เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 693
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 693 พฤกษา
อสูรทั้งห้าที่เสียจังหวะไปก่อนหน้านี้ พวกมันถูกดึงดูดด้วยการกระทําจากทหารเกราะเหลืองทําให้ละเลิกล้มความคิดที่ติดอยู่ในหัวทิ้งไปสิ้นดึงสัญชาติญาณดิบออกมาทดแทนมุ่งหน้าเข้าหมายจะโจมตีเหยื่อที่กําลังออกตัวโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด
“ฮา!!” ภู่เฉินที่รั้งอยู่เป็นคนสุดท้าย ย่อตัวต่ํายันสองขาถีบร่างของตนขึ้นจากพื้นพร้อมกับระเบิดพลังวายุกลุ่มใหญ่ออกจากสองฝ่ามือใส่พื้นดินนําพากระแสลมอันเกรี้ยวกราดพัดฝุ่นดินควันตลบคละคลุ้ง กลบทัศนวิสัยปิดการมองเห็นของทั้งศัตรูและบดบังร่างของตนเองจนมิดก่อนที่ตัวมันจะใช้พลังลมดังกล่าวผลักดันเสริมส่งร่างลอยขึ้นสูงเสียดฟ้าอย่างรวดเร็ว
คลื่นอากาศอัดกระแทกเป็นวงกว้างโดยไม่เลือกจุดหมาย ซึ่งแน่นอนว่าสัตว์อสูรทั้งหลายย่อมไม่ได้บาดเจ็บจากการกระทําของอู่เฉิน แต่มันสามารถหยุดการเคลื่อนไหวทําลายจังหวะได้ดีเลยทีเดียว จากเศษฝุ่นและลมแรงที่เสียดแทงผิวหนัง อสูรเหล่านี้จําต้องปิดตาปิดจมูกเพื่อป้องกันความเสียหาย กว่าพวกมันจะรู้สึกตัวกู่เฉินก็ได้เพิ่มระดับความสูงจนเกินอาจเอื้อมลอยขึ้นเหนือแนวปาไม้มุ่งสู่ท้องฟ้าไปเสียแล้ว
อู่เฉินบินขึ้นไปรวมกลุ่มกับทหารเกราะเหลืองที่พึ่งร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ที่รอคอยมันอยู่อย่างพร้อมเพรียงไม่ขาดตกไปสักคนเดียว
“ได้ตําแหน่งต่อไปแล้วหรือยัง?” อู่เฉินกล่าว มันมองกวาดไปทั่วผืนฟ้า ทั่วทั้งท้องนภายามคําคืนมีทหารเกราะเหลืองหลายหมื่นนายบินว่อนกระจัดกระจายปฏิบัติหน้าที่กันอย่างขมักเขม้น บางหน่วยดึงลงสู่ภาคพื้นดินหายเข้าไปในปาอสูร บางกลุ่มกลับขึ้นมาสู่ท้องฟ้าหลังสําเร็จภารกิจ
แต่การช่วยเหลือหาได้ราบรื่นเป็นไปดั่งใจคิดไม่ ทหารเกราะเหลืองส่วนใหญ่ติดพันอยู่กับอสูรสัตว์ปีกหลายร้อยตัวที่มุ่งหมายเอาชีวิตพวกมันที่รุกล้ําพื้นที่อาณาเขตเหนือน่านฟ้าของตน โดยมีทัพหลวงปีศาจที่ประจําอยู่ภาคพื้นดินโจมตีระยะไกลสนับสนุนอย่างเนื่องๆ
นับเวลาผ่านไปร่วมสิบนาทีตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการการช่วยเหลือหน่วยย่อยในครั้งนี้ ยังไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้มากนัก ยังมีพลุไฟสัญญาณขอความช่วยเหลือขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและจํานวนของมันก็แทบจะไม่ลดลงเสียด้วยซ้ํา
บัดนี้คงเรียกว่าเป็นจุดเริ่มของสงครามได้อย่างเต็มปากเต็มคําแล้ว แม้อู่เฉินจะมิได้เกิดในยุคสมัยของสงครามที่รุนแรงที่สุดระหว่างเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรที่มีจํานวนการเข้าร่วมสงครามถึงหนึ่งร้อยชีวิต แต่ตอนนี้จากการกวาดสายตามองคร่าวๆจํานวนของฝั่งอสูรนั้นมีอย่างน้อยต้องไม่ต่ํากว่าสามร้อยตนอย่างแน่นอน บางทีอาจจะมากถึงห้าร้อยตนเสียด้วยซ้ํา และนี่คือจํานวนของอสูรสัตว์ปีกที่ทหารเกราะเหลืองผู้ควบคุมวายุได้ปะทะอยู่เท่านั้น
ทีอาจจะมากถึงหาจํานวนของฝั่งอสูรนั้นเข้าร่วมสงคราม
ยังมิรวมถึงจํานวนของสัตว์อสูรบนภาคพื้นดินที่มีบทบาทสําคัญในการจู่โจม แม้จะยังไม่สามารถยืนยันจํานวนที่แน่ชัดของอสูรบนภาคพื้นดิน แต่จากการมองภาพรวมแล้วมันย่อมมีจํานวนมากกว่าอสูรสัตว์ปีกที่กรําศึกอยู่สมรภูมิแห่งท้องนภานับสิบเท่า!
ตั้งแต่ถูกเรียกตัวโดยแม่ทัพจื่อหมิง อู่เฉินได้นําขบวนทัพหนึ่งแสนนายจากเมืองของตนมาเข้าร่วมเป็นกําลังเสริมให้แก่เมืองหลวงปีศาจโดยไม่มีความวิตกกังวลระแคะระคายถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เพราะคิดว่านี่คงเป็นเพียงการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่มีจํานวนมากกว่าปกติ จนกระทั่งมันได้มาเห็นสถานการณ์ด้วยตาของตนเองจึงได้รับรู้ว่าศึกในครั้งนี้มิใช่การปะทะกันยิบย่อยอย่างที่เคยเป็นมา มันไม่เพียงแค่การแสดงออกถึงความดุร้ายบุกรุกโจมตีเผ่าปีศาจของอสูรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
“เรียบร้อยแล้วครับ” ทหารเกราะเหลืองรายหนึ่งกล่าวตอบ มันคือหนึ่งในผู้ประจําตําแหน่งแถวหน้ากระดานแถวหลังที่ใช้วิชาวายุของตนอํานวยความสะดวกให้แก่พรรคพวกและเป็นกลุ่มที่ได้ล่าถอยเป็นอันดับแรก ซึ่งหลังจากหนีออกมาจากปาอสูรแล้วพวกมันก็มิได้นิ่งดูดายปล่อยเวลาทิ้งไปอย่างเสียเปล่า พวกมันเริ่มปฏิบัติหน้าที่สืบต่อทันทีโดยการสอดส่องมองหาพลุสัญญาณแห่งใหม่ที่จะเป็นเป้าหมายในการช่วยเหลือถัดไปนั่นเอง อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com
“นําทาง!” หลังอู่เฉินกล่าวจบทหารเกราะเหลืองทั้งยี่สิบนายมุ่งไปยังตําแหน่งใหม่ด้วยความเร็วสูงไปไกลหายลับไปจากสายตาของเหล่าอสูรทั้งหกที่แหงนมองด้วยดวงตาปริบๆ
สัตว์อสูรลดศรีษะต่ําลงมองสอดประสานสายตากับสหายของตนด้วยสมองอันว่างเปล่าหน่วย สอดแนมที่เป็นเป้าหมายหลักของพวกมันก็หนีหายไปไหนแล้วก็มิทราบ บัดนี้มองไม่เห็นแม้แต่เงาแม้จะมีสัตว์อสูรบางตัวที่มีจุดเด่นในเรื่องประสาทการดมกลิ่น แต่วิชาของอู่เฉินและทหารเกราะเหลืองก็ราวกับว่าเกิดมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กันโดยแท้จริง เพราะกลิ่นทั้งหลายล้วนถูกคลื่นลมพัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางจนยากจะจับต้นชนปลายได้ ฉะนั้นแล้วจึงเป็นไปได้ยากที่พวกมันจะสามารถติดตามไล่ล่าหน่วยสอดแนมทั้งสิบที่หนีไปก่อนหน้า
ฟีด
อสูรกิ้งก่าพ่นลมออกจมูก หางของมันตวัดตบตีพื้นดินอย่างอารมณ์เสีย มิเพียงเหยื่อที่หมายตาจะหนีรอดแถมยังได้รับบาดเจ็บเป็นของฝากก่อนจากลา เรียกได้ว่าศึกครั้งนี้มันขาดทุนอย่างย่อยยับเลยทีเดียว หลังระบายอารมณ์จนพอใจมันจึงหันกายเดินคอตกหายไปในความมืด
เมื่อเห็นเช่นนั้นอสูรที่เหลือทั้งห้าตัวก็แยกย้ายกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทางและทิศทางที่พวกมันมุ่งหน้าไปนั้นล้วนเป็นตําแหน่งที่มีพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือลอยอยู่เหนือตำแหน่งดังกล่าว พวกมันแยกตัวไปเข้าร่วมกับพลพรรคเป็นกําลังเสริมแก่สัตว์อสูรฝูงใหม่!
ภายในปาอสูร
” พวกเราจะไปกันแบบนี้จริงๆหรือ?” เหนือพื้นดินแต่มิพ้นแนวความสูงของตนไม้มีกลุ่มชายหญิงกลุ่มหนึ่งร่วมสิบชีวิตกําลังเคลื่อนที่ผ่านปาดงพงไพรต้นไม้ใหญ่ต้นแล้วต้นเล่าด้วยความเร็วที่อาจจะเรียกได้ว่าเชื่องช้าเล็กน้อยหากเทียบกับความเร็วในการวิ่งปกติ เหตุที่เปรียบเทียบกับการวิ งก็เพราะพวกมันทั้งสิบกําลังบินอยู่นั่นเอง
คนกลุ่มนี้ก็คือหน่วยสอดแนมที่ได้รับการช่วยเหลือจากอู่เฉินและทหารเกราะเหลืองให้ลี้ภัยห นีออกจากความอันตรายกลับสู่ฐานที่มั่นนั่นแล
ตอนนี้พวกมันเดินทางออกห่างจากตําแหน่งเดิมได้กว่าสามถึงสี่ร้อยเมตรอย่างราบรื่นไร้อุปสรรคไม่พบพานกับพันธมิตรหรือศัตรู
มีเสียงกระซิบกระซาบกันในหมู่คณะอย่างต่อเนื่องโดยเหล่าสมาชิกหน่วย ในน้ําเสียงแฝงไปด้วยความความหวาดกลัว
“ม-ไม่เป็นไรหรอก พวกเจ้าจําที่ท่านลู่เฉินกล่าวมิได้ ข้าว่าเมืองปีศาจต้องหาวิธีรับมือสัตว์อสูรพวกนี้ได้แล้วแน่ๆ” สมาชิกอีกรายกล่าว
“ใช่ไหมท่านหัวหน้า” สมาชิกอีกรายกล่าวถามหัวหน้าหน่วยเพื่อเพิ่มขวัญกําลังใจ
อ๊ากกก
ทันใดนั้นเองไม่ไกลจากเส้นทางที่พวกมันกําลังจะมุ่งหน้าไปบังเกิดเสียงหวีดกรีดร้องของบุรุษและสตรีทั้งยังมีเสียงอื่นแทรกเข้ามาเป็นระยะเป็นบางช่วง
หน่วยสอดแนมทั้งสิบสะดุ้งโหยงหยุดการเคลื่อนไหวโดยมิต้องนัดหมายพวกมันชะงักอยู่กับที่ไม่เดินหน้าหรือถอยหลัง คอยประคองระดับความสูงโดยการกระพือปีกพร้อมกับเงี่ยงหูฟังเสียงปริสนามองซ้ายขวาเลิ่กลั่กด้วยความแตกตื่น
ต้นกําเนิดเสียงนั้นเป็นตําแหน่งที่ใกล้เคียงกับเส้นทางที่พวกมันกําลังจะมุ่งหน้าไป สมาชิกทั้งเก้ามองหัวหน้าหน่วยของตนเป็นตาเดียวเพื่อรอการตัดสินใจของมัน
“ไปทางนั้น!” หลังจากครุ่นคิดไม่นานนักผู้นําหน่วยสอดแนมชี้ไปทิศตรงกันข้ามกับจุดกําเนิดเสียงเปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่
เหล่าสมาชิกทั้งเก้าผงกหัวเห็นด้วยกับความคิดหัวหน้าหน่วย เนื่องจากมันอันตรายยิ่งหากยังตัดสินใจมุ่งหน้าไปตรงๆและเฉียดเข้าใกล้บริเวณที่กําลังเกิดการปะทะกันอยู่ในขณะนี้
พวกมันออกเดินทางกันต่อในทันทีด้วยความเร็วสูงสุดที่พวกมันจะทําได้ขณะที่บินอยู่ปาดซ้ายปาดขวาหลบลําต้นไม้และสิ่งกีดขวาง
ครืนนน
ทันใดนั้นเองต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนึงที่พวกมันกําลังจะบินผ่านไปจู่ๆก็เกิดการสั่นไหว กิ่งก้านเล็กน้อยและใบไม้ร่วงหล่นปลิวว่อน หน่วยสอดแนมทั้งสิบหยุดชะงักลงอย่างฉับพลันด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ ตั้งท่าถืออาวุธเตรียมต่อสู้มองต้นไม้ต้นดังกล่าวตั้งแต่บนลงล่างด้วยความหวาดกลัว
ครีดด
บริเวณกึ่งกลางของลําต้นมีกิ่งก้านงอกเงยออกมาด้วยความรวดเร็วเหนือธรรมชาติน่าพิศวงดีงดูดความสนใจของหน่วยสอดแนมทั้งสิบให้มองไปยังตําแหน่งเดียวกันด้วยความฉงน
หลังจากงอกออกมาได้ความยาวราวหนึ่งเมตรชี้ตรงเด่มายังที่หน่วยสอดแนม ไม่กี่วินาทีต่อมากิ่งไม้กิ่งเล็กๆได้โค้งงอเป็นรูปร่างแปลกใหม่ในสายตาของผู้รอดชีวิตทั้งสิบ!?
“พฤกษา!!” จู่ๆผู้นําหน่วยสอดแนมเผลออุทานออกมาเมื่อมันเห็นสัญลักษณ์ของกิ่งไม้ที่แปรรูปเป็นคําศัพท์ที่มันคุ้นเคยยิ่ง