เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1027 ส่งมอบธุรกิจให้คุณ
หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิงอย่างหมดทางเลือก “ ช่างเถอะ นายก็อย่ามาคิดอะไรมาก เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แหละ เมื่อตะกี้ฉันก็พูดกับคุณปู่แล้ว นายมีเรื่องให้ทำตั้งเยอะแยะ งานบริษัทจัดการหมดแล้วใช่ไหม ? ”
ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโป จากนั้นผ่านไปสักพัก ถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ งั้นก็ได้ ฉันจะบอกพวกเขาไปว่า เรื่องนี้ก็เอาตามนี้ เรื่องที่บริษัทก็ดี ฉันจะจัดการเอง นายวางใจได้ ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน ชุยอี้ผิงก็หันมองไปทางด้านข้าง เมื่อเห็นตาอ้วนหลิวก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน
เขาก็หันไปหาตาอ้วนหลิว “ ใกล้ๆนี้บริษัทของเรากำลังจะถ่ายทำซีรีย์ย้อนยุค จำเป็นต้องใช้วัตถุโบราณบางอย่างมาประกอบฉาก คุณพอจะมีช่องทางไหม ? ”
ตาอ้วนหลิวเบิกตาโต “ ใช้วัตถุโบราณมาประกอบฉาก ? พวกนายนี่คิดกันออกมาได้จริงๆ ถ้าเกิดทำพังขึ้นมาจะทำยังไง ? ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกซีรีย์พวกนั้นหรอกนะ บางทีการลงทุนในซีรีย์เรื่องหนึ่ง
มันยังไม่พอกับวัตถุโบราณของใครสักชิ้นเลยด้วยซ้ำไป ! ”
“ จะเอาของจริงมาเล่นได้ไง เราต้องการแค่ของลอกเลียนแบบพวกนั้นเท่านั้น จะดีสุดคือสามารถสั่งทำไอ้ของพวกนั้นขึ้นมาได้ ”ชุยอี้ผิงกล่าว
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า “ ถ้านายพูดแบบนี้ ฉันก็เข้าใจแล้ว แบบนี้ก็ง่ายมาก เรื่องนี้ให้ฉันจัดการให้ เดี๋ยวกลับไปฉันจะเอาช่องทางการติดต่อให้นายทีหลัง หรือเดี๋ยวฉันช่วยติดต่อไปให้นายเอง ! ”
“ ถ้างั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ คุณว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ตอนนี้พัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะในธุรกิจภาพยนตร์และโทรทัศน์บางเมืองที่ค่อนข้างกระจุกตัวกันอยู่ เช่นเดียวกับที่ผมเพิ่งพูดถึงการสั่งทำของ อาจจะมีตลาดใหญ่รองรับอยู่ก็ได้ ? คุณสนใจที่จะทำด้วยกันไหม ? ”
ชุยอี้ผิงชำเลืองมองตาอ้วนหลิว และอดที่จะถามไม่ได้
ตาอ้วนหลิวแสดงสีหน้าดีใจ “ นายพูดแบบนี้ คงเป็นธุรกิจที่ดีจริงๆ เท่าที่ฉันรู้มา อุตสาหกรรมภาพยนตร์บางแห่งยังเคยเสนอให้บริการเช่าชุดผ้าโบราณ แต่พวกเขาไม่ได้เสนอที่จะสั่งทำให้
พวกเราสามารถทำอย่างละเอียดและลงลึกกว่าหน่อยได้ ”
ทั้งสองได้ตกลงกันและทำข้อตกลงกันต่อหน้าหยางโป
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น เขายังคงรู้สึกค่อนข้างที่จะอ่อนเพลียอยู่ เขามองไปที่ทั้งสองคน
” พวกคุณพูดคุยกันไปก่อน ผมจะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องสักครู่ ตอนเย็นเราค่อยมาคุยกัน ”
พอพูดจบ หยางโปลุกขึ้นอย่างช้าๆ ชุยอี้ผิงอ้าปากแต่ไม่ถามอะไร เขารู้ว่าหยางโปเป็นคนที่มีแผนอยู่ในใจ ในเมื่อตัดสินใจที่แล้วว่าจะไม่บอกพวกเขา คงไม่ยอมพูดอย่างแน่นอน
ฮัวชิงหยุนวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เธอประคองหยางโปกลับห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เมื่อหลินหลินเห็นหยางโปเดินออกไป ก็มองไปที่ชุยอี้ผิง ” อี้ผิง ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ควรทำยังไง
ดี ? ”
ชุยอี้ผิงส่ายหัว “ คุณป้า ผมก็อยากแก้ปัญหานี้เหมือนกัน แต่คุณป้าก็เห็นแล้ว ขนาดคุณปู่ยังทำได้แค่ฟัง แล้วผมจะทำอะไรได้ ? ”.Aileen-novel.
“ แต่จะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไม่ได้ แบบนี้มันอันตรายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่พูด ป้ายังไม่รู้เลยว่าประตูถูกทุบจนเป็นแบบนั้น เวลานั้นเราไม่เห็น ชายคนนั้นโหดเหี้ยมมาก คนปกติทั่วไปไม่กล้าออกหน้ากันเลย ” หลินหลินกล่าว
เวลานี้ จู่ๆหลินหลินก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอมองไปที่ตาอ้วนหลิว ” ผู้ชายที่คุณหามา ถูกเขาถีบตัวลอยไปคนนั้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
ตาอ้วนหลิวมีสีหน้าเขินอายเล็กน้อย ตอนนั้นเขาไม่กล้าเข้าไปประจันหน้า ดังนั้นถึงได้คิดจะใช้เงินเพื่อหาคนมาช่วย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าของดี จะดูดีแค่ภายนอกแต่ใช่ประโยชน์ไม่ได้ ถูกเขาถีบจนตัวลอยไปแบบนั้น สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าอับอายขายขี้หน้ามาก
“ ชายคนนั้นถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก เมื่อสักครู่ผมยืนยันกับโรงพยาบาลแล้ว ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
ชุยอี้ผิงมองไปที่ตาอ้วนหลิว ” สถานการณ์เริ่มแรกมันเป็นยังไง เล่าให้ผมฟังทีสิ ”
ตาอ้วนหลิวเลยต้องเล่าเรื่องย้อนเหตุการณ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้ฟัง
หยางโปกลับมาถึงที่ห้อง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าฮัวชิงหยุนที่ประคองเขามาเต็มไปด้วยความกังวล เขาจึงอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มให้ “ ไม่ต้องกังวล ไม่มีปัญหาอะไร คุณออกไปสักพักก่อน เดี๋ยวตอนเย็นผมก็ดีขึ้นแล้ว ”
ฮัวชิงหยุนเดินออกไปด้วยอาการที่อาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป
หยางโปฝึกวิชาขับเคลื่อนพลังลมปราณต่อ ทำให้บาดแผลที่แขนของเขาหายดีแล้วกว่าครึ่ง
เมื่อนึกถึงการต่อสู้ในตอนเช้า เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ช่องว่างระหว่างขั้นวรยุทธที่แตกต่างกัน มันจึงไม่ง่ายที่จะชดเชยให้ฟื้นสภาพกลับมาได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หยางโปก็ตื่นจากการฝึกซ้อม อาการบาดเจ็บภายในร่างกายหายเป็นปกติแล้วเกือบ 30% แต่ทั่วทั้งตัวยังคงดูเหนื่อยและไร้เรี่ยวแรง
หยางโปเดินออกมากินข้าวเที่ยง เขาพบว่าชุยอี้ผิงยังคงอยู่ที่นี่ เขาอดที่จะรู้สึกจนปัญญาไม่ได้ “ พวกคุณไม่ได้พูดคุยปรึกษากันเรื่องธุรกิจหรอกเหรอ ? ทำไมยังไม่เริ่มทำกันอีก ? ”
ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโป ” พวกเรากำลังรอนายอยู่ วางแผนไว้ว่าจะให้นายมาเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ ”
“ ให้ฉันเป็นผู้นำ ? ” หยางโปตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขามองไปทางตาอ้วนหลิว “ ทำไมถึงอยากให้ผมมาเป็นผู้นำล่ะ พวกคุณก็รู้ ผมไม่ใช่คนทำธุรกิจ ! ”
“ ถ้านายไม่ใช่คนทำธุรกิจ แล้วยังจะมีใครทำธุรกิจอีก ? ตอนนี้นายมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ ? ตัวนายรู้ไหม ? นายมีเหมืองหยกสองแห่งอยู่ในพม่า นายมีบริษัทเครื่องประดับของนายเองในประเทศ ลงทุนกับเกาะเสี่ยวเหยา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่กำลังก่อสร้างอยู่อีกแห่ง
และยังมีตึกของตัวเองในโตเกียวประเทศญี่ปุ่นอีกที่หนึ่ง แบบนี้ นายยังทำธุรกิจไม่เป็นอีกงั้นเหรอ ? ” ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโปโดยที่พูดไม่หยุด
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง เขายังไม่ทันได้สนใจจริงๆว่าตัวเองมีทรัพย์สินมากมายแบบนี้ เขาชายตามองชุยอี้ผิง ” แต่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ? ”
“ พวกเราคิดว่านายไม่มีอะไรทำ ว่างมาก ดังนั้นถึงได้ไปก่อเรื่องขึ้นตั้งมากมายแบบนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องส่งมอบงานนี้ให้ ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปส่ายหัว เขามองไปที่ตาอ้วนหลิว ” ไม่ได้ คุณมาทำดีกว่า ! ”
“ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ฉันทำงานร่วมกับพี่ชายของแฟนนายอยู่แล้ว เรากำลังจะเริ่มโครงการของตัวเอง นายให้สัญญาว่าจะร่วมลงทุนกับเราไว้แล้ว คงไม่กลับใจนะ ? ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เขาทำได้เพียงมองหน้าตาอ้วนหลิว ชุยอี้ผิงเองก็ส่ายหัว “ ตอนนี้ฉันก็ต้องบริหารและขับเคลื่อนบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ นายก็รู้ ตอนนี้บริษัทพัฒนาไปเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์ตอนนี้เพิ่มขึ้นเร็วในทุกปี บริษัทของเราต้องใช้ประโยชน์จากที่หุ้นตรงนี้ขึ้นมาพัฒนาศักยภาพ ! ”
“ นายไม่ชอบมันไม่ใช่เหรอ ? ” หยางโปชายตามองชุยอี้ผิง
“ นายไม่ได้สอนฉันมาหรือไง ? หากไม่เปิดหูเปิดตา ฉันก็ไม่ต้องอยู่ในแวดวงนี้แล้ว ! ” ชุยอี้ผิง กล่าว
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น “ พวกคุณต่างก็มีงานอยู่แล้ว ผมก็มีธุรกิจมากมาย ไม่จำเป็นต้องดูแลจัดการหรือไง ? ผมก็ยุ่งเหมือนกัน ! ”
“ งั้นลูกก็ยุ่งมากสินะ ! ” หลินหลินเข้ามาพร้อมกับซุป แล้วเธอก็วางซุปลงบนโต๊ะ “ นี่เป็นการตัดสินใจร่วมกันของพวกเราที่คุยกันเมื่อช่วงบ่าย ลูกว่างจนไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ ถึงได้ไปยั่วยุคนอื่นที่มีอิทธิพลเยอะขนาดนี้ได้ ถ้าลูกยุ่งขึ้นมา คงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ! ”
หยางโปตาโต เขาขมวดคิ้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไง เขาจะพูดออกมาหมดเลยก็ไม่ได้อีก จึงพูดได้เพียงว่า “ แม่ พวกคุณไม่เข้าใจ เรื่องนี้ผมไม่ได้ไปหาเรื่อง แต่เป็นลูกชายของเขาต่างหาก ”
“ ดูเหมือนเขาจะอายุแค่สามสิบเท่านั้น ลูกชายของเขาจะอายุสักเท่าไรกัน ? นายคงไม่ได้ไปรังแกนักเรียนมัธยมต้นมาหรอกใช่ไหม ? แล้วให้เขามาหาเรื่องถึงที่บ้านเนี่ยนะ ? ” ตาอ้วนหลิวพูดออกมาด้วยความแปลกใจ