เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 694
ตอนที่ 694 กิ่งไม้
“สัตว์ประหลาดต้นไม้!?” สมาชิกสองถึงสามตนผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์อุทานด้วยความแตกตื่น
” สัตว์ประหลาดบ้านแกสิ พวกเอ็งไม่รู้จักสัญลักษณ์ของเมืองเซียนลุ่ยหรือไง?” สมาชิกรายหนึ่งกล่าว
“เมืองเซียนลุ่ย? ชื่อนี้คุ้นหูยิ่งนัก” สมาชิกวัยเยาว์ทวนคําถามพลางครุ่นคิด
“ข้านึกออกแล้ว มันคือเมืองผู้ปกครองทางตะวันตกของเผ่าปีศาจ เป็นผู้ใช้วิชาควบคุมธาตุไม้!!” สมาชิกวัยเยาว์รายหนึ่งกล่าวตอบด้วยสีหน้าสดใสหลังจากจมดิ่งในควานหาคําตอบจากสมองของตนอยู่เนิ่นนาน
“อ๋อ ข้านึกแล้วเชียวว่ามันคุ้นหูยิ่ง ที่แท้ก็เมืองแห่งไม้นั่นเอง” เหล่าสมาชิกวัยเยาว์กระจ่างชัดทันทีหลังได้รับคําตอบไขข้อสงสัย
“เฮ้อ เจ้าพวกนี้มันผ่านการทดสอบเข้าหน่วยสอดแนมมาได้อย่างไงเนี่ย” หนึ่งในสมาชิกที่ช่วงเวลาการทํางานนานกว่ากล่าวพลางสายหัว เหล่าสมาชิกที่ตื่นตูมเหล่านี้ล้วนเป็นสมาชิกใหม่ที่พึ่งเข้ามารับหน้าที่หลังจากผ่านเกณฑ์และรับการทดสอบทางร่างกายและทดสอบความรู้มาเป็นที่เรียบร้อย มันช่างน่าผิดหวังจริงๆที่พวกมันกลับหลงลืมความคิดรอบตัวง่ายๆเช่นนี้ไปเสียได้
“ถ้าอย่างนั้นคนจากเมืองเซียนลุ่ยต้องอยู่แถวๆนี้หนะสิมันถึงสามารถควบคุมต้นไม้ต้นนี้ได้”
“เมืองปีศาจส่งคนมาช่วยพวกเราแล้วใช่ไหม!!” เหล่าสมาชิกวัยเยาว์กล่าวอย่างตื่นเต้นยินดี
“ไม่หรอก วิชานี้เป็นวิชาขั้นสูงที่ใช้การควบคุมจากระยะไกล” สมาชิกอาวุโสของกลุ่มกล่าวอธิบายมอบความรู้แก่สมาชิกใหม่ผู้มิรู้ความ
“อ-อ้าว ถ้างั้นก็แสดงว่าพวกมันไม่ได้อยู่ใกล้ๆนี่หนะสิ”
“โธ์ ข้าก็นึกว่าจะมีคนมาช่วยพวกเราแล้วเชียว” สมาชิกวัยเยาว์กล่าวด้วยความเศร้า สร้อยหลังความหวังถูกพังทลาย
“ไม่หรอก พวกมันคงไม่ควบคุมต้นไม้ต้นนี้เล่นๆแน่นอน” ผู้นําหน่วยที่เงียบมานานกล่าวตอบ
ครีด
สิ้นเสียงของมัน กิ่งก้านที่โค้งงอเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซียนลุยถูกบิดเป็นเกลียวหมุนไปมาอีกครั้งก่อนจะขึ้นรูปร่างเป็นลูกศรชี้ไปยังทางใดทางหนึ่ง
“ความหมายของลูกศรนี่คือบอกให้พวกเราไปทางนั้นงั้นหรือ!?” หัวหน้าหน่วยมองตามที่ลูกศรชี้ไปพลางกล่าวกับตนเองด้วยความสงสัย
” แต่ท่านหัวหน้าพวกเราจะไปทางนั้นจริงๆหรือ ก็ทางนั้นมัน…” เหล่าสมาชิกกล่าวด้วยความไม่มั่นใจ เพราะทิศทางที่ลูกศรกิ่งไม้นี้ชี้ไปคือทิศที่พวกมันพึ่งฉีกหนีมา นั่นก็คือบริเวณที่เกิดเสียงโหยหวนของหน่วยย่อยที่คาดว่าจะถูกจู่โจมโดยสัตว์อสูร
เสียงทักท้วงของสมาชิกทําให้ผู้นําหน่วยลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่มันจะตัดสินใจได้ในที่สุดมันเลือกที่จะมุ่งหน้าตามทิศที่ลูกศรไม้นี้ชี้ไป
แทนที่จะมุ่งหน้าไปในความมืดโดยไร้จุดหมายโดยไม่ทราบว่าทางข้างหน้าจะเจอกับสิ่งใดสู้ฝากความหวังความเชื่อใจในพันธมิตรของของมันไม่ดีกว่าหรือ
พี่บพับ
หน่วยสอดแนมทั้งสิบกระพือปีกเคลื่อนที่เป็นแถวขบวน การเดินทางครั้งใหม่ของพวกมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในครั้งนี้มันราบรื่นและรวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากตามรายทางที่พวกมันมุ่งหน้าไปล้วนมีลูกศรกิ่งไม้บอกทิศ ชี้ตําแหน่งให้ตลอดทาง สิ่งที่พวกมันต้องทําก็มีเพียงแค่มุ่งหน้าตามไปอย่างว่าง่าย
อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com
แม้บางเส้นทางจะอ้อมไปสักเล็กน้อย บางจุดอาจเฉียดใกล้อันตรายไปเสียหน่อยอย่างเสียงรบกวนของสัตว์อสูรที่แว่วมาเป็นระลอกก็ตาม เมื่อเข้าใกล้จุดดังกล่าวลูกศรกิ่งไม้นี้ก็จะชี้ให้ไปอ้อมบริเวณดังกล่าวพาพวกมันไปยังเส้นทางใหม่ที่ปลอดภัยหายห่วง ลูกศรกิ่งไม้ที่ควบคุมโดยใครสักคนจากเมืองเซียนลุ่ยยังพาพวกมันหลบจากพื้นที่อันตรายที่ได้รับผลกระทบจากการพุ่งชนของหนอนยักษ์อีกด้วยและตอนนี้พวกมันก็ได้เดินทางมากว่าสามในสี่ส่วนของพื้นที่ในปาอสูร เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรพวกมันก็จะหลุดพ้นออกจากสมรภูมิอันป่าเถื่อนนี้เสียที พวกมันจึงผ่อนคลายกันมากขึ้นจนกระทั่ง
ช่าห์
ควาาา
มีเสียงร้องของสัตว์อสูรเกิดขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เมื่อฟังจากความหนักเบาในน้ําเสียงคาดว่าคงอยู่ราวยี่สิบถึงสามสิบเมตรนับว่าใกล้เคียงกับตําแหน่งปัจจุบันของพวกมันอย่างยิ่งแถมมันมิใช่สัตว์อสูรตัวเดียวเสียด้วย อย่างน้อยๆก็มีไม่ต่ํากว่าสองถึงสามสายพันธุ์ที่แตกต่างกันเมื่อฟังจากเสียงร้อง
ผู้นําหน่วยสอดแนมยกแขนขึ้นขวางเป็นสัญญาณหยุดขบวนทันที พร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดเหงื่อตกจากการใช้ความคิด เนื่องจากเจ้าลูกศรกิ่งไม้ที่นําทางพวกมัน คอยชี้นําเลือกหนทางที่ไร้อันตรายหายห่วงมาโดยตลอด แต่บัดนี้มันกลับสบั้นความปลอดภัยทิ้งเสียดื้อๆ เพราะทางที่ มันชี้ไปนั้นคือทางเดียวกันกับเสียงร้องของสัตว์อสูร
“พวกเราไปกันต่อ” ผู้นําหน่วยอึดสูดหายใจก่อนจะตัดสินใจเชื่อมั่นในสหายจากเมืองเซียนลุ่ยที่มันยังไม่เคยพบหน้า กล่าวอย่างเด็ดขาดเริ่มเดินทางอีกครั้งแต่ก่อนที่มันจะกล่าวจบประโยคเมื่อสายตาของมันหันกลับมามองเหล่าสมาชิกตาดําๆทั้งเก้านายที่มองมันด้วยดวงตาปริบๆความมั่นใจของมันก็แทบจะพังทลายลงไปในทันที
แววตาของสมาชิกทั้งเก้านายบ่งบอกจุดประสงค์ชัดเจนอย่างยิ่ง พวกมันไม่ต้องการมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่มีอสูรร้ายรออยู่!
เมื่อถูกจ้องด้วยแววน่าอันน่าสงสารของลูกหน่วยทั้งเก้าที่ฝากชีวิตไว้กับมันเช่นนี้ ทําให้ผู้นําหน่วยไขว้เขวดึงตัวเลือกที่ตัดสินใจไปแล้วกลับมาพิจารณาใหม่อีกครา
สุดท้ายมันก็ตัดสินใจเลือกทางใหม่โดยตั้งใจจะฉีกไปด้านซ้ายอ้อมไปให้ไกลจากเสียงที่รบกวนจิตใจ แน่นอนว่าการตัดสินใจของมันแทบไม่ต้องถามความเห็นจากสมาชิกหน่วย ปฏิกิริยาที่พวกมันแสดงออกก็เป็นอันอนุมัติโดยมิต้องใช้คําพูดใดๆ
ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ทั้งสิบมุ่งหน้าไปเส้นทางใหม่ทันที
ทว่าการเดินทางของพวกมันก็ถูกหยุดภายในระยะทางเพียงสิบเมตร เมื่อลําต้นไม้ตนนึงสูงระดับสายตามีกิ่งไม้งอกออกมาด้วยวิชาควบคุมธาตุไม้และชี้ลูกศรย้ําเตือนให้พวกมันกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม
แต่พวกมันก็เพียงแค่ชลอความเร็วลงชั่วครู่เท่านั้น หน่วยสอดแนมหาได้สนใจไม่ พวกมันเลือกจะเมินลูกศรที่ซื้อย่างไม่ดูตาม้าตาเรือมุ่งหน้าไปต่อ
ครืนนน
ไม่ถึงห้าเมตรลูกศรจุดที่สอง ต้นไม้สองต้นขนาบซ้ายขวาในเส้นทางที่พวกมันจะต้องเดินผ่านเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับมีกิ่งไม้ยิบย่อยหลายสิบกิ่งก้านงอกออกมาจากทั้งสองต้นเชื่อมเข้าหากันระหว่างกลางซ้อนทับกันไปมากลายเป็นตาข่ายไม้แผ่นบางปิดกั้นขวางทางไปโดยปริยาย
ครีด
ใจกลางตาข่ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงโค้งงอเปลี่ยนเป็นรูปร่างกลายเป็นรูปกากบาทขนาดใหญ่เพียงไม่นานนักมันก็เปลี่ยนสัญลักษณ์เป็นรูปลูกศรขนาดใหญ่ชี้ให้พวกมันกลับเข้ายังเส้นทางเดิม
“อะไรวะเนี่ย!?” สมาชิกรายหนึ่งมิอาจอดกลั้นความอดทนอุทานคําหยาบคาย
” ท่านหัวหน้า พวกเราทําลายไอ้ต้นไม้นี่แล้วไปกันต่อเถอะ” เหล่าสมาชิกเริ่มเกรี้ยวกราดปะทุความอัดอั้นระเบิดความโกรธแสดงอารมณ์เดือดดาล
” นี่พวกมันใช่พันธมิตรของเราจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่ว่าเป็นเผ่าอสูรตนใดแอบอ้างใช้วิชาพิศดารควบคุมต้นไม้หลอกให้เราไปตาย?” เหล่าสมาชิกวัยเยาว์ผู้ขวัญอ่อนกล่าวติดตลก
ครีด
ตอนนั้นเองตาข่ายกิ่งไม้แปรเปลี่ยนจากสัญลักษณ์ ประดิษฐ์คําสร้างตัวอักษรประกอบประโยคเป็นคําตอบกลับแก่สมาชิกหน่วยสอดแนมทั้งสิบที่พวกมันขยับปากอ่านโดยพร้อมเพรียงกันว่า “อสูรบ้านแกสิ”
“ ” พวกมันล้วนนิ่งเงียบฉับพลันมองหน้ากันด้วยความสับสนงงงวยไร้คําพูดใด
“ก-กิ่งไม้นี่มันได้ยินที่เราพูดด้วย!” สมาชิกวัยเยาว์กระซิบกระซาบด้วยความตกใจ