เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 702
ตอนที่ 702 ฝูงชน
ตึงงง
เหล่านักรบพลทหารเดินเท้าแนวหน้าทั้งมวลตั้งโล่ปักหลักมั่นบนพื้นเรียงต่อกันเป็นแถวนโล่เหล็กกล้าที่มีน้ำหนักมากมาต่อกันโดยไม่เว้นช่องว่าง พริบตาต่อมาคลื่นฝุ่นหินดินทรายสูงร่วมสองเมตรซัดออกมาจากป่าอสูรปะทะเข้ากับแนวป้องกันอย่างจัง คลื่นดินอันหนักหน่วงถูกหยุดลงด้วยพละกำลังช้างสารของนักรบเผ่าปีศาจผลกระทบมีเพียงส่วนบนของคลื่นที่เลยความสูงจากแนวโล่สาดเข้าไปในแนวป้องกันสร้างความสกปรกเล็กน้อยความเสียหายอื่นล้วนไม่มี
ฮ่ม! ผู้นำหน่วยสอดแนมเค่นเสียงในลำคอหดขางอตัวหุบแขนบดบังใบหน้าพร้อมกับสยายปีกบนหลังออกจนกว้างสุดความยืดหยุ่นที่ตนจะทำได้และใช้ปีกคู่นั้นโน้มมาด้านหน้าปกคลุมร่างครึ่งบนของมันทั้งหมดด้วยปีกของตน พริบตาต่อมาร่างกายของมันถูกกระแทกด้วยลมร้อนมวลใหญ่ เป็นผลพวงจากแรงระเบิดที่กระจายเป็นวงกว้าง ด้วยตัวมันที่บินอยู่บนที่สูงทำให้ไม่มีจุดยึดเหนี่ยวส่งผลให้ร่างของมันเสียสมดุลลอยเคว้งคว้างเสียหลักตกบนพื้นกลิ้งหลุนๆราวกับนกปีกหักชนเข้ากับกระโจมหลังหนึ่งที่มิได้สร้างมาเพื่อมุ่งหมายในความทนทานอยู่เป็นทุนเดิม ส่งผลให้กระโจมที่พักที่มีโครงสร้างเป็นไม้หุ้มบดบังด้วยผ้าพังครืนลงทั้งหลัง
อัก แม้มันจะเตรียมรับมือไว้แล้วผนวกกับร่างกายอันแข็งแรงทนทายาดของเผ่าปีศาจ ก็มิวายที่มันจะได้รับความเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อจากการร่วงลงจากที่สูงที่พอจะเทียบเท่ากับตึกสี่ถึงห้าชั้นผสมกับแรงอัดกระแทกจากชั้นบรรยากาศหลังเกิดระเบิด ส่งผลให้ความเร็วร่วงหล่นของมันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
กว่ามันจะตั้งตัวได้ก็ใช้เวลาร่วมนาทีเลยทีเดียว มองไปด้านหน้าพบหน่วยลาดตระเวณผู้เป็นสหายร่วมทางกำลังวิ่งเข้ามาหามันด้วยความตกใจอยู่ไม่น้อย เร่งเข้ามาช่วยพยุงมันขึ้นอย่างทุลักทุเล ส่วนลูกสมุนสมาชิกหน่วยสอดแนมทั้งเก่าของมันกำลังเก็บกวาดขอโทษขอโพยแทนหัวหน้าหน่วยของตนต่อนายแพทย์และผู้บาดเจ็บที่ยืนมองหน้ากับปริบๆมึนงงกับกระโจมที่หายไป…
ตู้มมมม
ว้ากก ขณะที่ผู้นำหน่วยสอดแนมยังมีนอนสมองยังไม่โลดแล่น จู่ๆก็มีเสียงดังโครมขึ้นในบริเวณที่ไม่ใกล้ไม่ไกลสักเท่าไหร่ ตามมาด้วยเสียงร้องหลงสะดุ้งตกใจจากหน่วยย่อยผู้สังกัดกลุ่มอื่น
อ-อาก
อาอะไร บังเกิดความความโกลาหล หลายรายยังมีอาการเฉกเช่นเดียวกับผู้นำหน่วยสอดแนม หูของพวกมันเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ประสาทรับกลิ่นยังแปรปรวน การมองเห็นฟังจะฟื้นคืนไม่ต่างกัน เมื่อจู่ๆมีเสียงหวีดร้องส่งผลให้อาการดังกล่าวส่งต่อเป็นทอดๆดั่งลูกโซ่
สายตาถูกดึงดูดจับจ้องมองไปยังทิศทางดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงพวกมันพบร่างชายผอมกะหร่องผู้เปิดฉากเสียงร้องแห่งความระทึกขวัญ นั่งจำเบ้าอยู่บนพื้นใบหน้าซีดขาวเป็นไก่ต้มมือข้างหนึ่งชี้ไปยังกลุ่มควันดินโขมงข้างกายด้วยร่างกายสั่นเทา เมื่อควันเริ่มบางตาถูกลมพัดหายจึงปรากฏร่างของสัตว์ประหลาดอสูรร้ายนอนอยู่บนพื้นดินที่เป็นหลุมลึกกว่าครึ่งเมตรที่เป็นต้นตอให้มันสติแตกต่อสายตาคนรอบข้างในบัดดล
ไก่ย่าง ไม่สิ นกย่าง? ชายรายหนึ่งกล่าวเมื่อมันเห็นร่างของสัตว์ร้าย ในสายตาของมันคือสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายคลึงกับไก่ตัวยักษ์ที่ดำเป็นตอตะโกคล้ายกับถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมควันฉุนส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วพื้นที่
นี่มันวิหคสามตา ขนบนร่างกายของมันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วหล้าว่าแกร่งราวกับเหล็กกล้าไม่เป็นสองรองใครในอสูรสัตว์ปีกด้วยกันเอง เป็นสัตว์อสูรที่ยากจะพบเห็นในบริเวณแถบนี้ ส่วนใหญ่แล้วพวกมันอาศัยในทางตอนใต้ของป่าอสูร ชายรายหนึ่งเอ่ยนามของเจ้าอสูรตัวนี้
ข้าจำเจ้าตัวนี้ได้ เมื่อครู่เป็นมันที่สามารถต่อกรกับนักรบจากเมืองฮวางจือกว่าสี่สิบนายเพียงลำพัง มันแม้กระทั่งทำให้นักรบวายุเหล่านั้นเสียเปรียบไม่อาจใช้กระบวนท่าใดฟันแทงสร้างบาดแผลบนร่างกายของมันได้เลย ชายอีกรายกล่าวเสริม
สมแล้วที่เป็นการผสานพลังกันของสี่ทัพ แม้แต่อสูรร้ายร่างกายแข็งดุจเหล็กกล้ายังไม่อาจต้านทาน ชายผู้หนึ่งกล่าวด้วยความชื่นชม
โอ้ นี่ท่านจะบอกว่าเป็นเพราะการโจมตีเมื่อครูที่ส่งร่างมันมาถึงนึ่งั้นรี
มันต้องใช่อยู่แล้ว ข้าว่าแม้แต่ราชาอสูรหากโดนแรงระเบิดขนาดนั้นก็คงรักษาชีวิตไม่ได้เช่นกัน เหล่าหน่วยย่อยแสดงความเห็น
ช-ใช่ ตอนนี้สมรภูมิเป็นยังไงบ้าง ผู้นำหน่วยสอดแนมกล่าว หลังจากมันเสียสูญก็มิได้รับรู้ทิศทางการต่อสู้ไม่เห็นภายนอกแนวป้องกันอีกเลย
ครืน
ราวกับเสียงของมันส่งไปถึงเหล่านักรบแนวหน้าผู้ทำหน้าที่ให้การปกป้องโดยสร้างแนวป้องกัน พวกมันเริ่มต้นเก็บกวาดพื้นที่ผลักโล่ของตนดันโคลนดินสูงสองเมตรที่บดบังภูมิทัศน์เกลี่ยออกไปสร้างพื้นที่ใช้สอย สภาพป่าอสูรที่เคยอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานับชนิดได้ประจักษ์ต่อสายตาพวกมันทั้งปวง
ราบเป็นหน้ากลอง คำนี้คงจะเหมาะกับทิวทัศน์ในสายตาของพวกมันยิ่งนัก ป่าไม้ที่มีอายุมากกว่าหมื่นปีต้นไม้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยกว่าพันปีที่ผลัดเปลี่ยนรุ่นมาหลายรุ่น บัดนี้ไม่เหลือเคร้าโครงเดิมอีกต่อไป สิ่งที่พวกมันเห็นในตอนนี้มีเพียงแต่พื้นที่ราบมีเพียงต้นไม่ใหญ่ไม่กี่สิบต้นที่ยังสามารถยืดหยัดไม่ล้มลงหลังพบกับแรงระเบิดที่แทบจะเรียกได้ว่าการทำลายล้าง
หากมาพบเห็นครั้งแรกคงยากจะเชื่อว่าที่แห่งนี้เคยเป็นป่ารกทึบที่มีต้นไม้ยักษ์นับหมื่นนับแสนต้นยืนอยู่ถัดกันเมตรต่อเมตร
แม้แต่ต้นไม้พันปียังไม่อาจยืดหยัด แล้วสัตว์อสูรวัยเยาว์จะเหลืออะไรให้กล่าวถึง สัตว์ปกติธรรมดาที่อาศัยอยู่ภายในล่ะ? แน่นอนคงไม่เหลือแม้แต่ซาก
ส-สัตว์อสูรนับร้อยตนถูกจำกัดในครั้งการโจมตีเพียงครั้งเดียว!? นักรบผู้หนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้นเลือดเนื้อสูบฉีดใบหน้าแดงก่ำ
พวกเราชนะแล้วใช่ไหม? พวกเราชนะเผ่าอสูรแล้วใช่ไหม!!!
ช-ใช่!! มันเป็นชัยชนะของพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัย!
สมาชิกหน่วยผู้เคาะห์ร้าย ตอนนี้สัตว์อสูรบัดซบที่พรากชีวิตของพวกเจ้าได้ตกตายลงด้วยน้ำมือของทัพปีศาจแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่ข้าไม่อาจแก้แค้นให้พวกเจ้าด้วยตนเองก็เถิด!!
ยอดเยี่ยม!! เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะคู่ก้องไปทั่วปฐพี
เดี๋ยวก่อนสิ พี่ชายข้ายังไม่ออกมาเลย ชายผู้หนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าหวั่นวิตก เมื่อครู่มันยังร่วมโห่ร้องยินดีแต่เพียงพริบตาเมื่อมันนึกคิดขึ้นได้ว่าน้องชายทางสายเลือดของมันยังไม่กลับออกมาจากป่าอสูร
เห้ย!? หลานสาวข้าสังกัดอยู่หน่วยย่อยที่แปด มีใครเห็นพวกเขาออกมาหรือยัง? เป็นชนวนลุกลามใหญ่โตเมื่อเหล่านักรบทั้งปวงเกิดความโกลาหล ควานหาญาติสนิทมิตรสหายหลายชีวิตที่พวกมันรู้จักมักคุ้น
ตามสถานการณ์ หน่วยย่อยที่ได้รับการช่วยเหลือและรวมตัวกันอยู่ที่นี่มีจำนวนครึ่งนึงของจำนวนหน่วยย่อยทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆอย่างส่งขาว คอยประสานงานและอีกหลายกลุ่มที่ประจำตำแหน่งอยู่ในป่าอสูร
แต่มันมีเพียงครึ่งเดียวที่สามารถรอดกลับมาได้ แล้วที่เหลือเล่า? พวกมันมิได้มองโลกในแง่ดีเกินไปจึงคิดเพื่อสถานการณ์ที่เลวร้ายดังเช่นบางส่วนถูกช่วงชิงชีวิตอันมีค่าไปโดยสัตว์อสูร แต่มันย่อมไม่สิ้นทั้งหมดอย่างแน่นอนซึ่งดูได้จากเหตุการณ์สุดท้ายก่อนเริ่มการโจมตีผสานของสี่เหล่าทัพ ที่ยังมีสัญญาณขอความช่วยเหลือถูกจุดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดหาย
พลังการโจมตีเมื่อครู่กวาดล้างทุกสิ่งอย่าง รวมถึงชีวิตกว่าครึ่งแสนของนักรบปีศาจไปจนหมดสิ้น!!
หือ? นั่นอะไรน่ะ! ตอนนั้นเองมีบางคนมองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนอดีตสมรภูมิรบ
ป่าอสูรที่บัดนี้ไม่เหลือสิ่งใดนอกจากดินโคลนและเศษซากต้นไม้ล้มระเนระนาด จู่ๆก็มีวัตถุทรงกลมผุดขึ้นมาจากใต้พื้นผิว
เน้ำไม่ใช่หรือ ชายอีกคนกล่าวเสริม
ยังไม่ทันสิ้นเสียงมันวัตถุประหลาดนั้นก็สลายแยกตัวออกจากกัน
นั่นน้องชายข้า!! บุรุษผู้นึงตะโกนเสียงดังด้วยความปิติเมื่อมันมองเห็นน้องชายของตนปรากฏกาย
นั่น ตรงนั่นก็มีอีก
ตรงนั้นด้วย เหล่านักรบต่างร้องตะโกนเมื่อพวกมันมองเห็นวัตถุทรงกลมโผล่ขึ้นมาจากพื้นผิวอย่างต่อเนื่องเพียงพริบตาเดียวก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน
วารีจองจำไว้สิ้นสุด!! ท่ามกลางคนหนุ่มสาวจากหน่วยย่อย ชายชราสูงวัยรายหนึ่งกล่าวขึ้น มันผู้นี้สวมใส่เครื่องแต่งกายชุดคลุมสีขาวพร้อมสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ามันมาจากหอโอสถ
วารีจองจำได้สิ้นสุด? นั่นมันวิชาที่นักรบจากเมืองเทียนหลางผู้ใช้พลังแห่งวารีใช้ออกเมื่อครู่มิใช่รึ
ใช่แล้ว มันคือวิชาที่ใช้เพื่อกักขังศัตรู ไม่ว่าใครเมื่อถูกวารีจองจำไว้สิ้นสุดจับกุมอยู่ก็ยากยิ่งที่จะหลุดรอดออกมาได้อีกแม้แต่สัตว์อสูรก็ตาม ชายชรากล่าวอธิบาย
แต่ข้าไม่คิดเลยว่า นักรบจากเมืองเทียนหลางจะประยุกต์ใช้วิชาสำหรับกักขังศัตรูมาใช้เพื่อปกป้องหน่วยย่อยเช่นนี้ ชายชรากล่าวชื่นชม
นี่ท่านจะบอกว่า พวกเขาใช้พลังปกป้องพวกเราที่ติดอยู่ในป่าอสูรจากแรงระเบิดเมื่อครู่งั้น!?
โอ้.. เหล่ามวลชนส่งเสียงฮือฮากันยกใหญ่