เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 684
ตอนที่ 684 ผู้เสียสละ
ตอนนี้สมาชิกหน่วยทั้งเก้านายได้ตัดสินใจที่จะสละชีพอย่างมีเกียรติต่อสู้กับศัตรูจนตัวตายเป็นที่เรียบร้อย พวกมันแม้จะยังอยู่ในวัยเยาว์แต่จิตใจที่แน่วแน่ของพวกมันแสดงถึงความองอาจกล้าหาญของนักสู้เผ่าปีศาจอย่างเต็มเปี่ยม!
มุมปากของผู้นำหน่วยยกยิ้มแสดงถึงความสุขที่มิอาจปิดบัง ทว่าเป็นความสุขแค่เพียงเสี้ยววิเท่านั้น
” หากพวกเราทั้งสิบต่อสู้กับสัตว์อสูรสองตนจนตัวตายแน่นอนว่าชื่อและวีรกรรมความกล้าของพวกเราย่อมถูกกล่าวขานสืบต่อชั่วลูกชั่วหลาน แต่ถ้าหากนี่คือจุดจบของเผ่าพันธุ์เป็นยุคสุดท้ายของอารยธรรมเผ่าปีศาจล่ะ?” ผู้นำหน่วยกล่าวด้วยเสียงทุ่มต่ำระทึกจิตใจ
“จุดจบของเผ่าปีศาจ!! ท่านหมายความว่ายังไง” เหล่าสมาชิกแตกตื่นกับสิ่งที่ได้ฟังอย่างยิ่ง
พวกมันทั้งเก้าผู้เป็นสมาชิกหน่วยสอดแนมที่แม้กระทั่งยอมตายอย่างไม่เสียดายชีวิตเพียงเพื่อสังหารศัตรูที่เป็นภัยกับเผ่าปีศาจ สามารถเรียกได้ว่าพวกมันทั้งเก้าเป็นผู้ศรัทธาในเผ่าพันธุ์ของตนอย่างยิ่ง มิใช่เพียงแค่เหล่าสมาชิกเท่านั้น แต่ประชากรทุกชีวิตในเผ่าปีศาจเองก็ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันที่ถูกส่งต่อมาทางสายเลือดจากรุ่นสู่รุ่น
สำหรับเผ่าปีศาจแล้วการได้เข้าร่วมกองทัพหรือเป็นกำลังต่อสู้ให้แก่เผ่าพันธุ์ของตนนับเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต ฉะนั้นแล้วเมื่อทั้งเก้าได้ยินสิ่งที่ผู้นำหน่วยที่เคารพรักกล่าวถึงการล่มสลายของเผ่าพันธุ์…มีหรือพวกมันจะมิตกใจ
” พ-พวกเจ้าเห็นหนอนยักษ์ตัวนั้นไหม สัตว์อสูรพวกนั้นอีก จุดดำบนท้องฟ้าด้วย… ผู้นำหน่วยชะงักไปเล็กน้อยคล้ายกับมันกำลังครุ่นคิดคำตอบที่จะมอบให้เหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมก่อนจะกล่าวต่ออย่างติดขัดในช่วงแรก มันอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่มันคิดอย่างการร่วมมือกันเป็นข บวนการของเหล่าสัตว์อสูร ทั้งการคาดคะเนถึงสิ่งผิดปกติและการคาดเดาถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าที่ จะตามมา
” หากมันเป็นไปอย่างที่ข้าคิดนั่นแสดงว่าตอนนี้ เผ่าอสูรมันกำลังจะเปิดสงครามอย่างเต็มตัวกับเผ่าปีศาจของเรา!!” ผู้นำหน่วยกล่าวอย่างเน้นย้ำ การเล่าเรื่องสาธยายของมันยังอยู่ในขอบเขตการระมัดระวังสิ่งรอบข้าง มือไม้ของมันยังตระเตรียมตั้งท่าประจัญหน้ายืนค้ำกับสัตว์อสูรหมาและหนูทั้งสองตัว บางคราบางจังหวะก็แสร้งจู่โจมข่มขู่ให้ฝ่ายตรงข้ามหวาดระแวงเตรียมป้องกันบางครั้งเมื่อเห็นว่าศัตรูเริ่มหมดความอดทนมันก็ทำที่จะบุกโจมตีทำลายจังหวะการรุกของฝ่ายตรงข้าม ประสบการณ์ของมันที่สั่งสมมานับว่าได้นำออกมาใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
ยิ่งมายิ่งตกตะลึง เหล่าสมาชิกหน่วยทั้งเก้าลุ้นระทึกกับวาจาแต่ละคำที่เปร่งออก ยิ่งเมื่อเล่าถึงจุดสำคัญผู้นำหน่วยยิ่งเพิ่มระดับเสียง บางคราก็ทุ่มต่ำชวนตื่นเต้นคิดตาม ศิลปะการพูดของมันราวกับเป็นบทละครแต่ละฉากที่เรื่องราวดำเนินผ่านชักชวนให้เหล่าสมาชิกคล้อยตามเข้าถึงอารมณ์
” ฟังแล้วพวกเจ้าคิดว่ายังไง? ยังสมควรอยู่ที่นี่อีกหรือไม่?” ผู้นำหน่วยกล่าว หากสังเกตุให้ดีจะพบว่ามันลอบถอนหายใจอย่างแผ่ว มีเม็ดเหงื่อไหลอาบตั้งแต่หน้าผากไหลผ่านยาวไปถึงลำคอชโลมใบหน้าจนมันเลื่อม สิ่งที่มันกดดันมิใช่เพียงแค่การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร แต่รวมไปถึงการประดิษฐ์คำพูดเชิญชวนปลุกระดมให้แก่เหล่าสมาชิกทั้งเก้าที่เป็นหนุ่มสาวไฟแรงทั้งหลายให้หลงเชื่อจนโง่หัวไม่ขึ้น
สมาชิกทั้งเก้ากลืนน้ำลายอีกใหญ่หลังจากได้ฟังเรื่องของหัวหน้าหน่วยที่วิเคาะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันจนละเอียดยิบ แม้มันจะไม่มีอะไรมายืนยันว่าสิ่งที่หัวหน้าหน่วยนั้นถูกหรือผิด แต่ก็มิอาจรับความเสี่ยงจากการมองข้ามสิ่งที่น่าจะเป็นนี้ไปได้
ตอนนี้ทั้งเก้าล้วนมีคำตอบอยู่ในใจของตนกันแล้วทั้งสิ้นหลังจากชั่งน้ำหนักถึงความคุ้มค่าแล้วคงมิต้องบอกว่าพวกมันตัดสินใจเช่นไร หัวหน้าหน่วยสอดแนมที่เปรียบดั่งอาจารย์สอนความรู้ให้แก่พวกมันแม้จะเป็นที่เคารพรัก แต่ก็มิอาจเทียบได้กับอนาคตของเผ่าปีศาจ
พวกมันเองก็มิได้ลืมหน้าที่ความสำคัญของหน่วยสอดแนมที่ตนสังกัดอยู่เช่นกัน หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของหน่วยสอดแนมก็ตรงตัว นั่นก็คือการหาข้อมูลสืบข่าวคราวการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามและกลั่นกรองความถูกต้องรายงานผลให้แก่เหล่าผู้นำทัพชักศึกทั้งหลาย เพื่อวางแผนวิเคาะห์รับมือ
เห็นเช่นนั้นผู้นำหน่วยลอบยกยิ้มมุมปาก ผลลัพธ์จากละครฉากใหญ่ที่มันเสริมเติมแต่งจนเกินจริงไปมากโขเพื่อโน้มน้าวเหล่าลูกสมุนได้ผลลัพธ์ออกมาดังที่คาดหวัง จุดประสงค์ของมันนั้นแน่นอนว่าเพื่อส่งข่าวให้แก่เมืองปีศาจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่มันสังเกตุเห็น แต่นั่นมิใช่เหตุผลทั้งหมดที่มันจำต้องกุเรื่องขึ้นเพื่อหลอกล่อให้สมาชิกที่เหลือคล้อยตาม
มันมั่นใจว่าถึงแม้หน่วยของมันจะไม่เป็นผู้ไปแจ้งข่าวถึงเหตุการณ์นี้ ก็ยังมีหน่วยสอดแนมหน่วยลาดตระเวณอื่นอีกนับพันหน่วยที่ประจำอยู่ในปาอสูร ซึ่งพวกมันก็ต้องระแคะระคายถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นเหล่าแม่ทัพนายกอง ผู้นำกองกำลังทั้งหลายที่ประจำการอยู่ในเมืองปีศาจ ยศศักดิ์ฐานะของพวกมันก็มิได้มาเพราะโชคช่วย พวกมันย่อมเฉลียวฉลาดมากประสบการณ์พอจะคาดเดาได้อย่างที่ตนคิด บางทีตอนนี้แม่ทัพเหล่านั้นอาจทราบถึงความผิดปกติจากการมองโดยภาพรวมแล้วก็เป็นได้
ฉะนั้นสาหรับมันแล้วจุดประสงค์หลักจะเป็นเพื่อให้เหล่าลูกสมุนที่เปรียบดั่งศิษย์รักทั้งเก้าได้มีโอกาศรอดกลับไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัย
“เอาพลุสัญญาณของพวกเจ้ามาให้ข้า” ผู้นำหน่วยกล่าว
สมาชิกหน่วยสอดแนมทำตามอย่างว่าง่ายพวกมันไม่มีข้อโต้แย้งใดอีก ควักเอากระบอกพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือที่พกติดตัวออกมาให้แก่ผู้นำหน่วยของพวกมันอย่างพร้อมเพรียง
“เมื่อข้าให้สัญญาณให้พวกเจ้ากระจายตัวหนีกันไปคนทิศทิศ พวกเจ้าสองคนหนีไปทางทิศเหนือมุ่งหน้าตรงสู่เมืองปีศาจ พวกเจ้าสี่คนไปทางทิศตะวันออกและตกวิ่งไปเรื่อยๆราวสองถึงสามกิโลเมตรเมื่อรู้สึกว่าพ้นอันตรายจึงเลี้ยวเปลี่ยนทางมุ่งตรงไปทางเมือง ส่วนทางที่พวกเจ้าทั้งสามจะไปนั้นอันตรายกว่ากลุ่มอื่นๆ พวกเจ้าต้องมุ่งไปยังทิศใต้เข้าไปในเขตแดนของเผ่าอสูรแล้วกระจายตัวอ้อมกลับไปยังเมืองปีศาจ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสามที่มีความเร็วโดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเรายอมสามารถหนีพ้นจากการตามล่าของสัตว์อสูร” ผู้นำหน่วยหน่วยกล่าวจัดแจงวางแผนให้แก่สมาชิกทั้งเก้าแบ่งกลุ่มตามความคิดของมัน
” ท่านหัวหน้า ทำไมพวกเราต้องแยกกันไปคนละทางด้วย? เมื่อท่านหัวหน้าเอ่อ…ล่อดึงความสนใจของสัตว์อสูร ฉะนั้นพวกเราทั้งเก้ารวมกลุ่มกันมุ่งตรงกลับเมืองมิง่ายกว่าหรือ?” สมาชิกรายหนึ่งกล่าวถามด้วยความสับสน
“มันไม่ง่ายเช่นนั้น” ผู้นำหน่วยสายหัว
“ปัญหาใหญ่ในตอนนี้มิใช่เพียงแค่สัตว์อสูรที่เราเห็นในสายตาเท่านั้น ข้าเชื่อว่าทั่วทั้งผืนป่านี้ยังมีสัตว์อสูรอยู่ในทุกหนแห่งเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด และหากเป็นไปตามที่ข้าคิดในแต่ละจุดย่อมมีสัตว์อสูรเกาะกลุ่มกันไม่ต่ำกว่าสิบตัวขึ้นไปอย่างแน่นอน และอุปสรรคของเรามิได้มีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้น ยังรวมไปหนอนยักษ์บนท้องฟ้าที่มีมากกว่าร้อยจุดอีกด้วย พวกเจ้าไม่อาจรวมกลุ่มกันทั้งเก้าคนและคอยหลบการตรวจจับของสัตว์อสูรแถมยังต้องหลบการตกเป็นเป้าโดยมิได้ตั้งใจของหนอนยักษ์บนฟ้า” มันกล่าวอธิบาย
“แบบนี้นี่เอง” เหล่าสมาชิกผงกหัวเมื่อได้ฟังเหตุผลที่ดูจะมีเคร้าโครงเป็นไปอย่างที่กล่าวมา จริงๆ
หากฟังจากสิ่งที่ผู้นำหน่วยกล่าวแล้วมันดูเหมือนจะราบรื่นอย่างยิ่ง ทว่ามีใจความสำคัญที่ผู้นำหน่วยรายนี้มิได้กล่าวออกไปนั่นก็คืออัตราความสำเร็จนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินนัก จากการวิเคาะห์ของมันสมาชิกทั้งเก้ารายนี้โอกาศที่พวกมันจะรอดกลับเมืองอย่างปลอดภัยครบสามสิบสองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันแทบจะไม่มีเลย บางทีอาจจะเหลือรอดครึ่งนึ่งหรือเพียงหนึ่งเดียว หรือไม่แน่หากโชคร้ายครั้นแล้วชีวิตเดียวก็คงไม่เหลือ!!