เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 19 เบอร์ไม่โชว์
เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 19 เบอร์ไม่โชว์
ฉินหร่านนั่งอยู่บนฝาชักโครก นิ้วมือวางแนบไปตามสายสีดำของหูฟัง
ประตูห้องน้ำยังปิดอยู่
ข้างนอกประตูมีเสียงฝีเท้าจ้อกแจ้กจอแจ จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักเรียนเดินมาเปิดประตูห้องน้ำ
เด็กคนนั้นช็อกไป
เธอไม่คาดหวังว่าจะมีคนนั่งอยู่บนฝาชักโครก สายตามองกลับมาดูผ่อนคลาย สีหน้าเยือกเย็นราวน้ำแข็ง เด็กในห้องน้ำยกริมฝีปากยิ้มอย่างเหม่อลอย ภายใต้แสงหม่นที่ลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กของห้องน้ำ ใบหน้าของเธองามลออสุดๆ
เมื่อเด็กสาวที่อยู่ในห้องน้ำเห็นประตูเปิด เธอแสร้งเลิกคิ้วให้ผู้เปิดประตูด้วยแววคมกริบ
“ข…ขอโทษนะ” ใบหน้าของเด็กที่เปิดประตูแดงก่ำ เธอปิดประตู แล้วเดินไปเปิดห้องน้ำห้องอื่นแทน
ใบหน้าของฉินหร่านยังคงราบเรียบเหมือนเดิม
เด็กสาวหน้าสวยตั้งค่าจ้างไว้สูงกว่าราคาตลาดสิบเท่า เพราะเธอไม่อยากจะรับงานอีก แถมยังไม่สนว่าพวกนั้นเคยสั่งงานเธอมาก่อนหรือเปล่า แต่ตอนนี้ มีไอ้งั่งที่เสนอราคาที่สูงกว่าราคาเธอห้าเท่า
ฉินหร่านสบถออกมา และยังพูดรัวไม่ยั้ง แม้จะมีเด็กคนอื่นในห้องน้ำอยู่ด้วย แต่เธอไม่รู้จักคำว่าเก็บอารมณ์
ความหงุดหงิดในน้ำเสียงนั้นปรากฏชัด แม้จะใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง
คนที่อยู่ปลายสายอีกฝั่งไม่กล้าพูดอะไร
แล้วเธอก็ตัดสายทันที
ฉินหร่านเก็บโทรศัพท์เช้ากระเป๋า หูฟังยังห้อยที่ใบหู สายสีดำที่แขวนอยู่ข้างใบหน้าเธอทำให้หน้านั้นดูขาวขึ้น
แม่สาวอารมณ์เสียค่อยๆ ล้างมือก่อนจะเดินออกไป
สำหรับช่วงศึกษาด้วยตัวเองตอนเย็น เธอไปกับหลินซือหราน
เฉียวเซิงอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว แถมเขายังเรียกชื่อสองสาวด้วย
สวีเหยากวงที่เดินอยู่ข้างหนุ่มช่างจ้อถือหนังสือไว้สองเล่ม เขามองดูทางเดินด้วยสีหน้าเฉยเมย
“สวีเหยากวงเย็นชาสุดๆ เลย ตานั่นไม่สนใจใคร ยกเว้นเฉียวเซิงกับฉินอวี่” กรรมการนักเรียนสาวหันมาซุบซิบกับเพื่อนร่วมโต๊ะ
นักเรียนคนสวยถอดหูฟังออกช้าๆ โดยไม่พูดอะไร
ตอนนี้ ช่วงศึกษาเองเลิกแล้ว นักเรียนมากมายออกมาเดินข้างนอก เด็กสาวผู้ลึกลับหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่คนเยอะที่สุดมาได้ เพราะทุกคนรีบกลับ จึงทำให้เหลือคนไม่มากบริเวณทางเดิน
ผู้เป็นน้องยืนถือหนังสือรอที่ตรงทางขึ้นบันได
เด็กใหม่และเพื่อนร่วมโต๊ะเดินผ่านอดีตดาวไป เด็กสาวลดเสียงให้เบา แล้วพูดในระดับที่มีเพียงแค่เธอและพี่จะได้ยิน “ไปที่โรงแรมเอินอวี๋พรุ่งนี้หกโมง ญาติฝั่งแม่จะมา”
เด็กสาวตัวท็อปไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนอกจากนั้น แต่ทว่าในน้ำเสียงกลับสื่อถึงความรู้สึกเหนือกว่าแฝงไว้
พี่สาวสุดรั้นที่ล้วงกระเป๋าข้างหนึ่งอยู่ หรี่ตาลงเล็กน้อย
แต่ไม่ได้เดินช้าลง
เมื่อเด็กหญิงที่มาแจ้งข่าวเห็นใบหน้าของพี่ของคงราบเรียบ แถมยังส่อแววเย็นชา จึงพูดต่อว่า “คุณป้าจะไปงานพรุ่งนี้ด้วย”
พอถึงตอนนี้ ผู้เป็นพี่เริ่มตอบสนองบ้าง เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หันหน้าไปหาผู้พูดเพียงเล็กน้อย แล้วตอบเบาๆ ว่า “โอเค”
พี่น้องคู่นี่พูดกันไม่ถึงสามวินาที ขณะที่เดินสวนกัน
แม้แต่เพื่อนร่วมโต๊ะที่มาด้วยก็ยังไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
“ไปกันเถอะ” หลินซือหรานได้ยินเสียงฉินอวี่พูดกับนายน้อยสวีด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม
ฝ่ายชายแทบจะไม่เปิดปาก
“ฉินอวี่นี่เป็นผู้ชนะทุกเรื่องในชีวิตจริงๆ” กรรมการสาวพูดด้วยความกระตือรือร้น แล้วกระซิบกับเพื่อนที่เดินมาด้วย “สมาชิกครอบครัวนี้ทุกคนต่างเป็นอัจฉริยะ พ่อแม่และพี่ชายเธอรักฉินอวี่มาก และทุกปี การจัดงานวันเกิดจะใหญ่โตมาก ที่โรงเรียน สวีเหยากวงยังคอยปกป้องเธออีก นั่นถึงบอกเธอไปไงว่าห้ามแหยมกับเด็กคนนี้”
เด็กสาวอีกคนเลิกคิ้วให้ผู้พูด แต่ไม่พูดอะไร
ที่ด้านหลังพวกเขา
ฉินอวี่กำลังพูดคุยกับเพื่อนหนุ่ม นักเรียนหญิงส่วนมากในโรงเรียนอิจฉาที่เธอคุยกับเขาได้ ในขณะที่พูดคุยกับหนุ่มป๊อป น้องสาวเผลอมองไปทางพี่โดยไม่รู้ตัว
ฉินหร่านไม่ได้หันหลังกลับมา
นายน้อยสวีเปลี่ยนไปถือหนังสืออีกมือแทน แล้วถามขึ้นแบบเป็นกันเอง “เธอคิดเพลงใหม่ๆ ได้บ้างไหมช่วงนี้”
เด็กหญิงที่เดินมาด้วยกันเอียงคอเล็กน้อย ตกใจนิดๆ
จากนั้น เธอก็เม้มปาก พานจำโน้ตที่อยู่ในโพสต์อิตขึ้นมาได้ เด็กสาวเบือนหน้าไปอีกทาง “ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไร ถามดูเฉยๆ” เด็กหนุ่มนิ่งไป
“มีเพลงใหม่ด้วย นายรู้ได้ไงอ้ะ” ฉินอวี่ยิ้มออกมา
สวีเหยากวงค้างไปสองวินาที ดวงตาค่อยผ่อนคลายลง “คราวหน้าตอนเธอฝึกไวโอลิน ฉันจะไปดูนะ”
**
ตอนเย็นของวันถัดมา
เด็กพาร์ตไทม์เดินออกมาจากห้องพยาบาลของโรงเรียน แล้วเดินไปตามถนนเล็กๆ ที่อยู่ข้างประตูโรงเรียนเพื่อรอรถ
ช่วงกลางวัน แม่โทรหาเธอบอกว่าหลินจิ่นเซวียนจะมารับสองพี่น้องไป
ตอนเย็น อากาศไม่ได้ร้อนมากมายนัก
เด็กสาวที่ออกมาถึงก่อนมองดูต้นไม้ที่พลิ้วไหวฝั่งตรงข้าม เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา อีกสิบนาทีจะหกโมง
รถคันสีดำค่อยๆ เลื่อนมาถึงหน้าประตูโรงเรียนจากฝั่งซ้าย
ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ช้าไปนิด
แล้วรถก็ผ่านหน้าเด็กสาวที่รอคนมารับไป
พอถึงสุดถนน รถคันเดิมเลี้ยวกลับมา
หน้าต่างฝั่งคนขับเลื่อนลงทำให้เห็นใบหน้าหล่อๆ เขาแตะตุ้มหู แล้วพูดขึ้น “นี่…ฉินหร่าน มาทำอะไรที่นี่น่ะ”
ลู่จ้าวอิ่งเป็นคนประเภทที่พูดมากและชอบหลี เขาอัธยาศัยดีกับทุกคน และคิดว่าตัวเองสนิทกับฉินหร่านแล้ว
เด็กสาวถือมือถือไว้อย่างหงุดหงิด เธอกดนิ้วลงบนริมฝีปาก เลิกคิ้ว รอบๆ ตัวคนที่ยืนไม่ค่อยมีลม ใบหน้าเธอบูดบึ้ง
และเย็นชา โดยเฉพาะวันนี้
ดาวโรงเรียนมองไปทางถนนในโรงเรียน และไม่ได้เอ่ยอะไร
หากเป็นคนอื่น นายน้อยลู่คงหัวเสียไปแล้ว
แต่นี่คือฉินหร่าน เด็กบ้าชอบถือดี ยัยเด็กนี่หน้าตาดีโคตรๆ เขาก็เลยโมโหไม่ลง
ผู้ช่วยหนุ่มยังอยากจะพูดอะไรต่อ
แต่แล้ว กระจกรถด้านหลังถูกลดลงต่ำ
นายน้อยกึ่งเอนพิงประตูรถ แล้วมองไปข้างนอก ดูราวกับภาพวาดที่ได้รับการรังสรรค์มาอย่างดีเลิศ หมอหนุ่มทำเสียงหึๆ ในลำคอ “จะไปไหนน่ะ”
“เอินอวี๋”
“อ้อ” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า “ทางผ่านพอดี พวกเราจะไปส่งแล้วกัน”
ลู่จ้าวอิ่งแทบจะกัดลิ้นตัวเอง ทาง…ผ่านงั้นเหรอ
เด็กสาวข้างนอกก้มหน้า ดึงแจ็กเกตโรงเรียนให้กระชับตัว แล้วขึ้นรถไป
ชายหนุ่มเจ้าของรถเลื่อนตัวเพื่อเปิดที่ให้ ขนตายาวคู่นั้นหรุบลงมา
รถของนายน้อยหมอสะอาด และไม่มีกลิ่นน้ำหอม เพราะเจ้าของไม่ชอบ
แต่ในตอนนั้น หมอหนุ่มได้กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ
เขาจึงเอนหลังพิงบานประตูเงียบๆ
โรงแรมเอินอวี๋ไม่ห่างจากโรงเรียน ใช้เวลาขับรถเพียงยี่สิบนาที
มือถือของคนที่ขับรถดังขึ้น เขาหาหูฟังบลูทูธไม่เจอ จึงได้โยนมือถือไปด้านหลัง “นายครับ รับให้หน่อย”
ผู้เป็นนายยังเอนหลังพิงประตูรถ ตามองไปที่เบอร์โทรเข้าอย่างเอื่อยเฉื่อย หุ่นเขาสูงเพรียว ขาเรียวยาวนั้นดูเหมือนจะไม่มีพื้นที่ให้เหยียดออกได้เต็มที่ หมอหน้าหล่อนั่งอยู่เบาะหลังจึงทำให้เขาดูตัวงอตอนที่ใช้เรียวนิ้วสวยๆ นั้นกดมือถือ
แขกใหม่บนรถไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังโทรศัพท์
เพียงแต่ว่าคำพูดนั้นฟังดูคุ้นเหลือเกิน
เธอได้ยินเจ้าของรถพูดด้วยเสียงเนิบแต่แฝงด้วยอำนาจ “ในเมื่อห้าเท่าไม่พอ งั้นเพิ่มเป็นห้าสิบเท่าไปเลย”
ฉินหร่านขมวดคิ้ว
ส่วนคนข้างๆ วางสายไปแล้ว
รถมาถึงที่ จึงได้จอด
เด็กสาวขอบคุณพวกเขาก่อนลงจากรถ
ลู่จ้าวอิ่งกำลังจะติดเครื่องรถอีกครั้ง ในพื้นที่รถแคบๆ นั้น มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก
“ไม่ต้องห้าสิบเท่าแล้ว จัดไปร้อยเท่าเลย”
ผู้ช่วยหนุ่ม “คุณเจวี้ยน นั่นไม่ใช่มือถือผม”
ผู้เป็นนายเอี้ยวคอไปดู ที่เบาะด้านหลังเขา มีมือถือเครื่องสีขาวที่ไม่ได้เป็นของชายหนุ่มทั้งสองตกอยู่ ไอดีของคนที่โทรเข้าปรากฏให้เห็น แต่เบอร์กลับไม่โชว์