เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 685
ตอนที่ 685 เหนือความคาดหมาย
แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังมีความหวังมีโอกาศ ซึ่งถ้าหากตัดสินใจปักหลักประจัญหน้ากับสัตว์อสูรย่อมไม่มีโอกาศรอดอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม” ผู้นำหน่วยกล่าวพร้อมกับควักเอาพลุสัญญาณหนึ่งอันขึ้นมาถือไว้ในมือ ชูขึ้นเหนือศรีษะก่อนจะปลดปล่อยลูกไฟสีเขียวพุ่งตะหง่านขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นเส้นตรงเป็นสัญญาณของการเริ่มแผนการ!!!
ศรีษะของหมาป่าขนงนและหนูยักษ์แหงนมองท้องฟ้าเป็นตาเดียว สีหน้าของพวกมันแสดงออกถึงความตกใจอย่างยิ่ง
หากมองไปยังเหล่าสัตว์อสูรที่ยังไม่ปรากฏกายเผยโฉมแอบอยู่ในความมืด จะพบว่าส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นศรีษะของพวกมันก็แหงนมองบนท้องนภายามราตรีเช่นกัน
ย่าห์
หนูยักษ์มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างฉับพลันทันท่วงที มันส่งเสียงในลำคอหันควับกลับหลังวิ่งด้วยสองเท้าอย่างรวดเร็วทิ้งห่างออกจากจุดดังกล่าวหายไปในความมืด
เหลือเอาไว้เพียงเจ้าหมาปาขนเงินที่ยังคงลังเลครุ่นคิดตัดสินใจอยู่ ศรีษะขวาของมันแหงนมองท้องฟ้าตรงกลางหัวสลับกับมองไปยังกลุ่มหนอนยักษ์ที่กำลังลอยเข้ามาหา ศรีษะกลางของมันจ้องเขม็งมองหน่วยสอดแนมทั้งสิบรายดูการเคลื่อนไหว ส่วนศรีษะซ้ายสุดของมันกลับหลังหันมองไปยังทิศที่หนูยักษ์วิ่งหนีไป
ตอนนี้มันตกอยู่ในความสับสนยิ่ง การมีสามหัวในร่างเดียวแน่นอนสำหรับบุคคลอื่นแล้วนับว่าเป็นเรื่องดียิ่งที่มันสามารถมีจมูกถึงสามส่วน หูถึงหกข้าง ลูกตาถึงหกดวงที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว ดมกลิ่น รับฟังเสียง แต่ทว่ามันมิใช่เรื่องดีเสมอไปเพราะทั้งสามหัวนั้นเองก็มีสมองอยู่ในข้างในทั้งสามหัว
ความคิดของมันที่มาจากสามศรีษะจึงตีกันวุ่นวายชุลมุนไม่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาด
กรร~
จู่ๆหัวขวาที่แหงนมองท้องฟ้าก็ส่งเสียงคล้ายกับเสียงขู่ แต่เป็นเสียงขู่ที่ดังอยู่ในลำคอของมันมีได้คำรามหรือมีเจตนาข่มขู่ศัตรู สิ้นเสียงของมัน หัวตรงกลางและด้านซ้ายของมันก็แหงนขึ้นมองบนท้องฟ้า ไม่นานนักทั้งสามศรีษะก็ส่งเสียงคล้ายกับพวกมันกำลังสนทนากันอยู่ก็มิปานก่อนที่จะร่วมกันตัดสินใจเลือกหนทางไปต่อ นั่นก็คือหันกายวิ่งหนีไปตามสหายต่างสายพันธุ์อย่างหนูยักษ์ที่หายหัวไม่เห็นแม้แต่เงา
“…” หน่วยสอดแนมทั้งสิบที่ถูกทิ้งมองตามหลังสัตว์อสูรทั้งสองตัวจนหายลับไปจากสายตาด้วยดวงตากระปริบ โดยเฉพาะเจ้าหมาป่าขนเงินที่ขณะร่างกายยังวิ่งสับเท้าทั้งสี่อย่างต่อเนื่อง แต่ศรีษะสองในสามกลับยังจดจ่ออยู่บนท้องฟ้าส่วนอีกหนึ่งที่เหลือยังหันหลังกลับมามองพวกมันทั้งสิบจนกระทั่งออกนอกเหนือจากระยะสายตาจึงไม่สามารถมองเห็นเจ้าหมาป่าสามหัวที่มีท่าวิ่งอันแสนตลกได้อีก
หน่วยสอดแนมยืนอึ้งกิมกี่กับสัตว์อสูรทั้งสองตัวอยู่นานกว่าจะได้สติกลับคืน หันมามองผู้นำหน่วยสอดแนมที่มีใบหน้ามืดครื้ม
แล้วแผนการที่วางเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จนี้ต้องทำเช่นไร? สรุปแล้วพวกมันยังต้องทำตามแผนเดิมอยู่หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่สะท้อนออกมาจากสายตาของเหล่าสมาชิกหน่วยทั้งเก้าที่ต้องการกล่าวถามหัวหน้าหน่วยของตน
“เอ่อ…หัวหน้า ข้าว่าพวกเราคงไม่ต้องทิ้งท่านเอาแล้วหล่ะ” สมาชิกรายหนึ่งกล่าว
“อะแฮ่ม พวกเราไปกันเถอะ” ผู้นำหน่วยส่งเสียงกระแอมกล่าว พวงแก้มของมันมีสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย มันคิดแผนการแทบตาย ชักแม่น้ำทั้งห้ามาโน้มน้าวเหล่าลูกสมุนทั้งตระเตรียมใจเสียดิบดีพร้อมพลีชีพเพื่อเผ่าพันธุ์ ทว่าแผนของมันกลับล่มไม่เป็นท่าทั้งที่ยังมิทันได้เริ่มเสียด้วยซ้ำ
เมื่อวิเคาะห์จากรูปร่างของหมาป่าสามหัวดูมันจะยังเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในช่วงวัยเยาว์เมื่อเทียบกับเผ่าปีศาจ ซึ่งดูแล้วเจ้าหนูยักษ์และสัตว์อสูรที่หลบซ่อนเป็นเงาตะคุ้มอยู่รอบๆเองก็คงอยู่ในช่วงวัยเดียวกัน แน่นอนว่าด้วยวัยของพวกมันยังเกิดเติบโตมาได้ไม่นานนักจึงไม่แปลกที่มันจะขาดประสบการณ์ชีวิต แต่การที่พวกมันโง่เขลาเบาปัญญาถึงเพียงนี้แม้แต่ผู้นำหน่วยสอดแนมก็ยังถึงขั้นกุมขมับคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
ฝีมือการต่อสู้ของเผ่าอสูรสูงส่งจนน่าหวาดกลัวแม้จะเป็นอสูรที่ยังไม่มีอายุขัยมากนักก็ตามแต่นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบว่าสัตว์อสูรวัยเยาว์เหล่านี้มันโง่งม ไม่มีการคิดอ่านสถานการณ์แก้ทางเฉพาะหน้าเลยแม้แต่น้อย
มองไปยังรอบกายยังตรวจพบการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรหลายตัวที่ยังคงปักหลักอยู่แม้จะหนีออกไปสร้างระยะห่างอยู่นอกเขตโจมตีของอสูรหนอนยักษ์หลังจากผู้นำหน่วยได้ยิงเป้าชี้ตำแหน่งด้วยพลุสัญญาณ ซึ่งกว่าหนอนยักษ์ตัวอ้วนจะเดินทางมาถึงคงใช้เวลาอีกหลายนาที่เลยทีเดียวซึ่งคาดเดาได้จากจุดด่างดำหนอนยักษ์บนท้องฟ้าที่กำลังคืบคลานเข้ามาจากระยะไกลในแนวโค้ง ซึ่งบ่งบอกว่าความเร็วที่พวกมันใช้นับว่ามิได้รวดเร็วมากนัก
เดิมที่การพุ่งชนของหนอนยักษ์เหล่านี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่และน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง แต่ใครจะทราบว่าในความเลวร้ายกลับมีเรื่องดีแฝงอยู่ ผู้นำหน่วยสอดแนมได้ค้นพบวิธีรับมือกับหนอนยักษ์เหล่านี้ได้ด้วยความบังเอิญ
ก่อนจะเริ่มออกเดินทางผู้นำหน่วยสอดแนมมิลืมจะจดจำบันทึกภาพลักษณ์ของหนอนยักษ์ไว้ในหัว ทั้งยังแหงนมองบนท้องฟ้าจดจำตำแหน่งของพลุสัญญาณที่เริ่มอ่อนแสงเบาบางลงนับร้อยจุด ซึ่งตำแหน่งของลูกไฟสีเขียวเหล่านี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกมันที่กำลังจะมุ่งหน้าบุกฝาผ่าดงป่ารกทึบเพื่อกลับไปยังฐานที่มั่น
เพื่อมิให้ก้าวก่ายย่างกรายเข้าไปในระยะการตกกระทบของหนอนยักษ์ที่กินบริเวณกว้าง มันจำต้องจดจำตำแหน่งสร้างร่างภาพเขตหวงห้ามสร้างเป็นแผนที่ขึ้นในหัวของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าว
เมื่อเตรียมตัวเสร็จสรรพมันเดินนำขบวนพาเหล่าสมาชิกทั้งเก้ามุ่งหน้าออกเดินทางด้วยความระมัดระวังตัวอย่างสูงสุดมอบหมายหน้าที่ให้แต่ละนายมองดูคนละทิศทางเพื่อป้องกันการลอบโจมตีและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
กรร~
ระยะการเดินทางของพวกมันทั้งสิบห่างจากจุดเริ่มต้นเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นก็ได้พบกับสัตว์อสูรที่คุ้นเคย มันคือหมาป่าสามหัวและหนูยักษ์ตัวเดิม โดยมีอสูรตนใหม่ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับเจ้าหมาป่าสามหัวอีกสองตัวเพิ่มเติมยืนเคียงข้างส่งเสียงข่มขู่พร้อมตระครุบเหยื่อ คล้ายกับเป็นเสียงเตือนมิให้เหล่าสมาชิกทั้งสิบได้ย่างกรายมุ่งหน้าไปมากกว่านี้
เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ปรากฏตัวกว่าเดิมถึงสองเท่า ผู้นำหน่วยหาได้สะทกสะท้านไม่ ในมือของมันถือสิ่งประดิษฐ์รูปทรงกระบอกที่คุ้นเคยชูขึ้นเหนือศรีษะเล็งเฉียงขึ้นไปทางทิศเหนือเล็กน้อยก่อนจะส่งพลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเข้าไปทำปฏิกิริยากับเครื่องมือดังกล่าวปล่อยลูกไฟสีเขียวสุกกราวพุ่งสู่ท้องนภายามค่ำคืนสร้างวาบ
การตอบสนองของเหล่าสัตว์อสูรเป็นไปตามความคาดหมาย พวกมันแหงนหน้ามองตามสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วยดวงตาเบิกโพลงก่อนจะตะกุยเท้าซ้ำอ้าวหนีเตลิดกันไปคนละทิศทิ้งระยะห่างจากรอบบริเวณไปอยู่ไกลสุดสายตา
หลังสิ้นการใช้งานผู้นำหน่วยโยนสิ่งของที่หมดประโยชน์ทิ้งไว้ข้างกาย ก่อนจะควักเอากระบอกสัญญาณขอความช่วยเหลืออันใหม่เอี่ยมออกมาจากอกเสื้อพร้อมกับเดินนำขบวนไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมมุ่งหน้าสู่ใจกลางปาอสูร
กำแพงเมือง
ตู้มม
บรึ้มมม
มีเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง
มองไปยังต้นตอกำเนิดเสียงก็คือภายในปาอสูรที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความโกลาหลซึ่งบัดนี้ทั่วทั้งผืนปากำลังถูกระดมโจมตีด้วยหนอนยักษ์นับร้อยตัวที่ถึงจุดตกกระทบเป็นที่เรียบร้อย
นักสู้เผ่าปีศาจหลายพื้นที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองมิสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคง พวกมันจำต้องย่อตัวลงต่ำหาที่เกาะยึดทรงตัวมิให้ล้มจากการสั่นสะเทือนจากพลังทำลายล้าง