งหมด!
” ท่านพ่อ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” องค์ชายรองค่อมศรีษะกล่าวเร่งรีบสาวเท้าเตรียมมุงหน้าไปหาเด็กสาวทันที
“คำสั่งของข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ลืม..ห้ามผู้ใดเข้าเยี่ยมเยียน กระทั่งเจ้าและข้าก็เช่นกัน” ผู้เป็นบิดาย่อมต้องสังเกตุเห็นกิริยาของมัน ทั้งยังเข้าใจความคิดของผู้เป็นบุตรของตน
ฝีเท้ามันหยุดชะงักลงฉับพลัน
“แต่ท่านพ่อ หากท่านกักบริเวณนางตลอดมิใช่ตัดขาดจากโลกภายนอกหรือ เช่นนั้นข้าจะได้พบนางอีกเมื่อไหร่” องค์ชายรองใบหน้าเศร้าหมองกล่าวกับบิดาตน มันเกรงว่าหลังสิ้นหนึ่งเดือนให้หลังผู้เป็นบิดาของมันจะวางแผนให้เด็กสาวมาติดกับหาทางลงโทษกักบริเวณเพื่อให้เด็กสาวใฝ่หาความรู้ใช่งานจิตวิญญาณแห่งเทพอสูรใคร่คว้าปัญญา
“หึ ไม่ง่ายเช่นนั้น เจ้าอย่าได้ดูถูกจิตวิญญาณแห่งปัญญานัก แผนการเดิมย่อมมิสามารถใช้งานได้ซ้ำสอง” บิดาของมันกล่าว
“แต่” องค์ชายรองยังอิดออด มันหลงคิดว่าบางที่ตนยังได้การละเว้นสามารถไปมาหาสู่เด็กสาวได้เสียอีก
การแสดงออกของมันชัดเจนเกินไป เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็สามารถบอกได้ว่ามันชอบพอเด็กสาวอยู่
“ไม่มีแต่ทั้งสิ้น” จักพรรดิปีศาจเค่นเสียงสบัดเสื้อคลุมหันหลังเดินกลับไปยังที่นั่งพำนักของตนทันที
ชายวัยกลางคนและบิดาของมันมุ่งหน้าออกจากห้องโถงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนคนล ทิศคนละทาง
เหลือไว้แต่องค์ชายรองผู้มีสีหน้าเศร้าหมองเดินคอตกกลับออกไปในที่สุด
” จับตาดูองค์ชายรองอย่าให้มันรบกวนอันเอ๋อร์” หลังจากเครือญาติของมันออกไปจนหมด จักพรรดิปีศาจกล่าวเสียงบางเบาเพียงลำพัง
วูบ~~
พื้นที่ว่างเปล่าข้างกายมันบิดเบือนราวกับมิติบิดเบี้ยวไม่เสถียร ปรากฎชายวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมา มันค่อมหัวรับคำสั่ง ไม่นานนักตัวมันค่อยโปร่งแสงส่วนขาค่อยๆหายไปก่อนที่จะหายวับไปทั้งตัวไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่เงา
“น้อมส่งองค์หญิง” ข้ารับใช้ผู้ประจำอยู่หน้าหอโอสถประสานเสียงค่อมหัวส่งเด็กสาวเข้าไปหอโอสถ ตอนนี้ด้านนอกหอโอสถมิได้มีเพียงข้าบริวารของเทพโอสถ บัดนี้มีทั้งองครักษ์แต่งองค์ทรงเครื่องครบชุดพร้อมออกรบใบหน้าเคร่งขรึมยืนเรียงแถวเป็นแนวยาวล้อมรอบหอโอสถตั้งแต่ทางเข้ายันประตูหลังโดยเว้นระยะห่างระหว่างกันเพียงเมตรเดียวเท่านั้น แม้แต่ยุงตัวเล็กๆแม้จะบินผ่านพวกมันก็มิอาจหลบสายตาของใครคนใดไปได้เลย
ตึงง~
ประตูใหญ่ถูกปิดตามคำสั่งจักพรรดิมให้คนนอกเข้าคนในออก ซึ่งคนในคนนอกในที่นี้ก็คือเด็กสาวนั้นแล
ภายในหอโอสถ
” ท่านปู่~~” เด็กสาวเรียกเสียงยาวหาใครบางคน
“…” เด็กสาวร้องเรียกอีกหลายคราทว่าไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา
วูมมะ~
ทันใดนั้นเองดวงตาเด็กสาวสะดุดเข้ากับห้องห้องหนึ่งซึ่งมีไว้สำหรับรับรองผู้บาดเจ็บ
เด็กสาวฉีกยิ้มขึ้นฉับพลันเมื่อตรวจพบคลื่นพลังที่เล็ดรอดออกมาจากภายในห้อง มันเป็นคลื่นพลังที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งและเป็นคนที่เธอกำลังตามหาตัวอยู่