เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 65
คุยกันส่วนตัว?
ที่เฉินเยี่ยนได้ยินเสียงแล้วสายตาเย็นชาขึ้นมา เป็นเพราะเธอฟังออกว่าคนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอวี๋เหวยหมิน
เขามาได้ยังไง? หลังจากเกิดเรื่องนั้นคนที่ไม่ควรมาก็คืออวี๋เหวยหมิน เขาไม่กลัวโดนตีเหรอ? ก็ถูก วันนี้พ่อไม่อยู่บ้าน ไปช่วยงานศพบ้านนั้นอยู่ อวี๋เหวยหมินถึงกล้ามา
หายไปนานขนาดนี้ นี่คือหาทางที่จะมาเล่นงานตัวเองได้แล้วหรือ? เธออยากจะดูว่าชายชั่วคนนี้จะใช้วิธีอะไรมาเล่นงานเธอ
ฝั่งหวางนิวก็ฟังเสียงอวี๋เหวยหมินออก สีหน้าโมโหขึ้นมา และไม่ถามเฉินเยี่ยนแล้ว เธอหันหลังไปเปิดประตูออกไปที่โถงบ้าน
“คุณป้า”
เป็นอวี๋เหวยยืนอยู่ที่โถงบ้านจริงด้วย พอเขาเห็นหวางนิวก็รีบยิ้มทัก ดูท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเขากับบ้านเฉินไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน
“ป้าอะไรกัน ใครเป็นป้าเจ้า อย่ามาซี้ซั้วเรียก ฉันเป็นให้ไม่ไหวออกไปเลย ฉันไม่รู้จักเจ้า เจ้าอยู่ที่ไหนสบายใจก็ไปอยู่ที่นั่นไป ถ้าเข้ามาบ้านข้าอีก จะตัดขาเจ้าให้”
หวางนิวระบายความโกรธใส่อวี๋เหวยหมิน ส่วนหวางจวนก็เข้ามาในห้อง
“อวี๋เหวยหมินมาเหรอ?”
เฉินเยี่ยนถามหวางจวน
หวางจวนพยักหน้า เธอกลัวเฉินเยี่ยนเสียใจ เลยรีบพูด “พี่ พวกเราไม่ต้องไปสนใจเขา พี่อย่าเสียใจไป”
“ฉันไม่เสียใจหรอก แค่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ามา”
เฉินเยี่ยนพูดตอบไป แต่ในใจกำลังคิดถึงจุดประสงค์ที่อวี๋เหวยหมินมา ตามปกติแล้วอวี๋เหวยหมินไม่ควรมานี่นา เธอคิดมาตลอดว่าเป็นเฉินเวยที่ออกหน้า”
“พี่”
หวางจวนเรียก คิดอยากจะพูดอะไร แต่ก็กลืนกลับเข้าไปอีก
“มีอะไร? มีเรื่องอะไรก็บอกฉันมา”
เฉินเยี่ยนรู้วาหวางจวนมีเรื่องจะพูด
“วันนี้หลังพี่ไปสหกรณ์ป้าก็ไปช่วยงานเหมือนกัน สักพักเสี่ยวเวยก็มา”
หวางจวนพูดไป พลางมองสีหน้าเฉินเยี่ยน
“เฉินเวย? เธอมาทำอะไร?”
เฉินเยี่ยนเข้าใจทันที วันนี้ที่อวี๋เหวยหมินมาต้องเกี่ยวข้องกับเฉินเวยแน่นอน คิดถึงจุดประสงค์ของเฉินเวย เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมาอีก “เฉินเวย มาถามเธอว่าทำผักกาดขาวเผ็ดกับกิมจิยังไงใช่ไหม?”
หวางจวนคิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะเดาถูก เธอพยักหน้า
“เธอไม่ได้บอกไปใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนคิดว่าหวางจวนไม่น่าจะบอก ครั้งที่แล้วเธอกำชับหวางจวนไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่ เฉินเวยคนนี้ถือว่าเก่งกาจ หวางจวนซื่อเกินไป
“เปล่าๆ ถึงแม้พี่จะสอนฉัน แต่พี่ไม่บอก ฉันก็ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ ฉันเลยไม่ได้บอก”
หวางจวนรีบส่ายหน้า คนอื่นนี่รวมถึงทุกคน ดังนั้นถึงแม้เฉินเวยจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน เธอก็บอกไม่ได้ นอกจากเฉินเยี่ยนจะอนุญาต
อีกอย่างคิดแล้ววันนี้คำพูดที่เฉินเวยพูดกับเธอ ตอนนี้เธอรู้สึกจริงๆ ว่าเฉินเวยไม่เหมือนภาพที่แสดงออกมา ที่จริงแล้วเป็นคนไม่ดี มิน่าพี่เฉินเยี่ยนถึงไม่ชอบเธอ
“ไม่ได้บอกเธอไปก็ดีแล้ว อีกหน่อยถ้าเธอมาถามอีกก็อย่าไปสนใจ ถ้าเธอพูดอะไร เธอว่าไปเลย อย่าไปกลัว และไม่ต้องรู้สึกไม่ดี”
เฉินเยี่ยนรู้จักเฉินเวยดี เฉินเวยถามหวางจวนไม่บอก เฉินเวยพูดขอความเห็นอกเห็นใจก็ไม่ได้ผล เธอต้องมาพูดจาหยาบคายกับหวางจวนแน่นอน หวางจวนต้องมาเจอเรื่องลำบากใจ
“ฉันรู้แล้ว พี่ วางใจได้”
หวางจวนพยักหน้า ก่อนหน้าเฉินเวยว่าเธอ ถึงแม้จะไม่ได้ด่าตรงๆ แต่ความหมายแฝงก็ไม่น่าฟังจริงๆ ตอนนั้นเธอลำบากใจมากจริงๆ แต่เธอยังกัดฟันไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น สุดท้ายเฉินเวยบอกเธอทำแบบนี้เพราะโดนเฉินเยี่ยนหลอกใช้ อยากจะหาคนมาใช้งานฟรีๆ บอกว่าเฉินเยี่ยนไม่ได้ดีกับเธอด้วยใจจริง เห็นเธอเป็นแค่วัวควายที่เอาไว้ใช้งาน บอกว่าเธอโง่ เห็นเฉินเยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณ ที่จริงเฉินเยี่ยนดูถูกเธอ เห็นเธอไม่พูดอะไร ยังพูดอีกว่าเธอเป็นวัวควายของเฉินเยี่ยน และก็เป็นวัวควายของเธอด้วย เพราะเฉินเวยเป็นพี่น้องแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน ส่วนหวางจวนก็เป็นแค่วัวควายของบ้านเฉินเท่านั้น ทำให้หวางจวนรู้ตัว ไม่อย่างนั้นภายหลังไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่ และอื่นๆ อีก
หวางจวนรู้ความหมายของเฉินเวย ฟังแบบนี้แล้วเธอเสียใจมาก แต่เธอไม่เชื่อเฉินเวย เฉินเยี่ยนปฏิบัติต่อเธอยังไง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นเธอไม่ฟังคำยุแยงของเฉินเวย และก็เพราะครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ว่าเฉินเวยเป็นคนยังไง แล้วตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะอยู่ห่างจากเฉินเวยหน่อย แต่เฉินเวยเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน เธอไม่สามารถพูดเรื่องไม่ดีของเฉินเวย ไปทำลายความสัมพันธ์พี่สาวน้องสาวต่อหน้าพี่เฉินเยี่ยนได้
“อะไร! เจ้ายังคิดจะมาสู่ขอเยี่ยนจื่อของเรา ฉันว่าอวี๋เหวยหมินนี่ฟ้ายังไม่มืดเลย เจ้าเพ้อฝันอะไรอยู่! บ้านฉันจะให้เยี่ยนจื่อมาแต่งงงานกับเจ้าได้ยังไง? สมองเจ้าโดนลาถีบมาสินะ ไป ออกไป รีบไปเลย อย่ามาทำให้ฉันขยะแขยง อยากจะมาขอลูกสาวฉัน ชาติหน้าก็อย่าหวัง”
หวางนิวเจอจุดประสงค์ที่อวี๋เหวยหมินมาจนเธออึ้งไป ด่าเสียงดัง
เฉินเยี่ยนที่อยู่ในห้องก็อึ้งไป อวี๋เหวยหมินมาที่บ้านเพื่อมาสู่ขอตัวเอง? อย่างที่หวางนิวว่า น้ำท่วมสมองเขาไปแล้วหรือ? รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มีทางแต่งงานกับเขา เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร?
“คุณป้า อย่าพูดแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงผมกับเยี่ยนจื่อก็เคยหมั้นกันมาก่อน ผมก็ยังรู้สึกกับเยี่ยนจื่อ เรื่องครั้งที่แล้วผมทำไม่ถูกต้อง คุณลุงก็ตีผมมาเหมือนกัน ผมสำนึกผิดแล้ว คุณป้าอย่าโทษผมเลย ป้าดูสิน้องเยี่ยนจื่อกับผมถอนหมั้นกัน ก็หาคนอื่นไม่ได้ง่ายๆ ที่ผ่านผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ แล้วมีแม่สื่อหาให้ผมไม่น้อยเลย ทำไมผมไม่เอาล่ะ? นั่นเพราะว่าในใจผมยังมีน้องเยี่ยนจื่ออยู่ ผมทำผิดไปแล้ว ผมไม่สามารถทำให้น้องเยี่ยนจื่อหาสามีไม่ได้ทั้งชีวิต ใครไม่เคยทำผิดบ้าง ทำผิดแล้วแก้ไขไม่ใช่เรื่องดีหรือ? พวกเราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน อีกหน่อยป้ากับลุงผมคอยดูผมดู ถ้าผมกล้าทำไม่ดีกับน้องเยี่ยนจื่อ พวกป้ามาตีผมได้เลย พวกป้าคงเชื่อใจผมแล้วใช่ไหม”
อวี๋เหวยหมินพูดดูจริงใจมาก ดูท่าทางแล้วเหมือนเขาสำนึกผิดจริงๆ แล้วดูเหมือนเขายังมีความรู้สึกกับเฉินเยี่ยนอยู่จริง
ถึงแม้ในใจหวางนิวจะโกรธ แต่อย่างน้อยอวี๋เหวยหมินก็พูดโดนใจเธอ สถานการณ์ของเฉินเยี่ยนแต่งงานยากจริงๆ ถ้าไม่เปิดเรื่องครั้งที่แล้ว อวี๋เหวยหมินและเฉินเยี่ยนก็ถือว่าเหมาะสมกัน ถ้าอวี๋เหวยหมินสำนึกผิดจริง ในอนาคตทำดีกับลูกสาว ถ้าอย่างนั้น…
หวางนิวกำลังคิดในใจ ตอนนี้เฉินเยี่ยนเดินออกมาจากห้องแล้วพูด “เป็นไปไม่ได้ อวี๋เหวยหมินคุณไม่ต้องพูดแล้ว ให้ฉันแต่งงานกับคุณ? ฉันยอมไม่แต่งงานทั้งขีวิต”
เฉินเยี่ยนไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ ของอวี๋เหวยหมินแน่นอน พูดอะไรเสียใจแล้ว อะไรยังมีความรู้สึกอยู่ เขาหวังจะให้ตัวเองตายมากกว่า
“เยี่ยนจื่อพูดถูก”
หวางนิวเห็นลูกสาวเดินออกมา เธอเข้าใจในทันที ไม่ได้เป็นอย่างที่อวี๋เหวยหมินพูด ทำไมต้องเอาลูกสาวตัวเองที่โดนเขาดูถูกมาให้แต่งงานกับเขาอีก ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ว่าไม่มีใครต้องการ”
“คุณป้า น้องเยี่ยนจื่อ…”
ฝั่งอวี๋เหวยหมินยังอยากจะพูดต่อ แต่โดนเฉินเยี่ยนตัดบท “อวี๋เหวยหมินถ้าคุณยอมบอกจุดประสงค์แท้จริงที่มา ก็ว่ามา ฉันขี้เกียจจะเล่นเกมส์เดาใจกับคุณ ถ้าไม่บอก ก็กลับไปได้”
เผชิญหน้าอวี๋เหวยหมิน สีหน้าเฉินเยี่ยนไม่ดีเลย ถ้าเป็นเฉินเวย เฉินเยี่ยนยังอาจจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องกับเฉินเวยไม่พูดจาไม่น่าฟังออกไป แต่อวี๋เหวยหมินเป็นคนทำร้ายตัวเอง ตัวเองด่าเขา แม้กระทั่งลงมือ ก็ไม่มีคนสงสัย
“ใช่แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ คราวหน้าไม่ต้องมาที่บ้านฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาไม้กวาดมาตีเจ้าให้ตาย”
หวางนิวก็ร้องเสียงดัง
สีหน้าอวี๋เหวยหมินดูย่ำแย่ขึ้นมา แต่คิดถึงจุดมุ่งหมายที่มาวันนี้ เขาปรับกลับมาให้เป็นปกติ แล้วพูดกับเฉินเยี่ยน “เยี่ยนจื่อ พวกเราคุยกันส่วนตัวได้ไหม?”