เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 691
ตอนที่ 691 ศักยภาพของเผ่าอสูร
ฟุ่บ
อสูรทั้งหกใช่ว่าจะละเลิกความสนใจ กลับกันพวกมันดุร้ายมากยิ่งขึ้นการหลบหนีของเป้าหมายส่งผลให้อสูรทั้งหกที่ยังคงสับสนเกิดตื่นตัวโดยสัตว์ชาติญาณไล่ล่าเหยื่อที่กำลังหลบหนี ในจำนวนอสูรหกตนมีสองตัวที่มีความสามารถในการกระโดดซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงอสูรกิ้งก่าที่ถึงแม้จะพลาดการโจมตีขณะออกตัวของหน่วยสอดแนม แต่มันก็หาได้หยุดมือไม่สองเท้าหลังถีบตัวกระโดดตามไปอย่างกระชั้นชิด อสูรที่เหลือปีนไต่ขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ระดับความสูงเทียบเท่าหน่วยสอดแนมก่อนจะกระโจนดีดตัวพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างพร้อมเพรียง
!??
หน่วยสอดแนมทั้งสิบรับรู้ถึงการตกเป็นเป้าโจมตีของอสูรทั้งหก หัวใจของพวกมันตกวูบดวงตาเบิกโพลงมองสัตว์อสูรเข้ามาหาดั่งภาพช้า
พึ่บพับ
ปีกคู่หลังเร่งกระพืออย่างร้อนรน แต่น่าเสียดายความเร็วของพวกมันทั้งสิบแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลยจากการขยับปีกอย่างต่อเนื่องของพวกมันส่งร่างของหน่วยสอดแนมออกห่างจากจุดเดิมเพียงหนึ่งถึงสองก้าวเท่านั้นหากเทียบกับระยะทางบนพื้น
ฟุ่บ
ฟิ้ว
หน่วยสอดแนมทั้งล้วงทั้งควักเอาอาวุธลับที่พกติดตัวขว้างปาใส่ศัตรูที่ลอยอยู่บนอากาศเช่นเดียวกัน จุดประสงค์ของพวกมันนั้นง่ายดายยิ่งนั่นก็เพื่อสร้างบาดแผลสร้างความบาดเจ็บให้แก่สัตว์อสูรเหล่านี้เพื่อให้พวกมันล้มเลิกการโจมตีบนอากาศปล่อยให้หน่วยสอดแนมทั้งสิบได้ล่าถอยอย่างราบรื่น
จากตำแหน่งปัจจุบันของทั้งสองฝ่ายมิใช่เพียงแต่หน่วยสอดแนม แต่เผ่าอสูรทั้งหกตนก็มิอาจเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้ตามใจชอบเช่นกัน ในเมื่อพวกมันกระโดดถีบตัวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งแล้วก็เป็นไปได้ยากที่จะเปลี่ยนทิศทางการมุ่งหน้าขณะที่ลอยคว้างอยู่บนอากาศที่ไม่มีจุดเหนี่ยวรั้ง
ส่งผลให้อาวุธลับทุกชิ้นที่ปาออกไปแทบจะเข้าเป้าทุกครั้ง ไม่ว่าจะแขนขา ลำตัวหรือแม้กระทั่งศรีษะของเจ้าอสูรร้ายทั้งหกล้วนถูกปักเสียบด้วยมีดสั้นสร้างความเจ็บปวดให้แก่พวกมันอยู่ไม่น้อย
แต่น่าเสียดายที่การโจมตีเหล่านี้มีเพียงไม่ทำให้ศัตรูเลิกล้มความตั้งใจ กลับกันมันยิ่งทำอสูรทั้งหกคลุ้มคลั่งถึงขีดสุดอยากฉีกกระชากร่างของหน่วยสอดแนมทั้งสิบออกเป็นชิ้นๆ อสูรตนใดที่มีอาวุธประจำกายเป็นกรงเล็บก็กางแขนขากว้างตระเตรียมการตะครุบ ส่วนตัวใดที่ใช้ฟันฟันอันแหลมคมเป็นของคู่กายก็อ้าปากกว้างหมายขยำเหยื่อ
ยิ่งมายิ่งหวาดหวั่นใบหน้าของพวกมันซีดขาวเป็นไก่ต้ม อาวุธลับหลายสิบเล่ม ที่พกติดตัวได้ถูกปาออกไปจนหมดเหลือไว้เพียงแต่อาวุธระยะประชิดที่ไม่มีค่าอันใดในสถานการณ์ดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์สิ้นหวังอย่างแท้จริงสำหรับสมาชิกทั้งสิบ
แต่พวกมันลืมใครไปหรือเปล่า?
” หอกวายุ!!” ตอนนั้นเองผู้ที่ถูกหน่วยสอดแนมหลงลืมตัวตนไปแล้วปริปากร่ายวิชาอัดอากาศควบแน่นสร้างลมหมุนจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฟู้มมม
อากาศรูปทรงกรวยปลายแหลมโจมตีไปยังตำแหน่งระหว่างกลางระหว่างหน่วยสอดแนมและสัตว์อสูรทั้งหก ก่อนที่ตัวคลื่นอากาศจะขยายขนาดกระจายตัวพัดสิ่งที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงไปคนละทิศคนละทาง หน่วยสอดแนมถูกพัดไปทางซ้าย สวนสัตว์อสูรที่จวนเจียนถึงเป้าหมายถูกแรงลมต้านพัดพวกมันไปด้านขวาเสียสมดุลล่วงลงสู่พื้นดิน
” ท่านอู่เฉิน” ผู้นำหน่วยสอดแนมมองหาต้นตอผู้ใช้วิชาวายุที่ทรงพลังนี้ทันทีก่อนจะเอ่ยชื่อของมันผู้นั้นออกมาอย่างลืมตัว
ส่วนหน่วยสอดแนมทั้งสิบแม้จะเผชิญกับแรงอัดอากาศที่แม้แต่สัตว์อสูรที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมยังมิสามารถต้านทานได้ แต่พวกมันกลับไม่เสียการทรงตัวยังรักษาระดับความสูงของตนได้อย่างน่าอัศจรรย์ นั่นก็คือใต้ฝ่าเท้าของพวกมันมีกระแสลมแผ่นบางที่มิสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคอยประคองพวกมันอยู่นั่นเอง
“รีบไปซะ พวกข้าต้านไว้ได้ไม่นานนัก ศรวายุ!” ภู่เฉินไม่แม้แต่จะชายตามอง การโจมตีแรกยังมิทันสลาย มันปาวประกาศพร้อมกับสองมือพัวพันสร้างวิชาการโจมตีใหมโจมตี ปรากฏอากาศที่ควบแน่นจนมีรูปร่างคล้ายกับลูกธนูหลายสิบดอกขึ้นมาเหนือตำแหน่งที่กลุ่มสัตว์อสูรอยู่
อสูรทั้งหกยังมิได้ตั้งตัวได้ดีนักหลังถูกโจมตีอย่างคาดไม่ถึง พวกมันยังทุลักทุเลสร้างสมดุลให้ร่างกายของตนอยู่
ฉึก
ฉัวะะ
ลูกธนูที่ปรากฏขึ้นเหนือศรีษะหลายสิบดอกดิ่งลงมาราวห่าฝนปักบริเวณดังกล่าว แต่เนื่องจากมิได้เล็งตัวใดตัวนึงอย่างเจาะจงทำให้การโจมตีของมันถูกเป้าหมายบ้างพลาดบ้างส่งฝุ่นควันดินคละคลุ้งไปทั่ว
คว้าก
อสูรร้ายส่งเสียงคำรามอย่างน่าหวาดกลัว แค่พลังเสียงของมันปัดละอองฝุ่นกระจัดกระจาย มองไปยังลำตัวของพวกมันแต่ละตัวพบรูโหว่แอ่งเลือดขนาดเทียบเท่าเล็บหัวแม่มือเกิดขึ้นหลายจุดส่วนลูกศรวายุที่เป็นต้นเหตุของบาดแผลเหล่านี้ได้หายสลายตัวกลายเป็นอากาศว่างเปล่าดังเดิม
วิชาควบคุมอากาศธาตุที่ยากจะมองเห็นนี้นับว่าร้ายกาจเลยทีเดียวสำหรับการโจมตีในระยะกลาง หากเป้าหมายการโจมตีนี้เป็นมนุษย์พวกมันคงตกตายลงจากการโจมตีที่ทิ้งรอยแผลลึกที่ไม่ต่างจากการถูกยิงจากกระสุนปืนนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เนื่องจากผู้ถูกโจมตีเป็นสัตว์อสูร เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของพวกมันนั้นนี่มิอาจจะเรียกได้ว่าการโจมตีเสียด้วยซ้ำ แถมดูร่องรอยของบาดแผลที่เกิดจากห่าฝนธนูวายุนี้จะไม่สามารถเจาะลงลึกสักเท่าไหร่
การโจมตีของอู่เฉินไม่มีประสิทธิภาพงั้นหรือ? มิใช่เลย ดูได้จากพื้นดินบริเวณที่สัตว์อสูรทั้งหกอยู่ มันมีรูลึกเกือบหนึ่งคืบหลายสิบรูปรากฏอยู่บนพื้น ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มควันที่ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณที่เป็นผลมาจากการโจมตีของศรวายุ แค่มองด้วยตาเปล่าก็สามารถบอกได้ว่าการโจมตีนั้นมีอานุภาพในการทะลวงอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นแล้วปัญหาที่ทำให้การโจมตีของถุเฉินด้อยประสิทธิภาพลงก็คือผิวหนังของสัตว์อสูรเหล่านี้นั่นเอง
ถ้าอย่างนั้นการโจมตีด้วยอาวุธของหน่วยสอดแนมล่ะ? บางทีหากเป้าหมายไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นก้อนหินหรือต้นไม้ เกรงว่าเป้าหมายคงจะแหลกเป็นผุยผง
นี่คือจุดเด่นทั่วไปของเผ่าอสูร พวกมันมีกำลังวังชาสูงส่งตั้งแต่ถือกำเนิด ผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อของพวกมันก็หนามากกว่าเผ่าปีศาจและมนุษย์ ซึ่งนี่ก็รวมไปถึงพลังชีวิตของเผ่าอสูรที่มีมากกว่าเผ่าอื่นด้วยเช่นกัน อสูรบางสายพันธุ์แม้จะถูกตัดร่างขาดครึ่งพวกมันก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่เสื่อมสลาย บางตนแม้ศรีษะจะขาดไปมันก็ยังไม่สิ้นชีวีในทันที บางชนิดแม้ร่างกายแหลกเหลวแต่ยังสามารถดำรงชีวิตต่อได้อีกหลายวัน!
เพียงแค่พลังกายภาพก็นับว่าเผ่าอสูรได้เปรียบยิ่งกว่าเผ่าอื่นๆ ซึ่งยังไม่นับรวมถึงวิชาการต่อสู้ที่แตกแยกไปหลายแขนงของแต่ละสายพันธุ์ นับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความหลากหลายอย่างยิ่ง
” ทำไมพวกเจ้ายังไม่ไปกันอีก!?” ภู่เฉินพึ่งฉุกคิดได้เมื่อปรายสายตาของมันตรวจพบว่าหน่วยสอดแนมทั้งสิบยังอยู่ในจุดเดิมมิได้หลบหนีไปอย่างที่ควรเป็น
“ล-แล้วพวกท่านไม่ไปด้วยหรือ?” หัวหน้าหน่วยสอดแนมกล่าวตะกุกตะกัก
” หากพวกข้าไปด้วย แล้วใครจะขัดขวางการตามล่าของสัตว์อสูรพวกนี้เล่า!” หนึ่งในทหารเกราะเหลืองตอบกลับ ตอนนี้มันประจำอยู่ในแถวหลังที่ทำหน้าที่สนับสนุนพยุงร่างของหน่วยสอดแนมทั้งสิบรักษาระดับความสูงอย่างคงที่
“ล-แล้วพวกข้าจะหนีไปได้ยังไงกัน” เหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจด้วยการเดินทางที่มิถนัดอย่างการเคลื่อนที่บนอากาศโดยใช้ปีก พวกมันมองไม่เห็นหนทางรอดเลยแม้แต่นิดเดียว จากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหากพวกมันบังเอิญไปพบสัตว์อสูรเข้าระหว่างทาง เห็นที่ว่าพวกมันคงต้องทิ้งชีวิตเป็นผีเฝ้าปาอสูรนี้เสียแล้ว
” อย่าได้กังวล พวกเจ้าจะกลับออกไปโดยไร้รอยขีดข่วน ทั่วทั้งผืนป่าแห่งนี้จะไม่มีใครสามารถแตะต้องตัวพวกเจ้าได้แม้แต่ปลายเล็บตราบใดที่ยังมีนางอยู่” อู่เฉินยามกล่าวถึงถึงสตรีนางหนึ่งมันเปลี่ยนน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหลงไหล สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความเพ้อฝัน ราวกับว่ามันตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก